Furious 7 – ในความเห็นของคุณ

furious 7 reader reviewด้วยการที่ Furious 7 หรือที่ใช้ชื่อในไทย Fast & Furious 7 มีฐานแฟนคลับจำนวนมากอยู่แล้ว รวมถึงการที่ผู้ชมอีกจำนวนมากอยากไปชมหนังเรื่องนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงพอล วอล์คเกอร์ ที่เสียชีวิตไปก่อนการถ่ายทำ หนังมีแนวโน้มที่จะทำรายได้มหาศาล ซึ่งยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ที่สร้างหนังชุดนี้ ก็คาดว่าจะอย่างน้อย 115 ล้านเหรียญสหรัฐในสุดสัปดาหฺแรกของการเปิดฉายในอเมริกาเหนือ แต่ดูเหมือนว่าหนังมีแนวโน้มจะทำเงินสูงไปกว่านั้นมากระดับ 150 ล้านเหรียญเลยครับ

ตามรายงานของเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ บอกว่า หนังทำรายได้เปิดตัววันศุกร์ในอเมริกาเหนือ 67.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าหนังจะเปิดตัว 3 วัน ที่ 150 ล้านเหรียญ (โดยยังไม่รวมรายได้รอบเที่ยงคืนอีก) ส่วนรายได้จากตลาดโลกตั้งแต่วันพุธกับพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็รวมกันได้ราว 60 ล้านเหรียญ มีแนวโน้มว่ารายได้ทั่วโลกในสุดสัปดาห์แรกของการเปิดฉายน่าจะแตะ 300 ล้านเหรียญสหรัฐครับ ถือว่าสูงที่สุดของหนังชุดนี้ที่เคยทำได้มา

รายได้ในบ้านเราก็ทำสถิติเช่นกันครับ หนังเปิดตัววันแรกในวันพุธที่ผ่านมาด้วยรายได้ 42 ล้านบาท เฉพาะจากโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ ซึางถือเป็นรายได้เปิดตัวสูงในการฉายวันธรรมดาที่สุดตลอดกาลของบ้านเรา แซง Transformers: Age of Extinction ที่เคยครองตำแหน่งนี้ ไม่เพียงแค่นั้น รายได้เปิดตัววันพุธของบ้านเรายังถือว่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก จาก 12 ประเทศที่เปิดฉายในวันนั้น เป็นรองเพียงฝรั่งเศสกับเยอรมัน

ในแง่คำวิจารณ์ หนังได้คะแนน CinemaScore ที่ A ซึ่งเป็นคะแนนจากการสำรวจของบริษัทด้านการตลาดในสหรัฐต่อความเห็นของผู้ชมหลังจากชมหนังเรื่องนี้ ขณะที่คะแนนของ Rotten Tomatoes ก็อยู่ในระดับปานกลางที่ 6.6/10 และมีนักวิจารณ์ชอบ 88% จาก 158 นักวิจารณ์ แต่ถือว่าเป็นคะแนนจากนักวิจารณ์ที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกภาค

แล้วผู้อ่านเว็บไซต์ของเราชอบหนังในระดับไหนครับ หรือคิดยังไงกับหนังกันบ้าง ให้คะแนนหรือเกรดกันเท่าไหร่ ชอบฉากแอ็คชั่นไหนที่สุด ชอบตัวละครไหนที่สุด รู้สึกยังไงกับงานฮอลลีวู้ดเรื่องแรกของจา พนม และชอบฉากสุดท้ายของหนังกันไหม มาใส่ความเห็นกันได้เลยครับ

23 comments

  1. ***ไม่มีสปอย***

    ผมพิมพ์แล้วก็ลบข้อความอยู่นาน ไม่รู้จะพิมพ์อะไรถึง Fast 7 ดี เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงที่สมองมันยังตื้อๆตันๆ อยู่ ผมรู้สึกว่า Fast 7 ภาคนี้มันเป็นอะไรมากกว่าหนังนะ ส่วนคนดูก็เป็นอะไรมากกว่าคนดูไปแล้ว ยิ่งคนที่ชอบ Fast มาตลอด ผมเชื่อว่า ภาคนี้จะทำให้เรารู้สึกถึงการเป็น Family ของ Fast เข้าไปอีกเยอะเลยด้วยซ้ำไป

