ปรัชญา ปิ่นแก้ว พูดถึง “ต้มยำกุ้ง 2” ใช้ทุนเท่าหนังฮอลลีวู้ด ความแปลกใหม่ และการใช้ 3D

tyg2 director interview 01เราจะได้เห็นอะไรบ้างในหนังบู๊สามมิติ “ต้มยำกุ้ง 2” คนที่น่าจะเล่าได้ดีที่สุดก็คือผู้กำกับปรัชญา ปิ่นแก้ว ครับ และมีรายละเอียดน่าสนใจมากมายจากบทสัมภาษณ์ที่ทางสหมงคลฟิล์มส่งมาให้เรา ผมได้แบ่งส่วนแรกของบทสัมภาษณ์มาให้อ่านก่อน ซึ่งผู้กำกับปรัชญาได้เล่าหนังเรื่องนี้ใช้ทุนสูงมาก เทียบเท่ากับหนังฮอลลีวู้ดเรื่องหนึ่งเลย เพื่อให้ดูออกมายิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน และพยายามใส่สิ่งแปลกใหม่เพิ่มเข้าไปให้ทันโลกภาพยนตร์ยุคนี้

ใน “ต้มยำกุ้ง” ภาคแรก ฉากที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือฉากบู๊ต่อเนื่องที่ถ่ายทำแบบ long take ความยาว 4 นาที ผู้กำกับปรัชญาพยายามคิดฉากที่จะสร้างมาให้เหนือกว่าฉากนั้น ก็ได้คิดฉากที่เอาความเร็วกับความสูงผสมกันนั่นก็คือ “ฉากแว้น” ที่มีการต่อสู้กันบนยอดตึกด้วย ได้ฉากต่อเนื่องยาวเกือบ 20 นาที (แต่จำเป็นต้องให้สั้นลง)

ความแปลกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือในส่วนนักแสดง ที่ภาคนี้เป็นการระดมนักแสดงมาประชันกันคับคั่ง ทั้งจีจ้า ญาณิน, หญิง รฐา โพธิ์งาม, รีซ่า และมารีส คลัมม์ และสุดท้ายของบทสัมภาษณ์ตอนแรกนี้ก็พูดถึงการตัดสินใจใช้เทคนิค 3D ในการสร้างหนังเรื่องนี้ ผู้กำกับปรัชญายังเล่าถึงวิธีการถ่ายทำ 3D ของเขาด้วยว่าทำยังไง ต้องการให้เกิดภาพยังไง รวมถึงได้ชั่นธีระวัฒน์ รุจินธรรม (ผกก.ปาฏิหาริย์รักต่างพันธุ์) และเฉลิม วงค์พิมพ์ (ผกก.7ประจัญบาน1-2) มาช่วยงานด้านกำกับภาพด้วยครับ

ต้มยำกุ้ง 2” จะเข้าฉาย 23 ตุลาคมนี้ คลิกอ่านบทสัมภาษณ์เต็มด้านใน

Q : 8 ปีผ่านไปจนมาถึงต้มยำกุ้ง 2(3D) นี่คือภาพยนตร์ Real action ภาคต่อที่ไม่เพียงแค่คนไทย แต่คนทั่วโลกรอคอย ว่ากันว่าเป็นโปรเจ็คต์ฟอร์มยักษ์ของสหมงคลฟิล์มฯที่ใช้ทุนสร้าง เรียกว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างหนังไทยเรื่องหนึ่งมาเลยทีเดียวประมาณว่าเทียบเท่าหนังฝรั่ง Hollywood ทีเดียว

