The Hunger Games: Catching Fire – ความเห็นหลังชม

catching fire reader reviewวาไรตี้คาดว่าหนัง The Hunger Games: Catching Fire น่าจะเปิดตัวสุดสัปดาห์นี้ในสหรัฐอย่างต่ำ 160 ล้านเหรียญสหรัฐครับ หนังทำรายได้วันพฤหัสบดีไปราว 25 ล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะทุบสถิติรายได้หนังเดือนพฤศจิกายนที่ The Twilight Saga: New Moon ครองไว้ที่ 142 ล้านเหรียญไปได้อย่างสบาย แต่จะเกิน 174 ล้านเหรียญ อันเป็นรายได้หนังเปิดตัวสูงสุดปีนี้ของ Iron Man 3 หรือไม่ ก็คงต้องรอลุ้นกัน ส่วนรายได้ที่บ้านเรานั้นก็น่าจะสร้างสถิติสักอย่างได้ เพราะรายได้เปิดตัววันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้ที่ 11.86 ล้านบาท ตามรายงานของไบโอสโคปครับ มีแววว่าจะเป็นหนังทำเงิน 100 ล้านของบ้านเราในปีนี้แน่ๆ

สำหรับผมแล้ว The Hunger Games: Catching Fire ทำได้ถึงกว่าภาคแรกในทุกองค์ประกอบ คิดว่าเหตุผลอย่างหนึ่งก็คือผู้สร้างมั่นใจมากขึ้นว่าหนังจะประสบความสำเร็จ ทำให้มีการลงทุนไปกับงานสร้างมากขึ้น ทำให้ฉาก การออกแบบเครื่องแต่งกาย เทคนิคพิเศษต่างๆ ดูลงทุนและให้ความยิ่งใหญ่มากขึ้น ขณะที่การเล่าเรื่องก็มีมีการใส่รายละเอียดเข้ามาเพิ่มในระดับที่ช่วยให้เราอินหรือสะเทือนใจไปกับตัวละครได้ง่ายขึ้น มีหลายฉากที่เรียกน้ำตาได้แบบที่ภาคแรกทำไม่ได้ โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละคร ผู้กำกับฟรานซิส ลอว์เรนซ์ รู้จักที่จะขยี้อารมณ์ และรู้ว่าผู้ชมต้องการอะไรจากหนัง สามารถใช้เทคนิคได้เหมาะกับผู้ชมที่เป็นแมสได้มากกว่าเทคนิคที่ผู้กำกับแกรี่ รอส ใช้ในภาคแรกที่ออกจะเล่าในเชิงสัญลักษณ์ (ไม่ได้จะบอกว่าเทคนิคของใครดีกว่ากันนะครับ ทั้งสองคนดีในทางของตัวเอง แต่ลอว์เรนซ์เหมือนจะแคร์คนดูมากกว่า) ที่สำคัญก็คือภาคแรกไม่อาจทำให้รู้สึกกดดัน หรือลุ้น หรือทำให้รู้สึกถึงอันตรายได้เมื่ออยู่ในเกม แบบที่ Catching Fire ทำได้

สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษของหนัง นอกจากงานสร้างแล้วก็คือการแสดง โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่างเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่มีการแสดงที่ละเอียด ทรงพลัง และเป็นธรรมชาติ ช่วยให้เราเข้าใจความขมขื่น ความอึดอัด ความคับแค้นใจ ความกลัว ความเสียใจ จนท้ายที่สุดระเบิดเป็นความโกรธได้อย่างที่เราเหมือนร่วมรู้สึกไปกับเธอด้วย เธอเป็นคนที่ทำให้หนังซึ่งดีอยู่แล้วกลายเป็นหนังดีเลิศขึ้นไปเลย ลอว์เรนซ์ได้แสดงให้เห็นว่าเธอคือแคทนิสได้ตั้งแต่ภาคแรก แต่ภาคนี้ บทของเธอมีอะไรให้เธอได้แสดงมากกว่า และหนังก็ใช้ประโยชน์จากความสามารถของเธอได้ดีกว่าภาคแรกมากครับ

การที่หนังเป็นภาคกลางขั้นก่อนไปถึงบทสรุป อารมณ์จึงยังดูค้างคา และไม่รู้สึกว่ามันสุดจริงๆ มันกำลังพุ่งปี๊ดในตอนท้ายเรื่องแล้วถูกตัดจบ ทำให้ไม่แน่ใจว่ามันเป็นตอนจบที่ดีไหม แต่ก็ให้ความรู้สึกว่ามันกำลังจะพาไปสู่เรื่องราวที่มีพลังกว่าครับ 9/10

