Batman v Superman: Dawn of Justice – ในความเห็นของคุณ

batman v superman intl trailerตั้งใจจะเขียนบทวิจารณ์ Batman v Superman: Dawn of Justice เพราะไหนๆ ก็เคยเขียนวิจารณ์ Man of Steel เอาไว้ แต่งานที่ทำอยู่ทำให้ผิดแผน เพราะนึกว่าจะทำได้เสร็จเร็วตามคาดครับ หวังว่าจะได้เขียน แต่อย่างที่ลงความเห็นไว้ในเฟซบุก นี่เป็นหนังที่ผมชอบพอๆ กับไม่ชอบ ส่วนดีก็คือการแสดงของเบน แอฟเฟล็ค ในบทแบทแมน, ฉากแอ็คชั่นที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ค้างคาว (ไม่รวมฉากจบที่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเน้นตูมตามเข้าว่า แต่ไม่ได้มีการออกแบบที่ดี) และงานสร้างระดับที่หาดูได้ยาก แต่ส่วนที่ไม่ชอบเลยก็คือบทที่ขาดๆ เกินๆ ขาดความต่อเนื่อง และอีรุงตุงนัง กับการเล่าเรื่องของแซ็ค สไนเดอร์ ที่โดดไปโดดมามากๆ ครับ (สไนเดอร์กำกับเป็นฉากๆ ได้ดี แต่ไม่สามารถเอาแต่ละฉากมาร้อยกันได้แบบที่นักเล่าเรื่องที่ดีควรทำ) หนังดูได้ในระดับเพลินๆ แต่ด้วยการนำสองตำนานมาพบกันครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ ส่วนตัวแล้วคาดหวังว่าจะสร้างความประทับใจได้มากกว่านั้น

ดูหนังเรื่องนี้จบ ความอยากดูต่อ Justice League น้อยลงไปเลย ขณะที่ทำให้อยากดู Wonder Woman, Suicide Squad และ The Batman มากกว่า (จะยิ่งดีใหญ่หากเบน แอฟเฟล็ค กำกับเอง)

มีการตั้งคำถามมาถึงบ้างเหมือนกัน เช่น ชินกับสูตรหนังมาร์เวลมากเกินไปรึเปล่า เลยทำให้ไม่สนุกกับ BVS ก็อยากตอบว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่โทนจริงจังที่ไม่ใช้สูตรเดียวกับมาร์เวลอย่างไตรภาค The Dark Knight หรือหนังชุด X-Men ก็ทำให้สนุกได้มากกว่า และเราก็ว่ามันทำได้ลงตัวกว่าครับ

เพื่อนผู้อ่านหลายท่านให้ความเห็นไปบ้างแล้ว จากบทความที่เล่าถึงความเห็นของนักวิจารณ์ต่อหนังครับ และอยากเปิดพื้นที่ต่อแบบเป็นทางการให้มาลงความเห็นกัน หรือเผื่อให้อยากให้อธิบายจุดไหน ก็อาจมีผู้มาอ่านช่วยอธิบายให้ได้ครับ

หนังมีคะแนนที่เว็บ imdb ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นนักดูหนังทั่วโลกในตอนนี้อยู่ที่ 7.7/10 หลังจากมีให้คะแนนแล้วราว 6 หมื่นกว่าคน คะแนนลดลงจาก 9 กว่าๆ ที่มีผู้โหวตในช่วงวันอังคารราว 5 พันกว่าคน คะแนนน่าจะนิ่งหลังจากผู้ลงคะแนนถึงหนึ่งแสนคนแล้ว คงต้องมารอดูว่าจะลดลงอีกเท่าไหร่เมื่อถึงตอนนั้นครับ ส่วนผมให้ 6/10 ครับ

23 comments

  1. “บทที่ขาดๆ เกินๆ ขาดความต่อเนื่อง และอีรุงตุงนัง กับการเล่าเรื่องของแซ็ค สไนเดอร์ ที่โดดไปโดดมามากๆ ครับ (สไนเดอร์กำกับเป็นฉากๆ ได้ดี แต่ไม่สามารถเอาแต่ละฉากมาร้อยกันได้แบบที่นักเล่าเรื่องที่ดีควรทำ) ”
    +100
    ตรงนี้ผมเห็นด้วยเลยครับ ที่ทำให้เฟล สำหรับผมเจอหนังแบบนี้เลยทำให้ไม่สนุกแล้วไม่อยากดูอีก