    หนังระดับนี้ ยังไงผมก็คิดว่า คุณควรไปดูกันในโรงฯนะ จะมีใครบอกโคตรมัน หรือโคตรห่วย แต่หนังแบบนี้ “มันต้องไปดู” อ่ะ เพราะงั้นผมจะไม่ขอพิมพ์รีวิวยาวๆไรเกี่ยวกับตัวหนังมากนัก แต่ขอบอกเอาไว้ว่า

    ภาคนี้โคตรรรรรมันส์ มันจริงๆ มันระเบิดระเบ้อ ลดดีกรีความเว่อร์ของภาคก่อนลงมาหน่อยนึง มันสนุกและก็ระห่ำมาก มากซะจนผมยังนึกไม่ออกเลยว่า ภาคต่อไปจะทำให้สุดยอดกว่านี้ได้ยังไง ฉากแอ๊คชั่นโคตรเยอะ คุ้มค่าตั๋วแน่นอนถ้าอยากดูฉากมันๆนะ

    เจสัน ยังคงเส้นคงวา ในฉากต่อสู้ ทำได้ดีตามสไตล์ และผมคิดว่า บทบาทแบบ Fast 7 นี้แหละ ที่เหมาะกับเจสันสุดๆ

    ส่วน จา พนม ผมยอมรับเลยว่า พอถึงฉากที่จา จะออกมาแสดงแล้ว ผมโคตรตื่นเต้นอ่ะ มันตื่นเต้นจนตัวสั่น (พูดแบบไม่ตอแหลเลย) จะได้เห็นในหนังฮอลลีวู้ด จะได้ดูคิวบู๊แล้ว จาจะเล่นอะไร เล่นดีไหม บทเป็นไงวะ มันตื่นเต้นไปหมด แล้วพอได้ดู ก็รู้สึกภูมิใจจริงๆ คิวบู๊ท่วงท่าต่างๆไม่ได้ต่างอะไรจากที่เคยเห็นมา “แต่” พอเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนคนต่อสู้ และเปลี่ยนมุมกล้อง+ตัดต่อ มันทำให้ดูดีขึ้นมาเยอะเลย

    หลังจากพอล วอร์คเกอร์ เสียชีวิตไประหว่างถ่ายทำ ผมพยายามนั่งนึกอยู่บ่อยๆว่า หนังจะปรับบท และเขียนบทสรุปตัวละคร ไบรอัน โอ คอนเนอร์ ออกมายังไงบ้าง ตัวละครและนักแสดงที่ผมชอบมากๆ ก็ต้องฝากความหวังไว้กับ ผู้กำกับและคนเขียนบท ซึ่งพอดูมาถึงบทสรุปของเรื่อง ต้องยอมรับเลยว่า มันคือฉากจบที่ดีที่สุดเรื่องนึงของวงการภาพยนตร์เลยล่ะ มันเพอร์เฟคมากๆ ดีกว่าที่ผมคิดไว้เองหลายเท่านัก

    ขอบคุณ ผู้กำกับ เจมส์ วาน ที่ทำให้ซีรีย์ Fast เหมือนเกิดใหม่ ทั้งคารวะของเก่า และใส่ของใหม่เข้าไป ทำให้สดใหม่ และมองเห็นแนวทางภาค 8 มาแต่ไกล แถมมันสุดๆเลย ขอบคุณ คนเขียนบท คริส มอร์แกน ที่แก้บทสรุปตอนท้ายให้แก่ พอล วอร์คเกอร์ มันคือบทสรุปที่ดีเยี่ยมจริงๆ ประทับใจและอยู่ในความทรงจำอีกนานเท่านานแน่นอน

    Fast 7 คือฟาสภาคเดียว ที่ทำให้ผมเสียน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง

    โพสต์นี้ผมขอมอบให้แด่ พอล วอร์คเกอร์ ด้วยความขอบคุณและคิดถึง

    • เห็นด้วยทุกประกาารครับ หนังมันมากๆ แต่ฉากจบ ผมให้เป็นฉากที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์ชุดนี้เลย ภาคอื่นดูจบแล้วจบเลย แต่ภาคนี้ฝังใจกับฉากสุดท้ายมากครับ