บทวิจารณ์จะตามมาทีหลังครับ (ค้างไว้หลายเรื่องมาก) ชมกันมาแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ร่วมแสดงความเห็นกันเลยครับ

11 comments

  1. หูยยย พี่ให้9เต็ม10 เลยเหรอครับบ..
    แต่ผมก็เห็นว่าสมควรนะ….อีกสิ่งนึงที่ผมเห็นในภาคนี้อีกอย่างก็คือ..
    ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังรักยังไงชอบกล…..พระเอก พระรอง นางเอก อะไรแบบนี้อ่ะ ฟินมากกกก
    แอบหลงรักพีต้ากับความโรแมนติค ที่ถ่ายทอดออกมาโดยตรงๆแบบไม่เคอะเขิน แต่ชัดเจนและกินใจ
    หลายๆคนอาจจะชอบเกล…..แต่ถ้ามีผู้ชาย ให้เลือก ระหว่าง เกล กับพีต้า …หึหึ….พีต้ามาวิน
    เอ่ออเด๋ยวจะหลงประเด็นกับความเวิ่นเว้อของผม….
    อย่างที่บอกอ่ะครับบ ภาคนี้ทำได้ดีกว่าภาคแรกจริงๆในทุกๆด้าน ไปดูมาแล้วใช้เวลาเป็นชั่วโมงแต่รู้สึก
    ว่ามันไวมากกก จบแล้ววเหรอออออ อยากดูต่อเว้ยยเฮ้ยยยยย….
    ข้อเสียอย่างเดียว คือไปดูในโรงมักกจะเจอคนหลายประเภท มีคนนึง เดินออกมาพร้อมกับบ่นๆว่า
    อะไรวะไม่เห็นจะสนุกเลย นึกว่าจะฆ่ากันเยอะกว่านี้…..เลยแอบเซ็งนิดๆ

  2. ชอบที่ ผกก. เคารพต้นฉบับมากๆครับ
    จบตามหนังสือเป๊ะๆ อารมณ์ค้างเหมือนกันเป๊ะๆ

    ชอบมากจริงๆครับ หนังจากนิยายก็มีเรื่องนี้แหละที่สามารถทำหนังออกมาได้ดี
    ตามหลัง Harry Potter

  3. ยอดเยี่ยมมากครับภาคนี้
    จัดเต็มมาก มาหมดไม่มีกั๊ก เรียกว่าถอดออกมาจากหนังสือได้ดีมากจริงๆ มุมกล้องไม่เวียนหัวเหมือนภาค 1 ด้วย

    ส่วนฉากจบ ตามที่คุณ jediyuth ว่ามานั้น ต้องบอกเลยว่าหนังทำตามหนังสือเป๊ะๆเลยครับ จบแบบนี้เลย