  2. ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าไม่ใช่แฟนบอยค่าย DC หรือ Marvel และแน่นอนคนดูหนังเรื่องนี้คงต้องผ่านตากับ Man of Steel (MOS) ไปบ้างแล้ว ซึ่งผมเป็น 1 ในคนที่ดู Man of steel แล้วรู้สึกโอเค แต่ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ การตีตั๋วไปดู BvS นั้นตอนแรกก็คาดหวังเอาไว้ว่าคงได้เห็น Batman ตีกับ Superman ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างแค่นั้นคงพอ แต่ด้วยคะแนนรีวิวของหลายๆสำนักคะแนนค่อนข้างแย่ เลยพยายามคาดหวังให้น้อยลงและพยายามลดอคติก่อนดู เพื่อจะได้ไม่เจ็บตัวนัก

    Bvs แน่นอนมันเป็นหนังภาคต่อจาก Mos หนังพยายามเล่าเรื่องหลังเหตุการณ์ภาคแรกที่ทำให้ Batman ไม่พอใจ Superman จะว่า Batman เวอร์ชั่นนี้คือ Bat version เกษียณก็ได้ หนังเล่าเรื่องสลับไปสลับมาอย่างไร้ทิศทาง คือตอน Mos หนังก็พยายามเล่าอดีตสลับปัจจุบัน แต่ในเรื่องนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น หนังเหมือนตัดต่อไม่ดี เล่าเรื่องปะติดปะต่อไม่ได้ เพราะหลังจากหนังเปิดตัวได้สักพัก จุดความน่าติดตามและความอึดอัดก็ตามมาเกือบๆ 2 ชั่วโมง
    คือถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนผู้กำกับอยากผัดกระเพราแต่ระหว่างผัดก็ใส่ถั่วฝักยาว คิดได้ก็ใส่แครอทลงไป ยังไม่พอก็ใส่หอมลงไป หนังมันเลยสะดุดอยู่อย่างนั้น หนังดูจะอึดอัดขึ้นเรื่อยๆเพราะตลอดแทบทั้งเรื่องฉากแอคชั่นน้อยมาก ฉากที่ทุกคนรอคอยคือการฟัดกันระหว่าง Bat และ Sup ก็มีแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แถมยังมาตอนหนังใกล้จบราวๆ 30 นาทีสุดท้าย

    ถ้ามีคนเคยบอกว่า หนัง Marvel เป็นหนังสไตร์ตลก แล้วหนัง DC เป็นสไตร์ดราม่ามืดหม่น BvS ยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ประทับใจกับ Mos มากนัก แต่รู้สึกว่าเรื่องนั้นทำได้มืดหม่นกว่า กลับกันหนังเรื่องนี้เหมือนคนทำนั้นลังเลว่าฉันควรจะทำให้มันมืดหม่นดราม่าดีไหม เหมือนคนกำลังทำช็อคโกแลต Marvel ทำช็อคโกแลตนม กินแล้วหอมหวาน ส่วน DC ทำดาร์คช็อค ที่ขมแต่กลมกล่อม หนังเรื่องนี้กลับทำได้แค่ ช็อคโกแลตธรรมดาๆแท่งนึงเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของผู้กำกับหรือเปล่าหรือเป็นทางสตูดิโอที่ให้ทำหนังออกมาไม่มืดหม่นเกินไป เพราะกลัวจะขายเด็กไม่ได้ หนังจึงออกมาแค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น

    ว่าด้วยเรื่องตัวละครภาคนี้ Batman ที่ Ben Affleck เล่นทำหน้าที่ได้ดีในด้านอารมณ์ เขาดูหม่นหมอง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แต่ตัวละคร Batman ตัวนี้ให้ลืม Version ของโนแลนไปซะ เพราะตัวละครตัวนี้คือ Batman ผู้ซึ่งพร้อมจะฆ่าทุกคน ใช้อาวุธหนัก ถล่มศัตรูจนคนดูอาจสงสัยว่า Batman ไม่ฆ่าคนจริงๆเหรอ
    Henry Cavill ที่รับบท Superman ยังคงทำหน้าที่ได้คงเส้นคงวา ส่วน Gal Gadot ในบท Wonderwoman ก็ทำหน้าที่ได้ดี ดูสวย ดูสตรอง และพร้อมที่จะออกมาแย่งซีนตอนท้ายเรื่อง แม้จะไม่กี่นาทีก็ตาม
    สิ่งที่จะไม่พูดไม่ได้คือ Lex Luthor ตัวละครหรือตัวร้ายในเรื่องที่ Jesse Eisenberg รับบทนั้น ถือว่าเข้าขั้นวิบัติ ตัวละครนี้ออกมาฆ่าหนังอย่างแท้จริง แน่นอนสำหรับคนดูหนังที่ไม่คิดอะไรมาก อาจจะคิดว่าตัวร้ายตัวนี้มันมีจริตจะกร้าน ยียวยกวนบาทาได้ตลอด แต่แฟนคอมมิคคงรู้สึกว่าน่ารำคาญและเยอะเกินไป คือตัวละครตัวนี้บุคลิกทุกอย่างต่างๆนานาแทบจะกลายเป็น Joker Wanna be ซึ่ง Lex มันควรจะเป็นตัวละครที่น่าเกรงขามและฉลาด แต่ตัวละครที่ Jesse เล่นแทบจะเหมือนเกรียนที่พยายามจะสร้างตัวเองให้ดูโรคจิตอะไรทำนองนั้น ถือว่าเป็นตัวละครที่หลุดคอนเซ็ปของหนังไปโดยสิ้นเชิง

