ถ้าจะมีโอกาสที่ X-Men กับ Fantastic Four จะกลับคืนสู่มาร์เวล ก็อาจเป็นด้วยการเจรจาธุรกิจครั้งนี้ครับ CNBC รายงานว่า ทเวนตี้เฟิร์สต์ เซ็นทูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทพ่อของทเวนตี้ เซ็นทูรี ฟ็อกซ์, บลูสกาย สตูดิโอ, และ เนชั่นแนล จีโอกราฟิก เป็นต้น ได้อยู่ระหว่างเจรจาขายทรัพย์สินของบริษัทให้แก่วอลท์ ดิสนี่ย์ คัมพานี ครับ
ในรายงานบอกว่า เหตุผลที่ ทเวนตี้เฟิร์สต์ เซ็นทูรี ฟ็อกซ์ อยากขายทรัพย์สินก็เพื่อมุ่งเน้นที่ธุรกิจด้านสื่อให้เล็กลง โดยจำกัดอยู่เพียงงานด้านข่าวกับกีฬาเท่านั้น ตามที่แหล่งข่าวเปิดเผยออกมาครับ
การเจรจาได้มีขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการสรุปว่าข้อตกลงจะเป็นยังไง ทั้งสองฝ่ายได้พักการเจรจาในตอนนี้ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเจรจากันใหม่อีก
ผู้บริหารระดับสูงของฟ็อกซ์เชื่อว่า การครอบครองทรัพย์สินด้านสื่อที่ในระดับที่มีอยู่ในตอนนี้มากเกินไป การมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจข่าวกับกีฬาจะช่วยให้บริษัทแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
สื่อได้มีการเปลี่ยนโฉมรูปแบบอย่างขนานใหญ่จากการเข้ามาของยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Google, Amazon และ Netflix ที่ทำให้ผู้คนเปลี่ยนนิสัยการบริโภคสื่อไปอย่างมาก และหันไปหาสื่อดิจิตัลแทนสื่อดั้งเดิม การที่จะแข่งขันในตลาดรูปแบบใหม่นี้ได้ หลายคนเชื่อว่าจำเป็นต้องมีอาณาจักรในระดับของดิสนี่ย์ ซึ่งฟ็อกซ์ไม่มี
ส่วนประโยชน์ที่ดิสนี่ย์จะได้รับก็คือการมีวัตถุดิบที่จะใช้แข่งขันในตลาดดิจิตัลมากขึ้น เมื่อดิสนี่ย์กำลังจะเปิดช่องสตรีมมิ่งของตัวเอง ฟ็อกซ์มีหนัง ซีรี่ส์ และรายการทีวีอยู่ในมือมหาศาล ทั้งยังช่วยดิสนี่ย์เพิ่มอำนาจการแข่งขันในยุโรปได้ด้วยเพราะฟ็อกซ์มีหุ้นส่วนอยู่ในสถานทีวีช่อง Sky ถึง 39%
ในรายงานบอกอีกว่าดิสนี่ย์จะไม่ซื้อสถานีทีวีของฟ็อกซ์, ช่อง Fox Sports, FOX News และ Business Chanel ซึ่งดิสนี่ย์มีสถานีทีวี มีช่องข่าว และช่องกีฬาของตัวเองอยู่แล้ว การมีสถานีทีวีสองสถานีเป็นการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐด้วย
สิ่งที่ดิสนี่ย์ซื้อได้ก็คือ บริษัทผลิตภาพยนตร์, บริษัทผลิตรายการทีวี, สถานีในต่างประเทศเช่นช่อง Star และ Sky รวมถึงสถานีบันเทิงอย่าง FX และ National Geographic ครับ
ยังไม่เป็นที่เปิดเผยในตอนนี้ว่าการเจรจานั้นจะมีลักษณะใดบ้าง และจะขายด้ายราคาเท่าไหร่ แต่หากดิสนี่ย์ได้ธุรกิจด้านภาพยนตร์ของฟ็อกซ์ไป นอกจาก X-Men กับ Fantastic Four แล้ว ก็จะได้หนังภาคต่อชุด Avatar ไปด้วย หลังจากมีข่าวนี้ออกมาก็ทำให้หุ้นของ 21th Century Fox พุ่งกระฉูดในเช้าวันจันทร์เลยครับ
ที่มา: CNBC
ขาย Bill O’Reilly ที่มีข่าวล่วงละเมิดทางเพศ
หลายสิบเคสไปให้ดิสนีย์ด้วยเลยสิ!!
