เจมส์ คาเมรอน หวังว่าผู้ชมจะเบื่อหนัง Avengers ได้แล้ว

เจมส์ คาเมรอน ไปร่วมงานการเปิดตัวหนังสารคดีทางทีวีชุด AMC Visionaries: James Cameron’s Story of Science Fiction เมื่อเช้าวันเสาร์ตามเวลาในสหรัฐ คาเมรอนได้พูดถึงหลายเรื่อง และหนึ่งในนั้นก็คือหนังชุด Avengers ที่ภาคสามของหนัง Avengers: Infinity War กำลังจะเข้าฉายสัปดาห์นี้ครับ ซึ่งคาเมรอนดูเหมือนว่าจะเริ่มเบื่อหนังแนวนี้แล้ว

ผมหวังว่าเราจะเริ่มล้ากับ Avenger ซะที ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้รักหนังชุดนี้นะ แต่ไม่เอาน่า มีเรื่องอื่นให้เล่าอีกเยอะ นอกจากเรื่องราวของผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนทางเพศต่ำ ที่ไม่มีครอบครัว และกระทำสิ่งที่ท้าความตายกว่าสองชั่วโมงแล้วทำลายเมืองไปด้วยในระหว่างนั้น” ผู้กำกับรางวัลออสการ์จาก Titanic บอก

นี่ขนาดคาเมรอนบอกว่า “ไม่ใช่ผมไม่ได้รักหนังชุดนี้นะ” ถ้าแกเกลียดหนังชุดนี้ แกจะด่าขนาดไหนกัน บอกว่าบรรดาตัวเอกของหนังเป็นผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนทางเพศต่ำ (hypogonadal males) ผมไม่ใช่หมอ แต่จากที่ค้นข้อมูลทางกูเกิลดู อาการอย่างหนึ่งของผู้ชายเหล่านี้ก็คือนกเขาไม่ขัน จึงขอทึกทักคำพูดของคาเมรอนว่าผู้ชายในหนังชุด Avengers คือผู้ชายที่มีความเป็นผู้ชายอยู่น้อยในความคิดของคาเมรอน

ก่อนหน้านี้ คาเมรอนยังพูดถึง Wonder Woman ว่า เป็นการให้ภาพลักษณ์ผู้หญิงที่เป็นวัตถุทางเพศ เป็นการถอยหลัง และมองว่าฮีโร่ผู้หญิงควรเป็นอย่างแซร่า คอนเนอร์ ซึ่งผู้กำกับเพ็ตตี้ เจนกินส์ ก็ตอบกลับอย่างสุภาพว่า “แต่หากผู้หญิงจำเป็นต้องแข็ง ห้าว และมีปัญหาเสมอเพื่อที่จะเป็นคนแข็งแกร่ง และเราเอาแต่นำเสนอแต่มิติเดิมๆ หรือเอาแต่สรรเสริญสัญลักษณ์ของผู้หญิงทั่วทุกแห่งเพราะเธอนั้นสวยมีเสน่ห์และเห็นอกเห็นใจ เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่ได้ก้าวไปไหนไกลสักเท่าไหร่ ว่าไหม

คงต้องบอกว่า แม้คาเมรอนเป็นผู้กำกับหนังที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในด้านเทคโนโลยีภาพยนตร์ แต่ก็มีมุมมองเกี่ยวกับเพศ หรือความเป็นชายและหญิงค่อนข้างจำกัด เหมือนในที่นี้ คาเมรอนจะบอกว่าผู้ชายที่ห้าวหาญเท่านั้นถึงจะสมชาย และผู้หญิงแกร่งก็จะมาทำตัวสวยไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว ผู้ชายและผู้หญิงมีความหลากหลายกว่านั้น โทนี่ สตาร์ก อาจดูเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ในบางครั้ง แต่เราก็เห็นได้ว่าแรงจูงใจเพื่อปกป้องโลกในหลายครั้งมาจากผู้หญิงชื่อเพพเพอร์ พ็อตต์ ที่เขาอยากจะปกป้องเธอแบบที่ผู้ชายควรทำ และเมื่อถึงคราวหน้าสิ่วหน้าขวาน โทนี่ก็พร้อมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น นั่นก็เป็นความห้าวหาญเช่นกัน