    ถามเรื่องฉากแอคชั่นสำหรับคอแอคชั่นที่หวังจะเข้าไปดูและคิดว่าไม่ต้องการบทหรือเนื้อเรื่องอะไรมากนัก ก็คงต้องบอกตรงๆว่า กร่อยกว่า Mos เสียอีก ที่ผมดู Mos แล้วชอบคือฉากแอคชั่นที่กระหน่ำและดูได้รู้เรื่อง แต่เรื่องนี้กลับ Drop ลงจนเกือบจะกลายเป็น Sucker Punch ไปเลย หนังมีเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงคุณต้องนั่งดูการเล่าเรื่องที่ไม่ปะติดปะต่อและน่าเบื่อ มีฉากแอคชั่นให้ดูแป้บๆแล้วก็จบไป จนมาจัดเต็มเอาตอน 30 นาทีสุดท้าย 10 กว่านาทีเป็นการสู้กันระหว่าง Bat และ Sup ซึ่งก็พอจะดูสนุกอยู่ หลังจากนั้นก็ตามตัวอย่างที่หนังเผยออกมาเป็นศึกระหว่าง 3 ฮีโร่และหนึ่ง อมนุษย์ ช่วงนั้นแหละครับที่หนังดูระเบิดตูมตามและไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก Special Effect เยอะเสียจนดูเกินๆ ถ้าคุณดู Mos มาแล้วอธิบายเป็นขั้นตอนได้ว่าฉากนั้นฉากนี้ Sup ทำอะไรบ้าง เรื่องนี้แทบจะอธิบายอะไรไม่ได้นัก เพราะเล่นกระหน่ำ Effect อย่างเดียวจริงๆ และพอมันจบลงคนดูก็ยังไม่อิ่มไปกับมันนัก

    เนื้อเรื่องไม่มีอะไรให้จดจำ ดูแล้วไม่ต้องคิดเพราะทั้งเรื่องเหมือนต้องการปูเรื่องไปที่ Justice League ล้วนๆ มันเลยไม่มีอะไรให้หวือหวานัก บทที่ราบเรียบคาดเดาง่าย ไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์จนต้องร้องว้าวอะไรเลยจริงๆ ก็อย่างที่บอกเหมือนผู้กำกับผัดกระเพราให้เรากิน แล้วพอเรากลืนลงไปแล้วก็บอกได้แค่ว่า อืม…นี่มันก็คือกระเพรา จะไปหวังให้มันเป็นกระเพราที่กินแล้วน้ำตาแตกแล้วบอกว่านี่มันรสชาติใหม่ก็ไม่ใช่

    สรุปส่วนตัวแล้วเรื่องนี้ยังสนุกได้ไม่เท่า Mos จะดาร์คก็ไม่ดาร์ค จะตลกก็ไม่ตลก (ซึ่งหนังบางฉากพยายามจะตลก แต่ผิดที่ผิดทางตลอด) เนื้อเรื่องไม่มีอะไรให้น่าจดจำ จะจำได้แค่ว่า Bat v Sup v Doomdays x wonderwoman แค่นั้น ตัวละครอื่นๆที่ออกมาก็ไม่ได้น่าจดจำ ซ้ำร้ายแทบอยากจะแช่งให้ Lex ตายๆไปซะเพราะรำคาญ แต่สิ่งที่กลัวจริงๆคือ หนังเรื่องนี้จะทำให้ศรัทธาของคนที่รอ Justice League เสื่อมถอยลง จนต่อไปทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป เกิดอาการเข็ดแล้วร้องยี้ จนต้องพับโปรเจคกันไป

    ควรไปดูถ้า
    – เป็นแฟน DC
    – อยากเห็น Bat อัดกับ Sup สักครั้งในชีวิต
    – อยากเห็น Wonderwoman
    – อยากเห็น Batman เวอร์ชั่นโหดแบบ Badass
    – ต้องการตามเรื่อง Justice League ในอนาคต

