สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตด้วยวัย 56

“สตีฟ จ็อบส์เป็นนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับจากโธมัส เอดิสัน เขาย่อโลกของเราให้อยู่บนปลายนิ้ว” นั่นเป็นความเห็นของสตีเวน สปีลเบิร์ก ต่อสตีฟ จ็อบส์ อดีตประธานกรรมการผู้บริการของ Apple ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเช้านี้ตามเวลาของบ้านเราด้วยวัย 56 ปีครับ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการสรุปได้ดีเกี่ยวกับตัวของจ็อบส์ ชายหนุ่มผู้มีวิสัยทัศน์ และใช้วิสัยทัศน์นั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเราในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มานานแล้ว

สำหรับผม คนที่รู้สึกว่าตัวเองใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเป็นหรือเล่นอินเตอร์เนตได้ก็เป็นบุญโขแล้ว พวกอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ของ Apple หรือพวกสิ่งประดิษฐ์ตระกูล i ทั้งหลายจึงไม่ได้มีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของตัวเองนัก แม้ว่าจะทึ่งกับการออกแบบและความไฮเทคต่างๆ ของมันก็ตาม แต่อิทธิพลต่อตัวผมจริงๆ ก็คือความบันเทิงอันเกิดจากวิสัยทัศน์ของจ็อบส์ เป็นต้นว่าการพัฒนาบริษัทสร้างหนังอนิเมชั่นอย่าง Pixar ขึ้นมาจนโด่งดัง และสร้างหนังอนิเมชั่นที่เราชื่นชอบกันหลายเรื่อง

ถ้าใครเคยดูหนังประวัติบิล เกตส์ และ สตีฟ จ็อบส์ เรื่อง Pirates of Silicon Valley หนังที่ทำฉายทางทีวีปี 1999 จะพบว่าตอนจบของหนังเรื่องนี้ จ็อบส์ (ซึ่งรับบทโดยโนอาห์ ไวย์ล) ได้ดำเนินธุรกิจพลาดจนต้องเสียบริษัท Apple ให้แก่บิล เกตส์ และเขาต้องพ้นจากการเป็นผู้บริหารในปี 1985 ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนั้นในชีวิตจริง จ็อบส์ไม่ยอมที่จะหยุดนิ่ง หรือท้อแท้ เขาลุกขึ้นสู้ชีวิตใหม่และด้วยวิสัยทัศน์ที่เขาเห็นจากงานคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จึงตัดสินใจซื้อหน่วยงานเล็กๆ ด้านนี้จากบริษัทอินดัสเทรียล ไลท์ แอนด์ เมจิก ของจอร์จ ลูคัส ที่กำลังต้องการขายเพื่อเอาเงินมาใช้ในเรื่องการหย่า ด้วยราคาย่อมเยาเพียง 10 ล้านเหรียญ จ็อบส์เปลี่ยนชื่อให้มันใหม่ว่า Pixar แล้วทุ่มทุนส่วนตัวในการสร้างหนังอนิเมชั่นยาวเรื่องแรกของโลกจากเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิกชื่อ Toy Story หนังประสบความสำเร็จ และจ็อบส์ก็กลับมาเป็นมหาเศรษฐีอีกครั้ง ต่อมาในปี 1997 จ็อบส์ก็แยกตัวไปดูแลงานให้ Apple ต่อ หลังจากเขาได้กลับเข้าไปในบริษัทอีกครั้ง

จอห์น แลสเตอร์ ผู้กำกับ Toy Story และหัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของพิกซาร์ อนิเมชั่น สูติดิโอ ที่ร่วมงานกับจ็อบส์ตั้งแต่แรก มีความเห็นต่อการจากไปของเขาว่า “สตีฟ จ็อบส์ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นเพื่อนรักของเรา และเป็นแสงส่องนำทางให้ครอบครัวพิกซาร์ เขาเห็นศักยภาพว่าพิกซาร์จะกลายเป็นอะไรได้ก่อนเราทั้งหมด และเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการเห็น สตีฟยอมมาเสี่ยงกับเรา และเชื่อในความฝันบ้าๆ ของเราที่จะสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งคำพูดเดียวที่เขาพูดเสมอก็คือ “สร้างมันให้ยอด” เขาคือเหตุผลที่พิกซาร์กลายเป็นเช่นทุกวันนี้ และความเข้มแข็ง ความซื่อสัตย์ และความรักในชีวิตของเขา ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น เขาจะเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอของพิกซาร์ตลอดไป เราขอเป็นกำลังใจให้ลอเรน ภรรยาของเขา และลูกๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”

คอหนังอย่างผม ขออาลัยถึงสตีฟ จ็อบส์ ด้วยข้อความทวิตเตอร์ของแพต ออสวอลท์ครับ “สตีฟ จ็อบส์ สิ่งที่ใกล้เคียงกับโทนี่ สตาร์ก มากที่สุดที่เรามี”

ขอบคุณในทุกอย่างที่คุณสร้างเพื่อความบันเทิงและวิธีใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงความบันเทิงครับ

16 comments

  1. รู้สึกตกใจมากครับกับข่าวนี้
    เพราะเมื่อเดือนก่อนพึ่งเห็นเค้าออกข่าวทางทีวีไปเอง
    มันเร็วมากจริง ๆ ……..