ส่วนเรื่องที่คาเมรอนอาจเริ่มเบื่อ Avengers ก็พอเข้าใจได้ เพราะหนังสร้างกันมาสิบปี มีมาหลายภาค เพราะคาเมรอนเองก็กำลังจะสร้าง Avatar ถึง 5 ภาค และยังจะยกเครื่องใหม่ให้ Terminator ที่น่าจะเป็นภาคที่ 6 ของหนังชุดนี้อีก

ที่มา: EW

 

34 comments

  1. โอ้โห คาเมรอนเปิดประเด็นด้วย 555 ที่เฮียว่าหนังมาร์เวลผู้ชายมีฮอร์โมนทางเพศต่ำ ผมสงสัยว่าเค้าอยากดูซุปเปอร์ฮีโร่สู้กับตัวร้ายหรือดูพระเอกมีเซ็กซ์กับนางเอกกันแน่? ส่วนหนังของเฮียแก ผมก็ชอบแค่T2เท่านั้นแหละ และไม่ได้ชอบที่ตัวละครอย่างซาร่า คอนเนอร์สด้วย มันมีสเน่ห์แต่ไม่ได้มีสเน่ห์ความเป็นผู้หญิงเลย ที่น่าเบื่อก็Avatar + Terminator นี่แหละ

  2. จากหลายๆข่าว แกดูเป็นคนที่ไม่ยอมความคิดเห็นของคนอื่น และความคิดของตนเองต้องเป็นใหญ่ที่สุด
    ซึ้งส่วนตัวเกลียดคนประเภทนี้มากๆ หวังเป็นอย่างสูงว่าหนังเรื่องต่อๆไปของเขา จะไม่สามารถก้าวข้ามอะไรเดิมๆของต้นเอง รวมถึงรายได้

  3. แกมีวิสัยทัศน์เรื่องการทำหนังชัดเจนมากๆ แลทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆนะ
    นักแสดงหลายคนเคยออกมาบอกว่า แกมีความตั้งใจและละเอียดในการทำหนังของแกมากๆ
    แบบที่ผิดไปจากที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ วิสัยทัศน์ชัดเจนสุดๆ บางครั้งความคิดเห็นของแกก็สุดโต่งจริงๆ

    ผมไม่เห็นด้วยกับแกเลยนะ แต่เอาจริงๆไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะมันก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของแก ที่ไม่ได้คุกคามหรือทำร้ายคนอื่นๆ
    เพียงแต่แกเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อวงการหนังมาก เลยกลายเป็นประเด็นขึ้นมาหน่อย

    ป.ล. ผมโอตะทั้ง MCU ทั้งหนังแกนะ 555+

  4. เหมือนก่อนหน้านี้แกก็มีปัญหากับหนังฮีโร่มั้ง เหมือนพูดประมาณว่าหนังฮีโร่มันจะไปได้กี่น้ำกัน (สัก4-5ปีที่แล้วมั้ง)
    ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เพศแบบที่แกมอง
    ประเด็นความน่าดูของอเวนเจอร์คือ ความต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกันมาตลอดสิบปี นี่ต่างหากที่อยากโดดงานไปดูที่สุด

  5. หนังของคาเมรอนมีเหตุและมีผลอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์​ที่มีสิทธิ์​เป็นไปได้ในความเป็นจริง ไม่ได้อยู่บนความเพ้อฝัน​เหมือนหนังซุปเปอร์​ฮีโร่​ทั้งหลาย