อ่านแล้วประเทืองปัญญาแต่เช้า แถมได้ลุ้นจักวาลใหม่อีกของ X-men
ขอคืนเพื่อไปเริ่มใหม่
โอ้วววว … นี่มัน พูดไม่ออกเลยครับ จักรวาลดิสนี่ย์จะใหญ่มากขนาดไหน มาร์เวลรวมตัวกันได้แล้ว (ได้ Avatar ด้วยเหรอ ไปกันใหญ่แล้ว)
ถ้าเป็นแบบนั้นเจมส์ คาเมรอนจะไปต่อยังไง อาจจะโดนยุบหนังก็ได้ ถ้าดิสนีย์เห็นว่าหนังไม่เป็นตามอุดมการณ์ของดิสนีย์ ฮ่าาาา
ต่อไป Avatar จะเรนเตอร์ภาพแบบการ์ตูนดิสนีย์
ดิสนีย์พักเจรจาเพื่อรอหุ้นตก แล้วค่อยซื้อชัวร์ 55555
เสียใจด้วยนะะฟอกซ์หุ้นขึ้น9% เหมือนว่าดิสนีย์จะไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว
น่าจะขายทรัพย์สินแลกหุ้นดิสนีย์มาส่วนนึงเพื่อเก็บกินยาว ๆ เป็นทุนสำรองดีกว่าเงินสดมั้ย
เดดพูลจะกลายเป็นเรต PG พรุ๊งฟริ๊งเลยสินะ…
สำหรับผมก็ถือว่าเป็นทั้งข้อดีและเสียในเวลาเดียวกัน สำหรับแนวหนังโดยเฉพาะแนวฮีโร่ที่ความต่างของโทนหนังที่ฟ็อกสร้างมาแก้เลี่ยนของมาร์เวล อาจจะทำให้หนังมันเดินไปในทิศทางเดียวกันหมดในหลายๆแง่มุม ขาดความสดใหม่ขึ้นไปอีก ทั้งต้องพยายามเชื่อมจักรวาลในแต่ละเรื่องทำให้หนังต้องคำนึงเรื่องนั้นเสมอและขาดความเป็นเอกเทศในตัวของมัน ซึ่งก็เป็นทั้งข้อดีและเสียในตัวของมัน
แต่ก็รอดูไปครับ ก็ไม่ได้ถึงกับปฎิเสธว่าไม่อยากเห็นการรวมกันของจักรวาลฮีโร่ทั้งหมดเลยเสียทีเดียว และสำหรับเฟรนไชน์หนังเรื่องอื่นๆดีสนีย์ยังจะได้วัตถุดิบชั้นดีที่ฟ็อกซ์มีเอาไปต่อยอดได้อีกเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว(ถึงของตัวเองก็จะมากมายแล้วก็ตามล่ะนะ)
ว่าแต่ถ้าซื้อจริงนี่ดีสนีย์แทบจะผูกขาดวงการสื่อบันเทิงเลยทีเดียว…
ขออย่าให้ FOX ขายเลย เพราะดิสนี่ย์ หนังไม่ค่อยมีอะไร เน้นขายแค่ MARVEL STARWAS PIXAR หนังไม่ค่อยหลากหลาย ทำออกมาแต่แนวเดียวกันหมด Avatar ออกฉาย กำไร FOX น่าจะอื้อซ่า อดทนรอก่อน
ที่ ดิสนย์จะซื้อก็เพราะ x-men กับ คลังหนังของ fox เเละ อวตาร 4 ภาค ที่ลงทุนไปเเล้ว 3 ตัวนี้ จะทำเงินมหาศาลคืนทุนได้เร็ว