ปรัชญา ปิ่นแก้ว: การที่หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างสูง อาจเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วภาพยนตร์แอ็คชั่นมันเลี่ยงไม่ได้ มันต้องมีฉากที่เรียกว่าสร้างความเร้าใจ สร้างความตื่นเต้นให้คนดู แล้วยิ่งคนดูยุคนี้เป็นคนดูที่ได้ดูหนัง Hollywood ฟอร์มยักษ์ไปเยอะแล้ว ถึงจะเป็นCGI.ก็ตาม หรือที่สร้างขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์ก็ตาม แต่ว่ามันก็ต้องมีองค์ประกอบของการทำฉากที่ต้องใหญ่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้จะต้องลงทุนสูง แล้วก็การที่เรามาสร้างภาค2 เนี่ยะ…มันห่างจากภาค1ใช้เวลาประมาณ8ปี ต้องมีการสะสมความคิดไว้ว่าถ้าวันหนึ่งตัวผมเองแล้วก็ทีมงานทีมเดิมทั้งพันนา ทั้งจา พนมจะต้องมาทำงานร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง มันจะต้องใส่อะไรเข้าไปในนี้ทุกคนก็ทำการบ้านของตัวเองกันทั้งหมด ในส่วนของผมผมก็คิดอยู่เสมอว่าคนดูอยากเห็นอะไร แล้วต้องUpdateอยู่ตลอดว่าในโลกของภาพยนตร์ไปถึงไหน บางครั้งสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันน่าจะโดนใจ เมื่อ 5ปีที่แล้ว 7ปีทีแล้ว กับปีนี้มันต่างกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำไปในต้มยำกุ้งภาค2 จะต้องเป็นสิ่งที่มีการคิดมีการวางแผน มีการคาดเดาแล้วก็ตอบสนองแฟนๆหนังของเราให้สมกับที่เขารอคอย

Q: เอกลักษณ์ความเป็น ต้มยำกุ้ง ที่กลายมาเป็นภาพจำเมื่อพูดถึงหนังไทยที่ประสบความสำเร็จเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นประโยคเด็ดอย่าง “ช้างกูอยู่ไหน” หรือท่วงท่าการต่อสู้ของตัวจาเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพแปลกตาที่เราไม่เคยได้เห็นกับหนังแอ็คชั่นในยุคปัจจุบันที่มีการผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว แล้วในภาค2พี่ปรัช เตรียมอะไรที่ยังคงความเป็นสิ่งที่คนอยากดูและความแปลกใหม่ในเรื่องนี้บ้าง

ปรัชญา ปิ่นแก้ว: หลายๆฉากที่สะท้อนกลับมาจากภาค1 มีคนพูดถึงฉากหลายๆฉากเหมือนกัน แต่ฉากที่คนพูดถึงเยอะที่สุดจะเป็น ฉาก Long take สู้ 4 นาทีโดยที่ไม่ตัด แล้วก็มาฉากที่จาสู้กับนาธาน และก็รวมไปถึงท่าหักกระดูกที่ถือว่าแปลกใหม่มากๆในต้มยำกุ้งตรงนั้นเป็นโจทย์ให้เรามาคิดว่าคนที่ประทับใจฉากเหล่านั้นอยากจะเห็นฉากใหม่ๆอะไรของภาค2นี้ ไอ้ตรงนี้คือสิ่งที่ยากมากๆ โดยเฉพาะมันจะมีในส่วนของแอ็คชั่นเกี่ยวกับเรื่องเสี่ยงตายหลากหลายชนิดบางชนิดเป็นเรื่องของเสี่ยงตายในที่สูง บางชนิดเป็นเรื่องของความเร็ว หรือแม้กระทั่งบางชนิดเป็นเรื่องของการต่อสู้ที่เป็นศิลปะการต่อสู้ของมวยไทย ในส่วนของการเสี่ยงตายในที่สูงกับความเร็วเรื่องนี้ผมจับมารวมกัน ก็คือประเทศไทยเรามีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นก็คือ “แว้น” มอเตอร์ไซด์ที่ต้องมาmodifyมันให้เป็นหน้าตาหรือใส่ Speed ความเร็วที่เกิน spec ของเครื่อง แต่ว่าเสียงจะดังมากเป็นที่รำคาญของคนไทย คือในส่วนตรงนี้ แว้น เองอาจถูกมองว่าเป็นตัวร้ายของสังคมอยู่แล้ว เราจึงคิดว่าการที่เราจับแว้นมาใส่ในหนังเรื่องนี้ มาสู้กับจามันคงเป็นโจทย์ที่คนไทยจะสะใจมาก