    ไม่ควรไปดูถ้า
    – ไม่ใช่แฟนคอมมิค เพราะมีอยู่บางเรื่องราวที่หนังให้ไปทำการบ้านมาเอง ถ้าใครไม่อ่านมามีงง เช่น ชุดโรบิ้นที่ถูกขีดเขียน
    – ต้องการดูหนังแอคชั่นแบบจัดเต็ม แอคชั่นน้อย เล่าเรื่องเยอะจนตูดแฉะแทบจะสองชั่วโมง
    – คิดอยากจะรู้ว่าแบทแมนจะล้มซุปได้ยังไงทั้งที่เป็นคนธรรมดา ซึ่งไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์เลย
    – ไม่ชอบ Mos อยู่แล้ว ยิ่งจบเลย หนังแย่กว่าเรื่องนั้นอีก
    – เป็นคนชอบเนื้อเรื่องและคิดตาม เพราะไม่มีอะไรให้คิด จบแล้วจบกัน

    5/10 ดูได้ แต่แค่ผ่านไป น่าผิดหวังไปหน่อยจริงๆ

  3. ผมเห็นด้วยในเรื่องการตัดต่อภาพ ว่ากระโดดไปมาแปลกๆ เหมือนงานเผา ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า ผกก. แซค ได้ควบคุมส่วนการตัดต่อนี้ไหม หรือว่าส่งต่อให้โปรดักชั่น เพราะ ผกก บางคน ก็มีหน้าที่แค่ทำในส่วนของหน้างานการถ่ายทำ mos และ bvs เป็นงานที่สเกลใหญ่ขึ้นมาก เลยไม่แน่ใจว่าเป็นทีมงานเดิมหรือเปล่า เพราะงานเก่าๆ ที่เขาทำร่วมกับภรรยา เช่น watchmen หรือ sucker punch เป็นงานที่ผมชอบมากทั้งสิ้น ส่วนตัวมองว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางค่ายหนัง บีบเวลามากไปหรอเปล่าทำให้งานออกมาเป็นแบบนี้

  4. เรื่องนี้คงไปดูนะครับ

    แต่ยังขอยืนยันความเห็นส่วนตัวตามเดิม

    “Warner ควรปล่อยให้ DC ลงมาบริหารจัดการดูแล Property ของตนเองโดยอิสระเสียที….ได้แล้ว”….

  5. ในส่วนตัวที่เคยดูผลงานกำกับของแซค ผมบอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้กำกับที่ต้องถูกจำกัดหรือต้องถูกบังคับให้อยู่ในเงื่อนไขการสร้าง เหมือนผลงานต่างๆที่ผ่านมาลองสังเกตุได้หลังจาก 300แซค นั้นกำกับสร้างแต่ละเรื่องที่มาจากตัวตนของเขาเองนั้นจะไม่ดีและไม่ลงตัวหรือง่ายๆเราตามเขาไม่ได้และไม่เข้าถึงเขา ไล่ตั้งแต่watchmen suckerpuch ล้วนแล้วแต่สร้างตามใจเขาหมด กรณี mos เขาต้องสร้างบนพื้นฐานสตูดิโอกำหนดหนังเลยออกมาพอลงตัว แต่มาbvs แซคถือว่าเขามีเครดิต สร้างหนังทำเงินระดับ200ล้าน อำนาจการต่อลอง การแก้ไขบท การทำอะไรตามใจ มีมากขึ้น bvsถึงได้ออกมาไม่มีความสมบูรณ ความไม่สมเหตุสมผลมันเป็นของคู่กับแซคมาโดยตลอด หนังเรื่องนี้เลยได้รับไปเต็มๆๆ โดยรวมbvsไม่แย่ แต่ก็ไม่เป็นที่น่าจดจำเหมือน mosซึ่งmosนั้นจดจำในฐานะความบู้ระห่ำที่หนังจัดมาให้ตลอดทั้งเรื่อง ฉากสู้ที่คนนึกว่าเป็นดราก้อนบอล ของแบบนี้ไม่มีในbvsเลย แซคลืมมาตฐานตัวเองไปว่าอะไรคือ mos แต่พยามสร้างหนังที่ใส่รายละเอียดเข้ามาให้น่าค้นหาน่าติดตาม แต่พวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด มันเลยออกมาไม่น่าติดตามแต่เป็นความน่ารำคราณ บนความน่าเบื่อและอึดอัด กับการที่เคยดูmosแล้วมาดูbvs มันเหมือนรถที่รู้ว่าขับได้200แต่ก็ยังขับอยู่แค่40พอถึงเวลาเร่ง200ก็ทำได้แค่150 ผมเชื่อว่าคนทั้งโรงรอคอยที่จะเห็นฮีโร่ทั้งสองซัดกัน โดยมีพื้นฐานจากการซัดกันของmosเป็นมาตฐาน แต่พอเอาเข้าจริงๆไม่สามารถตอบโจทได้ ซ้ำตอนไคลแม็คก็ไม่ได้ดึงดูดไรมากหรือเป็นที่จดจำ หรือทำให้อยากดูซ้ำ โดยส่วนตัวผมมองว่าถ้าแซค คุมงานสร้านได้เท่าmosหนังจะออกมาดีกว่านี้มาก หนังจะจดจำในฐานะ มวยถูกคู่แห่งปีหรือตามคำที่ เลกซลูเธอรว่า คนสู้กับพระเจ้า
    ทั้งเรื่องยกให้การแสดงของ เบน เอพเฟกที่ทำให้คนดูเชื่อว่าเป็น แบทแมนที่มีอายุเยอะและอุดมการณ์สูงมีประสบการณมานาน ดูมีความเป็นผู้ใหญมาก ให้เชื่อใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถือว่าสอบผ่านในการรับบทแบทแมน