  4. เหมือนกับที่ The Empire Strikes Back เป็นสำหรับ Star Wars: A New Hope

    คือยกระดับทุกอย่างขึ้นไปเลย ไม่มีตรงไหนด้อยกว่า The Hunger Game เลยซักนิดเดียว

  5. ชอบองค์ประกอบทุกอย่างของภาคนี้จริงๆครับ เห็นด้วยกับคุณ Jediyuth เรื่อง การแสดงของเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ แสดงได้เอาอยู่ เข้าถึง สีหน้าแววตาแต่ละสถานการณ์ที่ผ่านไป ความกลัว สับสน สิ้นหวัง เธอแสดงได้ออกมาละเอียดจนเชื่อเลยครับ ว่าเธอคือ แคทนิส เอฟเวอร์ดีน ที่ภายนอก เข้มแข็ง เย็นชา ไร้มนุษยสัมพันธ์ แต่ตัวตนภายในเธอคือผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อ่อนไหว อีกคนที่ต้องชมคือ จอร์จ ฮัทเชอร์สันครับ เค้าเป็นพีต้า ได้ติดตา ขนาดผมเป็นผู้ชายผมยังรู้สึกชื่นชมเค้าเลย การแสดงออก แววตา ท่าทาง ที่มองแคทนิส คือแบบมันใช่อ่ะ รักอย่างที่ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ ถึงแม้จะไม่ได้รับรักตอบ กินใจมาก ส่วนเกลของเลียม เฮล์มเวิร์ทผมว่าบทยังน้อยไป และการโผล่มายังไม่มีอะไรน่าประทับใจ และขโมยซีนจากพีต้า ไม่ได้เลย ส่วนตัวหนัง รู้สึกได้ถึงการทุ่มทุนเพิ่มขึ้นจริงๆ กับโลกอนาคต โลกของแคปปิตอล การมียานขนส่ง (ซึ่งอันนี้ผมแอบงงครับ เพราะไม่เคยอ่านหนังสือ ว่าทำไมไม่เดินทางด้วยยานขนส่งแทนรถไฟ ซึ่งน่าจะใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า สะดวกกว่า) สเกลของหนังยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกมาก และบรรยากาศการล่าในเกม ลุ้นระทึกกว่าภาคแรก ภาคนี้ดูแล้วรู้สึกได้ว่านี่คือการตามล่าเอาชีวิตจริงๆ ผมว่าภาคแรกยังไม่ค่อยรู้สึกถึงความตึงเครียดตรงนี้เท่าไหร่ ซึ่งอาจจะเกี่ยวกับภาคแรกเป็นเด็กแสดงซะส่วนใหญ่รึเปล่า เลยยังดูไม่จริงจัง เคร่งเครียดเท่า โดยรวมคือสีหน้าและแววตาของแคทนิสคือ จุดปะทุ ระเบิดในภาค 3 ที่น่าจะเป็นสเกลใหญ่มากในการลุกฮือของประชากรทุกเขต อยากดูภาค 3 เร็วๆแล้วสิครับ *ปล.ความคืบหน้าภาค 3 เดินหน้าไปรึยังครับ หรือถ่ายไปพร้อมภาค2 นี้แล้ว

  6. อารมณ์ยังค้างหลังจาก ไปดูมาเมื่อวาน หนังเกือบออกจากโรงไปแล้วครับ ชอบทุกองค์ประกอบในหนัง เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ สุดยอดมากครับ ทำให้คนดูเอาใจช่วยตลอด แสดงได้ครบทุกมิติของอารมณ์ในเรื่อง หวาดกลัว เสียใจ เข้มแข็ง กล้าหาญ ปกป้อง แคร์คนที่รัก เศร้า รู้สึกผิดตลอดเวลา แค่ฉากช่วงแรก ที่เดินสายโชว์ตัวในเขตต่างๆ ที่เธอแสดงว่าเสียใจตลอดเวลา เอาคนดูอยู่ และทำให้เรารู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่องได้ตั้งแต่ต้น พิต้า ก็เยี่ยม เนิบๆ ไม่ใช่ผู้ชายที่โดดเด่นอะไรเลย แต่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อแคตนิส นักแสดงประกอบคนอื่นๆก็ยอดเยี่ยม ทั้ง วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ที่แอบขโมยซีนทุกฉากที่ออก Effie Trinket ก็ยอดเยี่ยมในส่วนของความเว่อร์ (แต่แฝงด้วยความสงสาร แคตนิสอย่างจับใจ ตอนวันก่อนการแข่งขัน) ส่วนคนที่แสดงเป็นผู้พิชิตคนอื่นๆ ก็เล่นแบบไม่มีแทงกั๊กกันเลย ยกระดับความเข้มข้นโดยรวมทุกองค์ประกอบได้เอาอยู่ ทั้ง Finnick Odair, Mags, Johanna Mason ที่แสดงได้แสบสันต์ (ฮามากกับฉากในลิฟท์) หนังให้จังหวะในช่วงต่างๆได้อย่างมีจังหวะ สร้างอารมณ์ร่วม ก่อนที่จะไปเร่งอารมณ์ตอนสุดท้าย ปิดที่ใบหน้าแคตนิส ที่เปลี่ยนจากความเศร้าเสียใจในประกายตา มาเป็นอารมณ์โกรธแค้น เท่ห์มากครับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ สุดยอดฝีมือที่อายุน้อยมาก แทบทนรอภาคสามไม่ไหวแล้ว

  7. ภาคนี้จะดีมากเลยครับ ถ้าไม่มีบทคุณยายmags เพราะมันเศร้าเกินไป ผมดูแล้วคิดถึงย่าตัวเองที่เพิ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้ว เหมือนมันรู้สึกถึงความสูญเสียจริงๆ บอกเลยว่าร้องไห้ครับกับฉากที่คุณยายยอมวิ่งเข้าไปในหมอก

Leave a Reply to ก้อนดิน กูมันอาร์ตตัวพ่อCancel reply