  2. เริ่มเรื่องได้น่าสนใจ ได้รำลึกถึงวันเก่าๆ ผูกเรื่องราวทั้ง6ภาค ด้วยภาค7ได้สมบูรณ์แบบ สานต่อความมันส์ไม่ยั้งที่น่าตื่นตาตื่นใจและสดใหม่ และสรุปจบเรื่องราวในความสูญเสียของโลกแห่งความเป็นจริงกับเรื่องราวในโลกของพวกเขา(และพวกเรา)ได้อย่างลงตัวและประทับใจที่สุด ตลอดระยะเวลา14ปี ที่ผ่าน มันเป็นช่วงที่ต้องเก็บรักษาไว้และไม่มีวันลืมเลยจริงๆ ” Fast, Furious”

  3. Fast and Furious : For Paul

    หนังมันส์ ฉากแอ็กชั่นมันส์ระเบิดมีแฝงมุมล้อซีรีย์ตัวเอง ที่ตัวละครในเรื่องของย้ำ ว่าเคยผ่านอะไรเวอร์ๆมาแล้วภาคนี้จะเจออะไรอีกเนี้ย ที่สำคัญ มีจาพนมที่บทเด่นทีเดียว ภูมิใจที่คนไทยไปได้ในระดับนั้น ก่อนจบทิ้งปมภาคต่อไว้เพียบ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นตอนจบของหนังที่ซึ้งที่สุดในซีรีย์นี้เลยทีเดียว
    ก็อย่างที่หนังจะสื่อนั่นแหละครับ For Paul

  4. อยากดูมากถึงขนาดโดดงานไปดูรอบเช้าเลยทีเดียวครับ คนครึ่งโรงเยอะกว่าที่คาด ตัวหนังเองสนุกแบบไม่มีปัญหา ขาดแค่ความสมูทนิดๆ หน่อยๆ ผมว่ายังไม่เนียนไปนิดๆ บอกไม่ถูก เจสัน น่าจะอัพเลเวลมากกว่านี้อีกหน่อย (อยากเห็นวิน ดีเซล น่วมกว่านี้) คิวบู๊ จา พนม กับ พอล ผมชอบมาก รวมๆ แล้วสนุกมากครับ แต่เทียบกับ Fast Five (ส่วนตัวคิดว่าดีที่สุด) แล้วด้อยกว่านิดหน่อย

    ฉากจบน้ำตาไหล ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะมีโมเม้นแบบนี้ นึกย้อนกลับไป Fast ภาคแรก ดูที่เมเจอร์ เวิลด์เทรด (ยังไม่เป็นเซ็นทรัลเวิลด์) สนุกมาก ดูไป 5 รอบช่วงไม่กี่วัน ทำให้รู้สึกรักตัวละครที่ทำให้หนังสนุกและเรามีความสุขกับทุกๆ ภาคที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อสิบกว่าปีจะต้องมีวันนี้

    RIP ครับ Paul Walker

  5. ทุนสร้างภาคนี้ก็เยอะอยู่นะครับ 250 ล้านเหรียญ เปิดตัวระดับนี้ก็สมควรแล้ว รอดูweekถัดไปจะรายได้จะตกเท่าไหร่ ผมว่าอย่างน้อยภาคนี้น่าจะจบไม่เกิน300-350ล้านเหรียญในอเมริกา แต่ถ้ากระแสไม่ตกก็มีสิทธิ์ถึง400ล้านเหรียญซึ่งถ้าเป็นจริงโอกาสได้1000ล้านเหรียญทั่วโลกก็มีสิทธิ์เป็นไปได้

  6. ยังไม่ได้ดูเลยภาค 7 เเต่ภาค 1-6 ดูทุกภาค มีเเค่ภาค 1 กับ 3 tokyo ที่ไม่ได้ดูในโรง หนังคุ้มเงินทุกเรื่อง เลยถ้าเสียเงินเข้าไปดู