ถ้าเราจะนำมาใช้ เราก็ต้องไม่ธรรมดาก็ต้องมีการคิดต้องมีการออกแบบว่าการที่จาจะสู้กับมอเตอร์ไซด์ควรจะเป็นอย่างไรเราก็Designว่าให้เขาไปสู้กันบนที่สูงบนดาดฟ้าตึก แต่ว่าไม่ใช่เป็นตึกหลายสิบชั้น เป็นตึกแถว ตึกเล็กๆ 3-5ชั้น แล้วก็มีการออกแบบให้เกิดการแอ็คชั่นแบบ non stop ซึ่งเราได้เกือบ 20นาทีสำหรับในการสู้กับมอเตอร์ไซด์ ซึ่งภาพที่ออกมาเป็นที่พอใจของเรามากๆ เพราะเราคิดว่าทำอย่างไรให้มันยาวที่สุดแต่ตอนแรกคิดว่า10 นาที ก็เต็มที่แล้ว พองานออกมา ก็มีบางส่วนที่เราต้องตัดทิ้งบ้าง ก็มี หรือในความแปลกใหม่ที่มีอยู่ในฉากนี้เหมือนกันที่เราคิดว่าน่าจะเป็นความใหม่นะครับ คือการถ่ายด้วยแทนสายตาของคนดูเป็นแอ็คชั่นที่แทนสายตาของคนดู จะว่าไปแล้วมันมีการเลียนแบบภาค1นั่นเอง..ไอ้ฉาก Long take ของ”ต้มยำกุ้งภาค1“ที่ยาว 4 นาที แต่เราเปลี่ยนมุมมองทางด้านภาพใหม่จากภาคแรกเปลี่ยนมาเป็นภาคนี้โดยใช้แทนสายตาคนดู แต่ปรากฏว่าพอเราทดลองฉายดูแล้ว อ้า..จะมีคนครึ่งหนึ่งที่มีปัญหาในการดูเพราะว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนัง 3 มิติด้วย แล้วการใช้สายตาขณะนั้นมันเป็นแอ็คชั่นด้วยมันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะทำให้คนดูดูแล้วไม่มีปัญหา คือหลายคนดูแล้วจะเวียนหัวปวดตา เราเลยอาจจะต้องมีการลดทอนความยาวมันลงไปบ้าง

ไอเดียที่ใช้กล้องแทนสายตาของบุคคลที่1เราอาจจะคุ้นเคยจากเกมส์หรือว่าหนังของ Hollywood บางเรื่องก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งการที่ใช้คอมพิวเตอร์มันคือการทำสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้หรืออาจจะเป็นจริงยากมาก พอเรามาทำ เราเลือกนำเสนอด้วยวิธีการให้มันเป็นจริง แล้วใช้นักแสดงจริงๆ แล้วก็ใช้กล้องติดอยู่ที่ตัวนักแสดงและก็ให้เขาแอ็คชั่นจริงๆกับที่สูงเช่นการกระโดดข้ามจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งกระโดดห้อยตัวโหนหรือไถลตัวไปตามที่ที่ยากๆ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราคาดหวังมาก แต่เราจะทำอย่างไรให้ภาพมันดู Smooth ดูค่อยๆเลื่อนไปมันก็จะดูไม่ถึงอันตราย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้มันดูค่อนข้างจริง แต่พอจริงมากๆเข้าก็มีปัญหาเรื่องการดู เพราะฉะนั้นไอ้ภาพนี้ผมอาจจะมีให้ดูในเบื้องหลังก็ได้ หรือคุณอาจจะได้ดูในBlue-ray หรือ Dvd. ก็ได้ แต่ว่าในหนังเราก็จะเลือกใช้เป็นระยะๆ เท่าที่จะใช้ได้

Q:เห็นว่านอกจากเรื่องคิวบู๊แอ็คชั่นในต้มยำกุ้ง2ไม่ได้มีเท่านี้ ยังมีอีกเยอะมากชนิดที่สมกับแฟนๆรอคออย ในพาร์ทนักแสดงเองก็มีความแปลกใหม่ด้วย

ปรัชญา ปิ่นแก้ว: ครับแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับรสชาติความมันส์ของฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ที่ถูกคิดค้นจาก พันนา และท็อป วีระพล ผสมผสานการถ่ายทอดโดยจา พนมในต้มยำกุ้ง2 เรายังได้เหล่านักแสดงที่มีความสามารถทางการแสดงที่ได้รับการยอมรับทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศรวมไปถึงนักแสดงที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ โดยในส่วนของนักสู้ที่จะมาเป็นคู่ปรับของจา พนมตลอดเวลา8ปี ผมมีโอกาสได้รู้จักกับนักสู้จากทั่วโลกที่เขามีความสามารถจริงๆ บางคนอาจถนัดเฉพาะทาง บางคนอาจเป็นพวกฟรีรันนิ่งมีความถนัด และเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะการต่อสู้แตกต่างกันไป โดยที่เราพยายามคัดเลือกสรรคนที่มีความสามารถจริงๆ แล้วก็มาร่วมงานกันอย่างเรื่องนี้เราได้มาริส ครัมพ์ มาริสเป็นนักสู้ที่ผมรู้สึกว่าเขาไวมาก และถ้าเขาได้มาสู้กับจาพนม เราก็จะได้เห็นฉากต่อสู้ที่ดูแปลกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เราจะไม่เคยเห็นจาพนมสู้กับใครที่เร็วขนาดนี้มาก่อน อันนั้นเป็นภาพที่เราจินตนาการ