  2. ใดๆในโลกล้วนไม่เที่ยง สำคัญที่ตอนเรามีชีวิตอยู่เราทำอะไรบ้าง ขอบคุณครับ สตีฟ จ็อบส์ ที่คุณเป็นพลังให้ใครหลายๆคนชื่นชมแล้วเอาเยี่ยงอย่างในสิ่งที่ดีในตัวคุณ

  3. ตกใจมากๆ ทำไมคนเก่งๆ คนดีๆ ถึงจากโลกเราไปเร็วมากมายขนาดนี้น่ะ.
    เสียใจกับข่าวนี้มากครับ. เขาเป้นตำนานแล้วล่ะตอนนี้…!!! T__T

  4. เสียไจ ที่คนมีสมองเป็นเลิศต้องตาย แต่กลับกันเจ้าของธุรกิจถูกกฏหมายทั่วโลกหลายราย โดยเฉพาะเจ้าของค่ายเพลง/ค่ายหนัง มากมายคงจะหายใจทั่วท้องเสียที เพราะไม่ว่าจะเป็น MP3/IPAD/IPOD ที่นายคนนี้คิดค้นขึ้นมา กลายเป็นแหล่งกบดานไฟล์ก็อปปี้ จนธุรกิจถูกกฏหมายเสียหายยับ ซึ่งถ้าจะพูดว่านาย”จ็อบ”แกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง คงจะยาก เพราะเห็นกันชัดๆอยู่แล้ว จากปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้เว็บผีบิทโหลดมีเกลื่อนเต็มไปหมด จะเอาแบบไหน เวลาไหน หาได้หมด 24 ชั่วโมง มีคนกล้าเอานายคนนี้ไปเปรียบเทียบกับไอสไตร์ แต่ลืมไปว่าคนหลังเขาสร้างสรรค์สิ่งดีจริง ที่ไม่เป็นผลกระทบกับใคร และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยอาศัยหลักวิทยาศาตร์และความถูกต้อง ส่วนสื่งทีนายจ็อบแกทำออกมานั้น กลับเป็นการวางยาคู่ต่อสู้แบบแยบยลด้วยการขายเทคโนโลยี่ โดยไม่ต้องลงแรง/ลงทุนเข้าต่อกรกับคู่ต่อสู้ เพราะลูกค้าทั้งของ MP3/IPAD/IPOD มีกว่า 70% ที่เป็นทัพหน้านำทัพเข้าถล่มของลิขสิทธิ์ทั้งหลาย ด้วยการแอบโหลดทั้งหนัง/เพลง/เกมส์ ผี กันเป็นว่าเล่น ซึ่งอาจรวมไปถึงแฟนพันธุ์แท้อย่างเราๆท่านๆด้วย ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ใบหน้าอันเศร้าสลดที่แสดงความเสียใจกับการจากไปของนาย”จ็อบ”ของทั้ง เจ้าแม่โซนี่/เจ้าพ่อดาวภูเขา ฯลฯ อาจดีใจค่อด ค่อด ก็ได้ จริงมั๊ย !

  5. ผมว่าคุณไทยจ้อ ควรศึกษาข้อมูลดีๆก่อนมาวิจาร์ณแบบนี้ดีไหมครับ
    เพราะมันเหมือนคุณไม่มีความรู้เร่ืองนี้เลย ท่ีคุณพูดถึงน่าจะเป็น Sean Parker มากกว่านะ
    กับส่ิงท่ีJobbs ทำอย่างitune storeนะ มันคือการทำให้การโหลดพวกเพลงอย่างผิดกฎหมาย
    ทำให้เป็นส่ิงท่ีถูกกฎหมายและสร้างรายได้ให้กับค่ายเพลงและศิลิปินมากกว่านะ
    ยอดโหลดเพลงแบบDigitalทำรายได้ให้ค่ายเพลงขนาดไหนรู้ไหมครับ
    แต่ถ้าเป็นการโหลดเพลงฟรีมันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกคนใช้มากกว่า
    และก็ไม่ใช่เป็นเพราะการมีพาหนะอย่างipod iPhone ipadสักหน่อย
    ของพวกนี้มันมีโหลดมาเป็นชาติแล้วครับก่อนมีเคร่ืองพวกนี้อีก

  6. เห็นด้วยกะความเห็นบน

    คุณไทยจ้อ ควรศึกษาข้อมูลดีๆก่อนมาวิจาร์ณแบบนี้ดีไหมครับ

    ผมว่าท่านไทยจ้อหลงประเด็นไปไกลมากละครับ

  7. กลับกัน สิ่งที่ steve jobs ทำให้ค่ายเพลงมันตรงกันข้ามเลยนะ คิดดูถ้าไม่มี itune store เพลงมันยังจะขายได้เป็นล้านอีกมั้ย

  8. แนวคิดของไอสไตน์ ถูกเอามาพัฒนาเป็นระเบิดนิวเคลียร์นะครับ…
    ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ได้คิดว่าจะถูกนำไปใช้ทางนั้นเลย (ตามประวัติบอกว่าไอสไตน์ตรอมใจมาก และมีส่วนให้เขาไม่สามารถพัฒนาอะไรใหม่ๆที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้อีกเลย)

    คำว่า “คุณอนันต์ — โทษมหันต์” มักเป็นจริงเช่นนั้นเสมอ……………

Leave a Reply to TheEndCancel reply