    • เอ่อ….ทั้ง 300 กับWatchmen มีต้นฉบับ จากนิยายภาพของFrank miller และAlan Moore กับDave Gibbons ตามลำดับครับ

      สังเกตดูสองเรื่องนี้ จะได้คำวิจารณ์ค่อนข้างดี เพราะมีต้นฉบับกับวัตถุดิบที่ดีต่างจากงานที่ แซ็ก แกเป็นเจ้าของเรื่องกับไอเดียเองครับ

  6. ผมให้ 5/10 คะแนนครับ
    ชอบครึ่งเรื่องหลัง และไม่ชอบครึ่งแรก
    อย่างที่แอดบอกเลยครับ มันกระโดดไปมา และมีหลายช่วงที่ทำให้รู้สึก งงถ้าไม่ตั้งใจดู จะไม่รู้เรื่องเอาเลยครับ และมีสโลโมเยอะมากกก
    ส่วนครึ่งหลังการดีไซต์ฉากแอคชั่นดีสนุกมากๆเลยครับ ถ้าบางฉากมีสโลบ้างก็ดี

    ตัวละครที่ชอบ วอนเดอร์วูแมนเลยครับ มาไม่เยอะมาก แต่เท่สวยงามสง่ามากๆเลย
    ตัวละครที่ไม่ชอบ เล็ก ลูเธอร์ ผมไม่ค่อยชอบที่เค้าตีความให้บุคลิกแบบนี้ แต่ถามว่าแสดงดีไหม คือแสดงดีมากครับ แต่ด้วยบุคลิกของตัวละครมันดูเยอะและน่ารำคาญไปหน่อย

    ชอบแบทแมนเวอร์ชั่นนี้ โหดดิบดี สะใจตอนที่ซัดกับพี่ซุป

    ถ้าดูเอาความอิ่มเอมของเหล่าๆ ฮีโร่ถือว่าโอเค ฉากมันอลังการงานสร้าง แต่จะเอาสาระแบบบทดี ลำดับภาพ ดำเนินเรื่องก็าจจะไม่ถูกจริตครับ

  7. สำหรับผมคะแนน 10 ให้ 8 ลบหนึ่งคะแนนคือการตัดฉากไปมาทำให้คนที่ไม่ใช่แฟนคอมมิค งงและจับทางไม่ทัน อีกหนึ่งคะแนน คือ ความไม่มีมาดสุขุม น่าเกรงขามของเลก ลูเธอร์ จนนึกไปว่าทำไมมรึงไม่ไปเป็นโจ๊กเกอร์ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย อย่างอื่นดีงามหมด ทั้งการใส่ซาวด์ประกอบ ฉากแอคชั่น แบทโมบิลสุดยอด นักแสดงเก่งทุกคน สืบสวน ดราม่า ซาวด์หลอนๆ แอคชั่นจัดหนัก ถูกใจแฟนคอมมิคเหลือหลาย สำหรับผมชอบมาก ดีงามกว่าอเวนเจอร์ของมาร์เวล