    • Titanic นี่ดูแล้วผมไม่เชื่อเลยว่า พระเอกนางเอกจะรักกันขนาดยอมตายแทนได้ ว่ะ

      แล้วก็ เครื่องจักร สู้มนุษย์ไม่ได้ เลยสร้าง Time Machine ไปกำจัด ผู้นำฝ่ายต่อต้าน ตั้งกะ ยังไม่เกิด ?
      โคตร สมจริงเลย

      • ก็ไม่ได้บอกว่ามันสมจริง แต่โดยพิ้นฐานทางวิทยาศาสตร์​แล้วก้อมีโอกาส​เป็นไปได้ เหมือนที่คนสมัยก่อนก็คิดไม่ถึงหรอกว่าสมัยนี้มนุษย์​สามารถบินได้

      • ถ้าบอกว่า Terminator กับ Avatar มีสิทธิ์เป็นจริง งั้นหนัง superhero ก็ไม่ต่างกันหรอกคับ ผมว่า คนเหล็ก avatar superhero มันก็เพ้อทั้งหมดแหละคับ เป็นจิงยาก แต่ก็อยากให้มีจิง555

    • งงกับความเห็นนี้ เหมือนแยกประเภทหนังไม่ถูกนะ

      หนังซุปเปอร์ฮีโร่ มันเป็นประเภทหนึ่งของหนัง และหนัง Sci-fi ก็เป็นอีกประเภทหนึ่งของหนัง มันแยกจากกันชัดเจน เอามาเปรียบเทียบกันในเชิงนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เหมือนเราไปดูหนังผีแล้วเดินออกมาบอกว่าหนังผีไม่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ หรือเข้าไปดูนาเนียร์แล้วบอกว่าเป็นหนังแย่เพราะโดยพื้นฐานวิทยาศาสตร์แล้วสิงโตไม่น่าพูดภาษาคนได้

      หนังซุปเปอร์ฮีโร่มันวางอยู่บนเส้นเหนือจริง บนเส้นจินตนาการอยู่แล้ว

      ไปร้านหนังสือ เขาก็ไม่เคยเอาไออนแมน สไปเดอร์แมน หรือ ฮัค มาวางไว้ในหนังสือหมวด Sci-fi นะ

      • น่าความคิดเห็นนี้ไป แปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วส่งให้ คาเมรอน อ่านนะ
        สมองพี่แกมีไว้บนหัวจริงๆ

      • ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าหนังไหนเป็นแนว ไหนหนังไหนดีไม่ดี หรือชอบไม่ชอบหนังแนวไหน ไม่เคยมีปัญหา​ที่จะดูหนังแนวฮีโร่ ดูได้ทุกแนวอยู่แล้ว แค่หล่นความเห็นเฉยๆ ว่าหนังของ จิม มีความเป็นวิทยาศาสตร์​ที่ในบางเรื้องมีโอกาสเป็นไปได้ในความเป็นจริง​ ก็เท่านั้น

  6. ป.ล.ขนาด คุณ เจไดฯยังมีอารมณ์ 55555

    มาดูกันว่า Gunmm ที่แกอำนวยการสร้างฉายปลายปี จะออกหัวรึก้อย อิๆ

  7. พระเอกต้องไปมีเซ็กส์กับนางเอกในรถที่จอดอยู่ หรือใต้ต้นไม้ ถึงจะเรียกว่ามีฮอร์โมนทางเพศปกติ อุ๊บ!

    • เห็นว่าใน สคริปท์ Spider-Man ที่แกเคยพัฒนา มีฉาก Peter ไปซั่มกับ MJ กลางสายฝน ด้วย……

      Spidey ภาคหนัง R ……?