ในส่วนนักแสดงของไทยนอกเหนือจากนักแสดงจากภาค1ไม่ว่าจะเป็นหม่ำ เหมือนเป็นคู่ที่ต้องอยู่กับจา และเป็นภาพจำของต้มยำกุ้งภาคแรก ในภาคนี้หม่ำมาเล่นในบทที่ซีเรียสขึ้น เข้มข้นขึ้น แถมเรายังได้จีจ้า ถือได้ว่าเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของจาพนม กับจีจ้า รวมทั้งเราได้เจอแฟนหนังของพนม คือ RZA(รีช่า) ซึ่งตอนที่เราไปโปรโมทองค์บากจนถึงต้มยำกุ้ง เราก็ได้มีโอกาสเจอกัน และได้คุยถึงงานที่รีซ่ากำลังจะทำ และได้คุยถึงความรู้สึกที่เขาทุ่มให้กับหนังของเรา เราจึงหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้ทำงานกับรีซ่าและเรื่องนี้ก็เป็นโอกาสนั้น เราได้รีซ่ามาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกว่าภูมิใจมาก อิ่มใจและอยากขอบคุณมากๆที่เขาให้ใจกับหนังเรื่องนี้มากๆ แล้วบทบาทที่เขาได้เล่นเขาไม่เกี่ยงไม่ว่าภาพพจน์เขาจะเป็นอย่างไร แต่ว่าเราก็คิดว่าตัวคาแรคเตอร์ในหนังเรื่องนี้ที่เราให้ริซ่าแสดง หลายๆอย่างผมก็ถอดมาจากคาแรคเตอร์จริงๆของเขา จากความรู้สึกจริงๆของเขา ผมเชื่อว่าไดอาล็อคที่เขาพูดในหนังเรื่องนี้ถอดมาจากความรู้สึกจริงๆที่เชื่อว่าเขาเป็นจริงๆ

และเราก็ได้นักแสดงอีกท่านหนึ่งก็คือหญิง รฐา โพธิ์งาม ซึ่งปัจจุบันคุณรฐามีผลงานในภาพยนตร์ที่น่าจับตาเยอะ และคุณรฐาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถจริงๆ แล้วก็มีโอกาสได้เล่นหนังของต่างประเทศและมีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่มีชื่อของต่างประเทศ

Q:ข้อนี้เป็นหัวใจสำคัญเลยเชื่อว่าหลายๆคน อยากรู้ทำไมถึงตัดสินใจทำต้มยำกุ้งภาค2 ออกมา ในรูปแบบของภาพยนตร์ REAL ACTION 3มิติ