  7. “สปอยรึปล่าวไม่รู้ ลบได้เลยครับ”
    ขณะกำลังดู Fast7 คับ มีฉากที่พอลกำลังคุยกับมีอาร์ เหมือนการบอกลา บอกรัก ต้องไปทำภารกิจ
    แฟนผมก็ถามขึ้นว่า “พอลจะตายมั้ยอะ”
    ผม”ไม่ตายหรอก โดยไม่ได้คิดอะไร (แต่พอมองกลับไปยังจอภาพยนตร์ที่มีพอลกำลังแสดงอยู่นั้น ภาพหลายๆภาพก็เกิดขึ้น ข่าวเมื่อปี56ก็กลับเข้ามาในหัว) ทำให้คิดว่า เราได้เสีย Paul walker นักแสดงมากฝีมือไปแล้ว
    ปล. ฉากจบมันเกินจะบรรยายครับ เงียบกันทั้งโรง #RIPPAUL #forpaul

  8. Furious 7 – บอกตรงๆ ถึงแม้จะดูสนุก แต่หนังชุดนี้แต่ละภาคไม่ค่อยเป็นที่น่าจดจำ(สำหรับผม)เท่าไหร่ ผมแทบจำไม่ได้ว่าเนื้อเรื่องของภาค 4 5 6 เป็นยังไง จำได้แต่ฉากเด่นๆ ของแต่ละภาค (ขโมยเซฟยักษ์เอย ขับรถทะลุเครื่องบินเอย) กระนั้น หนังชุดนี้ก็ยังมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้คนที่ไม่ใช่แฟนหนังแอคชั่น-แข่งรถอย่างผมรู้สึกผูกพันธ์ไม่น้อย(โดยเฉพาะกับตัวละครหลักๆ) จึงไม่แปลกใจที่ฉากสุดท้ายเล่นเอาผมแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ …แด่พอล [8/10]

  9. เหมือนหนังสือรถรุ่นที่เล่าเรื่องตลกฝืดในช่วงหน้าหลักๆ แต่จบได้ซึ้งในหน้าสุดท้าย

  10. ความมันของหนังเรื่องนี้เปรียบเสมือนคนที่ฉีดอะดีนาลีนพลุ้งพล่านไปทั่วร่างกาย คือ ตั้งแต่ต้นจนจบแทบไม่มีเวลาหยุดพัก ถึงแม้จะโม้สะบั้นแต่ก้อมันสะบึม
    จา พนม ออกไม่มาก แต่ก้อไม่น้อย เป็นส่วนที่เสริมให้บทของพอล เป็นที่น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสองต้องปะทะกัน คิดแล้วนึกถึงสมัย เจ็ท ลี ไปเล่นเป็นตัวร้ายปะทะ เมล กิ๊บสัน ในริกค์ ภาค 4
    ซึ่งจริงๆแล้วทั้งฟาสและริกค์ ต่างก้อเน้นประเด็นความผูกพันและรักกันจนเหมือนครอบครัวเดียวกัน
    และสุดท้ายต้องยอมับจริงๆว่ากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่กับฉากจบที่ให้เกียรติและเป็นฉากอำลาตัวละครของพอลอย่างน่าประทับใจ
    เราจะจดจำนายตลอดไปนะพอล

  11. ******มีสปอยบางฉาก******

    ใน Furious 7
    เป็นฉากเปิดเรื่องในตระกูล Fast ภาคแรกที่ทำให้ผมตาตื่นได้กับการนิยามความโหดของตัวละคร เดคคาร์ด ชอว์ หนังไม่เพียงคงคอนเซปความเว่อร์แต่ยังเพิ่มดีกรีให้สูงขึ้นไปอีก ในขณะที่ตัวหนังก็ยอมรับในข้อผ่านตัวละครตัวนึง ซึ่งเก๋ไปอีกแบบ

    ส่วนของการปูเรื่องเพื่อสร้างไตรภาคใหม่นั้นถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ตัวละคร มิสเตอร์โนบอดี้ ที่พยายามทำให้เราตั้งคำถามว่า เขาเป็นใคร หรือ มีจุดประสงค์อะไร ดีหรือร้ายกันแน่นั้น บทของหนังยังไม่ส่งไปถึงจุดนั้น อาจด้วยเพราะตัวหนังมีฉากแอ๊คชั่นที่เยอะมาก