  8. ออกตัวแรงตลอดอะป๋า รึจะเรียกปากหมาดี ฮา
    ชอบผลงานแกอยู่หลายเรื่องเลยนะ แต่ว่าเขาแบบนี้ อวาตาร4-5 ภาคนี่ ป๋าไม่กลัวคนดูจะเบื่อ บ้างหรือคับ 555 ถ้าหนังตัวเองออกมาแป๊กนะ โดนถล่มเละเทะแน่นวลอะป๋า

  9. ความที่คาเมร่อนทำหนังไม่เคยเจ๊งหนักๆ แกเลยมั่นใจแนวทางของแกจนเกินไป ดูได้จากการให้สัมภาษณ์ของแกทุกครั้งครับ ผมรักคนเหล็ก แต่ไม่ได้รู้สึกว่าจะรักซาร่าคอนเนอร์กล้ามบึกๆได้เลย รักตัวละคร mcu เพราะรู้สึกว่ามันใกล้ตัว ทำผิดบ้างทำถูกบ้าง มีทีเล่นทีจริง นี่ล่ะมนุษย์ละครับพี่คาเมร่อน

  10. เจ้าของเครดิต หนังทำเงิน สูงสุด1ใน5ของโลกแถมไม่ใช่ภาคต่อทั้งสองเรื่อง พูดไรก็ได้ครับ

  11. ผมก็เรื่อยๆ กับหนังทั้งสองฝั่งนั่นแหล่ะ
    ชอบหนัง Villenerve, Nolan มากกว่า
    หรือแม้แต่ของ Sheridan ที่เขียน
    Sicario, High Water, Cold River
    ไม่ต้องพยายามสร้างแฟรนไชส์กัน

  12. แกเป็นคนแบบนี้แหละ พวกติสท์ๆก็พูดแบบติสท์ๆ

    รอดูอวตารอยู่นะครับ ภาคแรกผมชอบมาก อยากรู้ว่าภาค 2 จะเจ๋งสักแค่ไหน

  13. ได้ดูหนัง Marvel ก็เลยลองไปอ่าน Comic ก็จะเห็นว่าความวายป่วงทั้งหลายหลักๆมาจากความไม่ลงรอยของคนในกลุ่มที่ผลลัพท์คือพังบ้านเมืองตลอด มองไปถึงแก่นแท้ของเนื้อเรื่องก็จะรู้สึกเบื่อได้่บ้าง

  14. อีโก้จัดเหลือเกิน บารมีไม่สูงจริงทำไม่ได้นะเนี่ย แต่บารมีมันไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลหร่อกนะลุง 5 5

  15. อย่างน้อยเค้าก็ทำหนังออกมาให้คนดูเรื่อยๆ ให้คนมีความสุขเรื่อยๆ ไม่ใช่ 10 กว่าปีทำหนังที ให้คนรอจนแทบแก่ตายเหมือนหนังใครบางคน

  16. ก็นานาจิตตังอ่ะนะ ธรรมดาของสังคม เจ๋งสำหรับบางคนอาจไม่เจ๋งสำหรับบางคน คำอาจดูเปรียบเปรยแบบอ้อมๆ แต่เข้าใจแกนที่จะสื่ออยู่นะ ส่วนตัวไม่ค่อยโดนบุคลิกหนังฮีโร่แบบดิสนีย์เท่าไรเหมือนกัน แต่ไม่ซีเรียสล่ะนะ ค่านิยมเกี่ยวกับฮีโร่มันเปลี่ยนไปตามยุคสมัยอะ สัดส่วนแบบนี้มันถูกใจถูกสไตล์คนยุคนี้เยอะ ก็เข้าใจ ส่วนตัวไม่อะไรมาก อันไหนรับได้ก็ดู ไม่ไหวก็ข้าม จะดูเฉพาะเรื่องที่สนใจจริงๆ แต่อย่างอเวนเจอร์นี่ก็จะไปดูนะ มันเหมือนไฟท์บังคับน่ะ

  17. ความเห็นแบบนั้นน่าจะเก็บไว้ใช้กับ Avatar มากกว่าไหมครับ ประกาศสร้างมา 5 ภาค (ภาคเดียวก้อพอแล้วม้าง) กับพระเอกนางเอกตัวน้ำเงินๆ คงทำให้ฮอร์โมนทางเพศมันพุ่งพรวดได้เลยมั๊ง

Leave a Reply to Stop27Cancel reply