ปรัชญา ปิ่นแก้ว: การที่ตัดสินใจถ่ายทำเรื่องนี้เป็น3มิติ เป็นส่วนหนึ่งมาจากความชอบส่วนตัวด้วยที่ผมเป็นคนชอบดูหนัง3 มิติอยู่แล้ว พอเรามีโอกาสทำ แล้วก็ด้วยความที่เป็นหนังแอ็คชั่นด้วย ผมว่ามันเหมาะสมมันเข้ากัน ภาพของ3มิติถ้าโดยส่วนตัวนะครับผมชอบดูหนัง 3มิติที่ฉายในสวนสนุกนะ เพราะเป็นการสร้างงาน3มิติที่จงใจเล่นกับคนดู เล่นกับความรู้สึกอย่างเดียวเลย โดยที่เนื้อหานี่ไม่สำคัญเลย แต่ว่าพอเรามาทำอยู่ในภาพยนตร์ที่จำเป็นต้องมีการเล่าเรื่องด้วยมีเนื้อหาที่จะต้องสื่อสารกับคนดูด้วย เราจึงต้องมีการออกแบบโดยการใช้ฉาก3มิติที่จะเน้นที่จะเล่นกับคนดู หรือเล่นให้คนดูเกิดการตกใจคงต้องมีเป็นจังหวะๆบางครั้งเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นหมัดเท้าเข่าศอกต่างๆนาๆมันเอื้อต่อการที่เหมือนจะทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาจะถูกอันตรายจากการต่อสู้จากมือหมัดเท้าจากนักแสดงบนจออยู่แล้ว แต่ว่าเราต้องเลือกใช้ อย่างตอนผมถ่ายหนังที่เป็น2มิติปกติเวลาถึงฉากแอ็คชั่น เวลาจาพนมสู้เราไม่สามารถเอากล้องไปใกล้เขาได้เลย เพราะว่าการสู้เขาต้องไม่พะวงหรือระแวงกับการที่มีกล้องอยู่ใกล้ตัว เพราะฉะนั้นยิ่งกล้องอยู่ไกลเท่าไหร่ เขายิ่งแสดงได้ดีมากเท่านั้น แล้วพอเราทำเป็น 3 มิติ มันกลับกันการที่กล้องยิ่งใกล้ตัวเท่าไหร่ภาพสามมิติจะออกมาดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นอันนี้มันจึงกลายเป็นอันตรายสำหรับนักแสดง และก็อันตรายต่อเครื่องไม้เครื่องมือด้วย เพราะฉะนั้นไอ้ตอนทำเป็นฉาก 3 มิติ เราจึงต้องเลือกใช้เป็นบางจังหวะแล้วภาพที่ออกมาก็ทำให้ทุกคนทีมงานพอใจมาก คือเราจะได้เห็นจาถึงแม้บางครั้งอาจจะเป็นท่าที่คุณๆคุณคุ้นเคยก็ได้ แต่ว่าพอเราเอามาทำเป็น 3 มิติแล้ว มันกลายเป็นความแปลกใหม่นะฮะ มันสวยงามมาก บางภาพระหว่างที่ถ่ายทำผมแทบจะรู้สึกเลยว่าภาพนี้มันน่าจะอยู่ในตัวอย่างหนังในไตเติ้ลได้เลยคือเป็นจาพนมเข่าลอยมาและทิ่มมาข้าง หน้าคนดูกันเลย พูดได้ว่าเป็นช็อตที่เรียกร้องความสนใจได้ดีมากๆ ก็เลยคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะสนุกซึ่งโดยส่วนตัวเราสนุกไปแล้วก็คิดว่าคนดูน่าจะสนุกตามไปด้วยไม่ยาก

Q:การเลือกถ่ายทำในรูปแบบของหนัง3มิติโดยเฉพาะเป็นหนังเรียลแอ็คชั่นในแบบจาพนม เท่าที่ฟังก็ไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนวิธีการ แม้แต่กล้องหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการถ่ายทำ เรามีวิธีการรับมือหรือรีดศักยภาพขีดจำกัดในการใช้เทคนิค3มิติออกมารองรับให้ต้มยำกุ้ง2-3Dออกมามันส์สะใจแค่ไหนอย่างไร

ปรัชญา ปิ่นแก้ว: ครับ โดยปกติแล้ว ผมเชื่อว่าการถ่ายภาพยนตร์3มิติเราควรที่จะใช้กล้องชุดเดียว หมายถึงเป็นกล้อง3มิติแค่ชุดเดียว แล้วก็พิถีพิถันกับเฟรมทีละเฟรมนะครับ หมายถึงว่าทีละมุมภาพเขาพิถีพิถันกับตรงนั้น แต่ว่าพอเป็นแอ็คชั่นแล้ว ปกติเราต้องใช้กล้องมากกว่า1ชุด แล้วพอเราไปถ่าย3มิติกลายเป็นว่าเรามีกล้อง2ชุดทุกวัน ทุกวันถ่ายทำอย่างน้อยต้องมี2ชุด แล้วก็ตากล้องทั้ง2คนที่เราได้มาก็เป็นผู้กำกับภาพที่เป็นผู้กำกับหนังด้วยโดยเฉพาะหนังแอ็คชั่นธีระวัฒน์ รุจินธรรม (ผกก.ปาฏิหาริย์รักต่างพันธุ์)และเฉลิม วงค์พิมพ์ (ผกก.7ประจัญบาน1-2) เพราะฉะนั้นการเตรียมการสำหรับการถ่ายทำเป็นระบบ3มิติกับหนังเรื่องนี้เราจึงมั่นใจว่ามันจะผ่านมุมมองของคนที่เข้าใจทั้งในเรื่องของเฟรมภาพของหนังแอ็คชั่นได้อย่างดีตลอดจนรวมไปถึงการออกแบบฉากต่อสู้ของพันนาที่ทำการบ้านมาสำหรับเพื่อ3มิติโดยเฉพาะ เราจึงคิดว่าน่าจะเป็นงานที่ผ่านการวางแผนผ่านการเตรียมการผ่านการออกแบบความคิดเพื่อหนังแอ็คชั่นในรูปแบบ3มิติโดยตรง