    ในด้านความฮาถือว่าค่อนข้างดรอปลงเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะตัวละครที่สร้างสีสันด้านนี้ ที่มาค่อยตบมุขของตัวละครเกรียนอย่าง โรมัน นั้นน้อยลงด้วย

    ในด้านฉากแอ๊คชั่นเป็นอะไรที่จัดหนักจัดเต็มมาก หนังให้ความอิ่มในด้านนี้จนพุงกางเลย ถึงแม้ในส่วนของความเว่อร์นั้นจะทำให้เลี่ยน แต่ส่วนตัวเลี่ยนระดับนี้รับได้ แต่ก็ไมใช่จะดีไปหมดทุกอย่าง ฉากคนปะทะคนนั้นชอบคู่ ไบรอัน กับ เกียรติ มากที่สุด พี่จาเราทำได้ดีเลย

    ในส่วนของฉากจบนั้น ทำเอาผมน้ำตาซึมเลย เป็นฉากที่ประทับใจมากที่สุดในหนังตระกูลนี้เลย ต้องยกเครดิตให้ผกก. กับคนเขียนบท และนักแสดงทุกคนเลย ยิ่งฉากที่ไบรอันขับรถแยกทางไป แล้วภาพของฉากนั้น รถสีขาวที่มุงหน้าไปยังสถานที่ไม่สิ้นสุดนั้น ราวกับว่าตัวละครนี้ได้ไปสู่ที่ของเขาแล้ว(ผมมโนว่าสวรรค์เพราะรถสีขาวสื่อเหลือเกิน) และจะอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป

    โดยรวมที่ว่าทำได้ดีและสมกับที่ตั้งตารอมาทั้งอิ่ม ทั้งประทับใจ และผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะอยู่ในใจแฟนๆไปอีกนาน…

    ส่วนนี้เป็นคหสต.มากๆ
    ฉากรถพุ่งข้ามตึกนั้นสำหรับผมมันดันชวนให้นึกถึงเหล่าพองเพื่อนกลุ่มนักสืบเยาวชนในโคนัน เดอะ มูฟวี่ 5 แทน เพราะมันช่างเหมือนกันยิ่งนัก ใครเคยดูจะรู้ และที่ตะหงิดใจคือการดวลกันของ ดอม และ เดคคาร์ด ในตอนท้ายเหมือนมันไม่สุด ไม่สมกับความโหดของเดคคาร์ดด้วย ส่วนนี้ผมคิดว่าฉากที่ ฮ๊อบส์ กับ ดอม ดวลในภาค 5 ทำได้ดีกว่า แต่อาจเป็นเพราะเดคคาร์ดตัวเล็กกว่าก็ได้มั้งครับผลเลยออกมาอย่างที่เห็น
    และที่คาใจอีกอย่างคือฉากดวลกัน เดคคาร์ด เอามาทั้งปืน ระเบิด แต่กลับไม่ใช้เลยซะงั้น ตัวหนังก็บอกแล้วแหละว่าสู้กันข้างถนน เข้าใจว่าปืนอ่ะไม่ใช้ แต่ระเบิดมันมากเกินไปหน่อย จนผมคิดว่าเอามาให้ ดอม บึ้มคอปเตอร์เหรอ ไม่เมคเซ้นเลย ใครเข้าใจเหตุผลช่วยบอกผมทีนะครับ