  8. ชอบครับ ไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็น่าจะถึงขนาดจะต้องโดนด่ามากมายขนาดนั้น หลายๆส่วนมาจากคอมมิคที่เฝ้ารอมานานที่จะได้เห็นบนจอฯ เสียดายนิดหน่อยที่แซคแกเอา 2อีเว้นท์ใหญ่ของซุปฯมารวมกัน แต่ด้วยเวลาที่จำกัดก็เลยทำให้ส่วนของดูมเดย์ดูจะยังไม่สุด ผมว่ายังมีหวังกับเรต R ของ DVD นะครับเพิ่มมาอีกตั้ง 30นาที อะไรที่ดูขาดๆเกินๆ ไม่สุด 30นาทีนี้อาจจะเติมเต็มได้ครับ แต่ยอมรับว่าผิดหวังกับ ลูเธอร์มากๆ คาแรคเตอร์นี้ไม่ควรเป็นแบบนี้ การแสดงที่ดูเหมือนจะพยายามเลียนแบบ ฮีด เรจเจอร์ ทำให้ตัวละครนี้ ห่างไกลจากคอมมิคมากเกินไป แต่ไม่เป็นไรครับพอไหวเพราะส่วนที่ชอบมีเยอะกว่ามาก… 8/10 ครับ

  9. ไม่ใช่ติ่งDCหรือMARVEL ขอบอกว่าหนังเรื่องนี้สนุก มันส์มาก แต่ความประทับใจหาไม่มีเลย ด้วยปัจจัยหลายอย่างคับ เอาข้อดีก่อน คือ ฉาก action ที่ดูสนุก ลุ้น วินาศสันตะโร ทำได้ดีคับ ส่วนข้อเสียคือ บทหนังที่บางอย่างมันไม่สมเหตุสมผลเลย การปูเรื่องเชื่อมไปสู่ justice league มันไม่กระชับพอ สรุป เป็นหนังที่ไม่แย่คับ ดูสนุกได้ แต่ก็ไม่ได้ดีมากเหมือนกัน ให้ 7.5/10 คับ ที่คะแนนมันต่ำ คำวิจารณ์แย่ ก็คงเพราะบางคนชอบเอาหนังของตัวเองไปเปรียบเทียบกับหนังฝั่งคู่แข่งที่เขาประสบความสำเร็จอยู่แล้วว่าสนุกกว่าบ้างล่ะ ดีกว่าบ้างล่ะ คนเป็นกลางที่เคยดูหนังที่ถูกเอามาเปรียบเทียบแล้วเขาประทับใจก็เกิดความคาดหวังสูงสิคับว่าหนังเรื่องนี้จะสนุกกว่าเรื่องนั้นจิงๆ แต่ 100 ล้านคนที่มันไม่ได้คิดเหมือนคุณและไม่ได้คิดเหมือนเราๆก็มี ผลตอบรับของหนังออกมามันก็เลยเป็นแบบนั้นไง

  10. จากการได้ดูมา 2 รอบ

    ผมว่า มีความเป็นไปได้สูงว่า Eisenberg
    จะเป็น Alexander Luthor Jr. นะครับ..

    ใน ตปท. หลายคนก็ให้ความเห็นแบบนี้ไว้เช่นกัน
    ถ้าเป็นงั้นจริง ผมจะดีใจมาก..
    ขอทวงคืน Lex Luthor …LoL

    • ปล. ผมให้ 7.5 / 10

      ชอบมากกว่า Man of Steel ถึง action จะน้อยกว่า

      ดูมาทั้ง พาร์กไทย และ soundtrack
      แต่แนะนำให้ดู soundtrack มากกว่านะ.. เพราะบ้างฉากฟังมะรุ้เรื่องจริงๆ มีฉากนึงเหมือนจะเป็นฉากฝันอะครัย

  11. ผมว่าไม่ได้เป็นหนังที่แย่นะ แค่ไม่มีอะไรหวือหวาเลย ฉากแอ็กคชั่นก็ดูแล้วไม่รู้สึกว้าวอะไรมาก
    ในเรื่องผมชอบแบทเบ็นนะ ถึงจะแหกกฎแบทแมน555555 อ้ออัลเฟรดด้วย
    โดยรวมแล้ว 7/10 ครับ
    ปล อยากดูหนังเดี่ยวแบทแมนมากขึ้นกว่าเดิมเลย

  12. ผมว่า.. ผมได้มากกว่าที่คาดหวังนะ
    แช็ค สไนเดอร์เก่งจริงเป็นผู้กำกับที่มีความหลากหลายมาก
    วอร์เนอร์ให้อิสระแก่แช็คมาก.. ถือว่าเป็นข้อดีเลย
    หนังมีโทนที่สมจริงดีครับ.. ไม่ได้ดาร์คเลย
    ซุปเปอร์แมน นายโดนหนักมากภาคนี้..
    แบทแมนโครตเท่.. แฟนๆ ต้องชอบแน่ครับ..
    วันเดอร์วูแมน.. ผู้หญิงอะไรเก่งหว่ะ ถ้ามาไม่ใส่เสื้อ จะช็อคกว่านี้นะ
    แฟรช.. มาแบบแฟรชๆ มาทำไมให้อายบ้านนาล่ะนวลน้อง
    อะควาแมน.. เขากำลังล่าจระเข้จะไปยุ่งกับเขาทำไม
    ไซบอร์ก.. อะไร้ร้ร้ร้ร้ร้ วะ
    กรีนแลนเทิร์น.. กำลังขี้อยู่
    โดนรวมแล้ว.. อยากดูชีวิลวอร์ครับ(เกี่ยวตรงไหน)