Q:เพื่อให้เห็นภาพอยากให้พี่ปรัชลองยกตัวอย่างของลักษณะทางด้านภาพในรูปแบบ3มิติที่เราจะได้ดูกันในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง2-3D

ปรัชญา ปิ่นแก้ว: ยกตัวอย่างฉาก3มิติที่จะเกิดขึ้นในทุกๆฉากการต่อสู้ในหนังเรื่องนี้ที่มีแน่นอนนั่ นคือเราต้องเห็นหมัด เห็นเท้า ของจา พนมพุ่งมาที่จอพุ่งมาที่คนดู แต่ว่าอันที่เราลุ้นว่าภาพออกมามันจะได้อย่างที่เราคิดมั้ย คือฉากที่จา พนมสู้กันกับพวกแว้น แล้วก็ทะลุหลังคาขึ้นมาที่กล้องซึ่งเราต้องให้เขาทะลุมาให้ใกล้ที่สุด รวม ทั้งไอ้เศษกระเบื้องเศษหลังคา ที่กระเด็นมามันต้องเข้าตาคนดู ซึ่งพอเราทำภาพสมบูรณ์เสร็จแล้ว เราก็พอใจ ส่วนอีกฉากหนึ่งที่ทางจาพนมพุ่งออกสะพานสูง ตรงนั้นผมต้องการเห็นจาพนมพุ่งออกมาจากจอเลยจากมิติของจอพอดี และพุ่งมาหาคนดู อันนั้นเป็นสิ่งที่เราพิถีพิถันมากๆภาพออกมาก็เป็นที่พอใจสวยงาม รวมทั้งภาพกว้างๆซึ่งปกติแล้วแอ็คชั่นจะใช้ภาพแคบๆ แต่ว่าสไตล์ของเราจะเป็นภาพกว้างอยู่แล้วแล้วพอเรามาทำเป็น 3 มิติ ภาพกว้างหลายๆ ภาพที่เราเห็นมิติด้วย มันก็เกิดความแปลกตา เกิดความสวยงามอีกแบบหนึ่ง

8 comments

  1. เห็นด้วยครับ
    เพราะฮอลลลีวู้ดก็มีหนังเกรด B ทุนกับหน้าหนังประมาณนี้แหล่ะ

    ในขณะที่หนังเกรดบีที่ว่า หรือแม้แต่หนังบู๊ทุนประมาณนี้ชาติอื่นที่สนุกมากก็มี
    ส่วนเรื่องนี้จะสนุกกว่ามั้ย คิดว่าเอาต้นทุนซื้อคุณภาพไม่ได้ครับ

    และเท่าที่ดูโฆษณามา ผมว่าลงทุนซีจีกับฉากบ้างรึเปล่า ดูไม่ออกว่าแพงเลยนะครับ
    อย่าบอกว่างบไปกับค่าพีอาร์นา…

  2. หลังจากองค์บากภาคแรกแล้ว หนังที่คุณปรัชญาทำกับจา ภาพและงานสร้างไม่สวยเลย ถึงหนังจะแพงมากๆ ก็ตาม T T

  3. ในตัวอย่าง ฉากมุดรถไฟ ผมว่าเฟลมาก ในความรู้สึกที่ได้ดูตัวอย่างนะ ของจริงจะเป็นยังไงยังไม่ตัดสินครับ
    แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ผมว่าหนังสีไม่ค่อยสวยเลย เข้มๆ มืดๆ

  4. […] บทสัมภาษณ์ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วของผู้กำกับปรัชญา ปิ่มแก้ว ที่พูดถึงเบื้องหลังหนัง “ต้มยำกุ้ง 2 (3D)” ครับ ซึ่งครึ่งหลังที่เราจะนำมาให้อ่านนี้ให้ข้อมูลมากขึ้นในแง่เนื้อเรื่อง ตัวละคร และฉากบู๊ […]

Leave a Reply to งุงิCancel reply