  12. ******* สปอย ********

    เฉพาะเนื้อเรื่องในหนังนะครับ หนังสนุก แต่ไม่ค่อยประทับใจเหมือนภาค 4-6 รู้สึกยังขาดเสห์น่ Fast บางอย่างที่จัสติน ลินทำได้ แต่เจม วานยังทำได้ไม่ดีเท่า เช่นมุมกล้องฉากแอคชั่น มุมกล้องที่นั่งคนขับ ดูแล้วรู้สึกเลยว่าคนละผู้กำกับ การเริ่มเรื่องช่วงครึ่งชม.แรกนั่นน่าสนใจมากๆ แอบชมเจม วานอยู่ในใจว่ามาถูกทางที่เปิดตัวเจสัน สเตแธมและแสดงให้เห็นว่าตัวละครนี้เป็นยังไง ร้ายกาจแค่ไหน ฉากที่ 1-1 กับเดอะร็อคการันตีได้ดี จนกระทั่งมาเจอตัวละครเคิท รัสเซล ผมกับรู้สึกไม่ค่อยชอบเนื้อเรื่องส่วนนี้เหมือนเจม วานจะทำให้เรื่องมี Mission ขโมยของหรืออะไรบางอย่างเป็นธรรมเนียมของ Fast ที่ทำกันในภาค 5-6 ซึ่งจริงๆไม่ใช่ ยังไม่ค่อยอินกับตัวละครเคิท รัสเซล และตัวร้ายจิมอน เฮาซู รู้สึกว่าไม่ต้องมีก็ได้ เหมือนทำมาเพื่อวางไว้ให้มันมีภาคต่อ เลยทำให้บทบาท ชอว์ ดูดอปลงไปเลยทั้งๆที่มีความสำคัญมากๆ เลยคิดว่าถ้าทั้งเรื่องเป็นเรื่องระหว่างชอว์กับครอบครัวกลุ่มนี้คงจะเข้มข้นมากๆ ตอนแรกรู้ว่าลูคาส แบล็คกลับมาแสดงนึกว่าจะได้เห็น DK คนนี้มาร่วมล่าตัวละครเจสัน สเตแธมเพราะถือว่าฮานเป็นครอบครัวของ DK คนนี้เหมือนกัน กลับเป็นแค่มาส่งของ…ผิดหวังครับ ทั้งที่ตัวละครมีบทบาทสำคัญอยู่

    ส่วนแอ็คชั่นรู้สึกว่ามันเว่อเกินไปจริงๆ ภาค 5-6 ก็มีเว่อบ้างนะแต่ยังพอรับได้ แต่ภาคนี้มันเกินจริงเยอะมากไปหน่อยเหมือนทำเอามันลูกเดียว เหมือนยืมตัวละครกลุ่มนี้มาใส่ฉากแอ็คชั่นอะไรก็ได้ แต่ก็ยังสนุกและตื่นเต้นมากๆ

    รู้สึกเสียดายตัวละครชอว์ของเจสัน สเตแธม ถ้าเป็นจัสติน ลินคงจะทำได้ดีกว่านี้อีกมาก ยังจำอารมตอนภาค 6 ได้ว่าทิ้งท้ายไว้แบบนี้มันสุดยอดมากๆ เอาเนื่้อเรื่องเก่ามากพลิกทำภาคต่อ ซึ่งเจม วานเริ่มต้นได้ดีแต่เดินต่อไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีตัวละครนี้เท่าไหร่

    ส่วนฉากจบรู้สึกเป็นฉากที่ให้เกียรติพอล วอคเกอร์มากๆ บทพูดของวิน ดีเซลพูดให้พอล วอคเกอทั้งโลกความจริงและโลกในหนัง เจม วานทำตอนจบได้ดีครับ ตอนแรกคิดว่าภาค 7 อาจจะต้องฆ่าตัวละครตัวนี้แต่กลับคิดเรื่องให้พอล วอคเกออยู่ในโลกของ Fast ตลอดกาลได้ เยี่ยมยอด ประทับใจมากครับ

    ส่วนตัวไม่อยากให้มีภาคต่อนะครับ ถ้าผู้สร้างเห็นความสำคัญของตัวหนังเองมากกว่าเงินนะครับ รู้สึกว่าจบแบบนี้ดีแล้วบริบูรณ์ดี ถ้ามีภาค 8 ตามคอนเซป Fast ถ้าเพื่อนมีปัญหาไบรอันก็ต้องมาครับ เป็นสิ่งที่หนังให้ความสำคัญของคอนเซปครอบครัวมากตลอด ซึ่งภาค 7 จบแบบนี้ก็คงไม่มีไบรอันแล้ว แล้ว Fast ที่ไม่มีไบรอัน มีดอมคนเดียวเป็นพระเอก รู้สึกว่ามันไม่ใช่ครับ