  13. การได้ไปดูแบบที่ไม่คาดหวัง เห็นแต่คนบ่นนั่นนี่ มันก็ดีไปอย่างตรงที่ผมเข้าไปแบบไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ อยากรู้ว่ามันห่วยแค่ไหนน้อ

    แต่เอาไปเอามา ผมว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ทำให้รู้สึกอยากติดตาม ดูเพลินทีเดียวครับ (แต่บางฉากก็แบบ ยัดมาทำไม)

    ฉากแบทกะซุปก็โอเคนะ มีพลิกไปมา ให้แบทได้มีโอกาสชนะบ้าง ได้ลุ้นอยู่

    วอนเดอร์วูแมนแปลงร่างแล้วมีเสน่ห์มาก น่ารักดี

    รวมแล้วผมให้ 7/10 นะ สำหรับความพยายามผูกฮีโร่ระดับยักษ์ 2 คนให้มาอยู่ในเรื่องเดียวกัน ก็ถือว่าสนุกได้พอสมควร

    ปัญหาของฉากแอ๊คชั่นคือ ตัวละครมีพลังเยอะเกินไป ดังนั้นฟัดกันทีก็จะเห็นแต่ภาพเดิมๆคือระเบิดตูมตาม ตึกถล่มเป็นแถบๆ พอมากไปก็เกร่อ

    หนำซ้ำฉากวินาศสันตะโรก็เร็วและมืด คือจะลุยกันตอนกลางคืนทำไม ดูไม่รู้เรื่องครับ ตูมตามรัวๆ แต่มันก็ผ่านตาไปเร็วมากเช่นกัน เลยไม่มีอะไรน่าจดจำเลย

    ในขณะที่ แมน ออฟ สตีล ยังมีฉากฉีกหัวเครื่องบินรบให้ได้ติดตา สู้กับเหล่านาวิก ยังได้ลุ้นกว่ากันเยอะ

    หวังว่าภาคต่อไป จะดีไซน์ฉากบู๊ให้ได้สวยและมีอะไรให้นึกถึงมากกว่าตูมๆๆนะ

    อย่างทรานสฟอร์เมอร์ ยังคิดมุกถล่มสิ่งก่อสร้างได้ตระการตากว่าเลย

  14. ผมเห็นด้วยกับคำวิจารณ์ในส่วนที่เป็นปัญหานะครับ แต่ความเห็นของผมคือ ส่วนปัญหาของหนังยังเป็นส่วนน้อยของหนัง ภาพรวมของหนังยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่ได้เห็นว่า เลกซ์ ลูเธอร์ เป็นสิ่งที่เป็นปัญหาของหนัง และคิดว่าเจซซี่ ไอเซนบอร์ก ทำหน้าที่ของเขาได้ดี ซึ่งมีทั้งอารมณ์ขัน และความน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

    เห็นต่างเรื่องแรงจูงใจของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฮีโร่ว่ามันไม่ได้ตื่นเกินมากอย่างที่ว่า เพราะเข้าใจได้ว่าทั้งสองคนโดนปั่นหัวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจากแผนการณ์เสี้ยมของ เลกซ์ ลูเธอร์ จะบอกว่าเสียท่าให้กับเลกซ์ ลูเธอร์ ก็ว่าได้

    และฉากแอคชั่นอย่างต่อเนื่องช่วงท้ายก็ทำให้หนังดูดีขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว โดยรวมก็ดูดีและเห็นได้อย่างชัดเจน มีเฉพาะบางส่วนที่อาจจะดูสับสนจากฉากเทคนิคพิเศษ แต่ก็ไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ในการต่อสู้ การนำมาเทียบกับความสับสนใน Transformers นี่ผมว่าไม่น่าจะใกช้เคียงนัก ถ้าจะเทียบผมว่าวุ่นวายพอ ๆ กับฉาก Hulk Buster vs Hulk ใน AOU มากกว่า

    ยืนยันตามเดิมว่าคะแนน 8/10 คือคะแนนที่เหมาะสมครับ เพราะส่วนดีในหนังยังมีมากกว่าส่วนไม่ดีอยู่มาก