  13. ขอคอมหน่อยครับ จริงๆม่ใช่แฟนหนังรถแข่งเลยครับ แต่ตามมาตั้งแต่ภาค5เพราะเดอะร๊อคล้วนๆครับ มาถึงตอนที่7ของเรื่องนี้ ผมว่าสนุกดีครับ สนุกในแนวไม่ใช่หนังรถแข่งแต่เป็นแนวแอ๊กชั่นที่ใช้รถประกอบ ดีกรีความมันส์คลั่งนี่เต็มๆ ฉากที่ทิ้งรถลงดิ่งพสุธาแล้วใช้ร่มนี่แบบ ทั้งมันทั้งขำ น่าจะเป็นฉากที่มีรถที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้แล้ว คือโม้แบบพอดีพอดี ไม่โม้จนเกินไปและไม่ชืดเกินไป
    ชอบหลายสิ่งในหนังเรื่องนี้ เช่น บทเดอะร๊อคที่มีมาแต่พอดีคือ ต้นเรื่องและท้ายเรื่องถ้ามีมากกว่านี้จะไม่สนุกอะครับ หารแบ่งบทไม่ลงตัว แถมตอนท้ายตอนเดอะร๊อคโผล่มาผมนึกว่าดูภาคต่อของ GI joe ซะด้วย โคตรชอบเลย คือถ้าคนอื่นเล่นมันก็ไม่ันเท่าเดอะร๊อคเล่นอะครับ ต้องคนนี้หุ่นแบบนี้จริงๆครับ
    อีกส่วนที่ชอบคือฉากจบที่แบบว่าดูแล้วอินมากๆ คือเอาเรื่องจริงมาใส่ในหนังได้เนียนสุดๆ เพราะบทที่ดอมพูดกับไบรอั้น มันคือ คำจากใจของ พี่วิน มอบให้แก่พี่พอลจริง ผมซึ้งนะครับ
    ส่วนที่ตงิดใจก็มีบ้างแต่ผมให้อภัยทีมงานไม่ขอหักคะแนนหนังเรื่องนี้นะครับ คืองาน CG ไม่สวยเท่าไหร่โดยเฉพาะ CG หน้าพี่พอล ลงครอบทับหน้าเคเลบกับโคดี้ แต่ผมอภัยให้เพราะไม่ใช่ความผิดของพี่พอลหรือทีมงานแค่อย่างใดมันสุดวิสัยจริงๆและนี่ก็ดีที่สุดแล้วด้วย ฉากไหนพี่พอลไม่ได้เล่นสังเกตว่า ฉากนั้นพี่แกจะไม่มีริ้วที่หน้าเลย คือตัวจริงเวลายิ้ม รอที่หน้าผากจะขึ้นเส้นเลยครับตามธรรมชาติของวัย แต่ของCG จะไม่มีตรงนี้ครับมีแต่หน้าเป๊ะเฉยๆไม่มีริ้ว และก็อีกข้อคือฉากไหนแกไม่ได้เล่น มุมกล้องมักถ่ายไกลหรือไถ่ายนักแสดงคนอื่นแทนวะงั้น เช่นฉาก รถตกตึกที่โคลสอัพ วินดีเซล พอพี่พอลเดินมากล้องก็เริ่มถอยออมา จนไกลไม่ให้เห็นหน้าชัดครับ จับสังเกตได้ ทุกครั้งที่พี่พอลไม่ได้เล่นครับ
    บทของเดคการ์ดชอว์ นี่ผมไม่แน่ใจนะเพราะเจสันเล่นด้วยหรือเปล่าเลยต้องออกแบบมาให้เป็นแบบนี้ดูคารวะนักแสดงดังๆพอสมควรเลยคือไม่มีฉากตายของนักแสดงในเรื่องนี้เลยสักฉาก ทั้ง ปู่เคิร์ตรัสเซลก็ไม่มีฉากตาย พี่จาพนมก็ไม่มีให้ดูตอนท้าย หรือของ เจสันเองก็ไ่ม่มีเช้นกัน ยังรอดอยู่ เลยรู้สึกเขาเขียนบทให้เกียรตินักแสดงมาก ยกเว้นของพี่ดิจิมอนคนเดียวนะ มาเพื่อตัวประกอบโดยแท้ บมชอว์ตัวพี่ดูเท่ เหี้ยมนิ่ง ไม่เหมือนวายร้ายอยากครองโลกหรือ พวกบ้าอำนาจแบบเรเยสในภาค5 แค่พี่ชายที่อยากล้างแค้นเท่านั้น รวมฝั่งผู้ร้ายภาคนี้ เน้นไวเข้าว่าทุกคนเลยทั้ง ชอว์ตัวพี่ ทั้ง เกียรติ ที่บู๊มันรวดเร็ว ดูแล้วไม่ใ่ช่แนวหมัดหนักอัดแรงแบบ เดอะร๊อคหรือวินดีเซล เรียกว่าทำให้แปลกแนวกว่าภาคที่ผ่านมาครับ เป็นการ เอาข้อดีของภาค 5-6 มาบวกกับดราม่าครอบครัว และแอ๊คชั่นใหม่ๆ ลงไปแบบสะเทือนใจตอนจบครับ เขียนมาเยอะทำให้อ่านเหนื่อยก็ขออภัยด้วยครับ คาดว่าภาค 8 ไม่มีพี่พอลการแชร์บทน่าจะเปลี่ยนไป สัดส่วนเป็นอย่างไรก็ต้องรอชมกันครับ

    สรุป ภาคนี้ให้คะแนนไม่ถูกเลยครับ เพราะมันทำออกมาได้ดีกว่าทรัพยากรที่มี(นักแสดง) จะให้4/4 คงไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ

  14. ขอบรรยาย เล่าเท้าความ ถึงFast 7
    สุดระห่ำ มันส์สุดยอด โครต The Fast
    ฉากเดอะร็อค ฉะเจสัน มันส์ยันจา
    อีกพี่วิน สุดระห่ำ ซิ่งลืมตาย
    ฟินสุดติ่ง ดิ้นสุดแมว ฉากพอล-จา
    แสนสุดซึ่ง น้ำตาคลอ อาลัยพอล
    จะหาไหน เทียบเคียง คงไม่มี

  15. ฉากแรกเปิดตัว เดคคาร์ด โหดเวอร์ กองทัพที่มี ไม่พอสำหรับคนคนนี้ แม้แต่พี่เบิ้มยังต้องนอนหยอดข้าวต้ม แต่ ไหวพริบกับกึ๋นนั้นยังไม่เท่าคนน้อง ที่แพรวพราวและแนบเนียนจนปั่นหัวพระเอกได้ อันนี้จะเป็นสายลับเงามากๆก็ไม่เชิง เพราะออกมาแบบให้เห็นว่าข้ามีตัวตนแบบ ไม่ต้องใช้ตาเทพก็ได้มั้ง ไม่เทพเหมือนตอนเปิดตัว แถมโดนตัวโกงอีกฝ่ายขโมยซีนไปซะหมด กว่าจะกลับมาได้ก็ แพ้ซะละ พี่จา กับบทนักฆ่ารับจ้าง สมกับบทมาก ที่แอคตั้งที่มีติดตั้งในด้านเตะต่อย ถือว่าสุดยอดแล้วสำหรับคนไทยที่ได้บทเด่นระดับโลก ที่ไม่ใช่ออกมาเฉยแล้วตายๆไปซะ แต่สามารถสร้างปัญหาให้เหล่าพระเอกได้ดี ย้อนกลับไปโตเกียวแหม่ๆๆๆๆ ดริฟคิงชราลงอย่างเห็นได้ชัดจากเด็กมหาลัยกลายเป็นลุง 5555+ ฉากสุดท้าย ผู้ชายยังร้องให้ ถ้าผู้หญิงก็เตรียมทิชชูไปเยอะๆนะ

  16. เสียดายบทพี่ Jason Statham มาก ตอนแรกอย่างเทพ แต่คงเพราะที่ พอลตาย ที่จริงพี่แก่จะลากยากไปเป็นไตรภาค แต่ถูกตัดให้เหลือจบในภาค ตอนครึ่งหลังบทเลยอ่อนไป เสียดายแท้

Leave a Reply to Panpan FebruErrorCancel reply