  15. ฉากที่ฆ่าตัวหนัง ทิ่มแทง คนดู คือ ฉาก นิมิต ของ แบทแมน มันสะกิดใจ คนดู ตรงที่ อะไร!?! มางัย ไปงัย งง ทื่อๆมา ทื่อไป…..ถึงแม้เราจะรู้ได้ แต่นั่นได้ บ่มเพาะจุด ชิงชัง ให้คนดู มากขึ้นเรื่อยๆ…ไม่เลวร้าย แต่อยากลงโทษ ที่ทำออกมาแบบนี้… 6.5/10

  16. ผมว่าตัดต่อใหม่ให้ไม่เกิน 120นาที น่าจะดีกว่านี้นะครับ

    มีหลายฉากใส่เข้ามาเกินความจำเป็นทำให้ดูขัดหูขัดตา ไม่ไหลลื่น

    ส่วนตัวพอดูได้ แต่ถ้าเทียบกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่อื่นๆ ถือว่าสอบตก

  17. ไปดูมาแล้วบอกเลยว่า
    *เล่าอดีตบรูซเวย์ได้รวบรัดแต่ออกมาดี
    *คนพากษ์บรูซ(ไทย)ออกมาได้ดีมาก
    *ทำไมถึงเล่นประเด็นพระเจ้ามากนักพอดูจนจบเรื่องพอเข้าใจเลย
    *เล็กซ์นี่โรคจิตได้ใจคาดว่าเขาอาจจะมีเพื่อนร่วมทีมที่จิตยิ่งกว่า
    *ไดอาน่าออกมาถือว่าน้อยไปนิดแต่บทบู๊ถือว่าทำได้ดี(ฮาตอนที่เจ๊แกทำหน้าแหยในระหว่างเล็กซืเล่าเรื่องซุส)
    *ดูมส์เดย์นึกว่าจะออกมาแล้วไปไวหรือมาเป็นกระสอบ แต่บอกได้เลยว่าเรื่องนี้พี่แกโชว์เทพแบบหอมปากหอมคอมาก(เสียดายไม่มีบทพูด)
    ให้คะแนน7.5/10 หักเพราะดำเนินแบบกระโดดเกินไป

  18. มันก้ดูดีนะครับในความเห็นของผมเพราะเหมื่อนกลับปูทางไปสู่การร่วมตัวกันและใช้แนวการเล่าเรื่องแแบไม่ปะติดปะต่อกันแต่บ้างฉากก้เอาตีความจากคอมมิคส์ได้ดีและทำให้ฉบับหนังไปในทิศทางที่มีความเป็นตัวเองสูงและแตกต่างจากฝั่งมาร์เวลโดยสิ้นเชิงผมว่ามันมีเสนห์และยังคงความเป็นดีซีอยู่และคงความเป็นต้นฉบับจากคอมมิคส์อยู่ไม่น้อย .มันก้เหมื่อนภาค spectre ของ เจมส์ บอนด์ เขาแหละในทิศทางที่ว่า คงต้นฉบับและมาเสกเป็นเวอร์ชั่นหนัง และค่อยเผยไปในภาคต่อต่อไป, แม้ว่า Bat vs Sup มันจะมีความกระโดดไปกระโดดมาอยู่ไม่น้อยแต่ในภาพร่วมถือว่าดีเยี่ยมเลยครับ ในส่วน ของนักแสดงทั้ง เลกซ์ ลูเธอร์ และ เบ็น ที่คายข้อกังขาจากการรับบทว่าจะดีเท่าคริสเตียน เบลมั้ย โดนส่วนตัวผมคิดว่าเยี่ยมเลยและไม่เสียดายจริงจริงกับการหนังดูแบบ IMAX .แต่ขอให้ภาคหน้าต้องคลายปมทุกอย่างที่อยู่ในภาคนี้ให้หมด ไม่ว่าจะเป็นของ บรูซในการตามหา เฟลซ อควาแมน ไซบอร์ก และส่วนของ wonder women ก็รอดูส่วนของการเล่าเรื่องตัวเองเหมื่อนกันในการกำเนิด หญิงแกร่ง แห่ง พาราไดซ์ ไอส์แลนด์ ผมว่ากว่า ดีซี จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ถือว่าตอบโจทย์ แฟนบอย คอมมิคส์ คนดุหนังไปไม่น้อยนะครับ เพียงแต่ว่ายังทีมงานทีสามารถเสกสรรค์ให้ไม่มีช่องโหว่แบบมารืเวล เท่านั้นเอง แต่ยังงั้ยก็สู้ต่อไปนะ DC เราจะรอดูพัฒนาการต่อต่อไปเรื่อยยยย

Leave a Reply to ajanabureeCancel reply