“ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” – ความเห็นผู้ชม

Freelance feedbackฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ของผู้กำกับนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เข้าฉายสุดสัปดาห์นี้แล้วครับ และน่าจะสร้างความคึกคักให้แก่วงการหนังไทยได้บ้างหลังจากซบเซามาตลอดทั้งปี รายได้เปิดตัววันแรกก็สูงถึง 11.6 ล้านบาท ตามที่จีทีเอชรายงานมาครับ ส่วนความเห็นของผู้ที่ชมจากรอบพิเศษและรอบสื่อเมื่อวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมาก่อนที่หนังจะฉายรอบปกติก็ถือว่าดีมาก มีผู้ชอบหนังราว 86% ตามการประเมินของนิตยสาร Flickz แต่เมื่อหนังออกฉายทั่วไปแล้วก็มีกระแสอีกด้านหนึ่งเข้ามาด้วยตรงที่คาดหวังว่าหนังจะเป็นหนังโรแมนติกอารมณ์ดีแบบที่เป็นยี่ห้อประจำของค่ายหนัง แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คาดหวัง ซึ่งก็มีทั้งชอบและไม่ชอบ ขณะที่ผู้ชมที่ติดตามงานของนวพลมาโดยตลอดก็ค่อนข้างพอใจที่หนังมีลักษณะเฉพาะตัวตามแบบผลงานเก่าๆ ของผู้กำกับมากกว่ามีความเป็นหนังอารมณ์ดีแบบจีทีเอช ผมยังไม่ว่างไปดูหนัง แต่ดีใจที่รู้ว่า “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ยังเป็นงานในฉบับเฉพาะตัวของนวพลอยู่สูง และนั่นยิ่งเป็นเหตุผลให้อยากดูหนังมากขึ้นหลังจากประทับใจจากหนังอย่าง Mary is Happy, Mary is Happy

ในแง่ความเห็นของนักวิจารณ์ อาจารย์ประวิทย์ แต่งอักษร จากนิตยสารสีสัน ก็เป็นอีกท่านที่ชอบที่หนังเรื่องนี้ยังคงนวพลสไตล์เอาไว้ “ในฐานะที่ติดตามหนังของเต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์-มาอย่างต่อเนื่อง ความน่าทึ่งของหนังเรื่อง “ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย..ห้ามพัก..ห้ามรักหมอ” ซึ่งเป็นการทำงานกับสตูดิโอใหญ่อย่าง gth อยู่ตรงที่เขายังคงรักษาตัวตนหรือลายเซ็นเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะในแง่ของเทคนิคและสไตล์การนำเสนอที่เป็นตัวของตัวเอง หรือบางที อาจเรียกว่าไม่ประนีประนอม ตั้งแต่ ลองเทค, แฮนด์เฮลด์, จัมพ์คัท, ดนตรีที่ไม่ตั้งหน้าตั้งตาบิลด์, อารมณ์ขันแบบหน้าตายหรือเย็นชา, การเล่นกับความเป็นจริงและแฟนตาซี, ตัวละครประเภทที่ยังเก้ๆกังๆกับชีวิต(หรือแม้กระทั่ง loser) ไปจนถึงการวางกรอบการเล่าเรื่องที่ซ่อนเรื่องคาดไม่ถึงอยู่เนืองๆ ในทางกลับกัน ตราประทับของความเป็นหนัง gth ก็ไม่ได้ถึงกับหลุดลอก แต่ก็นับว่าจางกว่าเรื่องอื่นๆก่อนหน้าค่อนข้างมาก” (อ่านต่อ…)

ณัฐพงษ์ โอฆะพนม จากคอลัมน์เอกเขนกดูหนังในคมชัดลึกชมผู้กำกับว่า “‘เต๋อ’ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ใช้ไวยากรณ์ทางภาพยนตร์ในการเล่าเรื่องและสื่อความหมายในหนังได้อย่างเอกอุ ทั้งการถ่ายภาพ ตัดต่อ และเสียง(ทั้งเสียงดนตรีและเสียงบรรยากาศรายล้อม)ไปจนถึงองค์ประกอบศิลป์อื่นๆ” (อ่านต่อ…)

ความเห็นอื่นๆ อยู่ที่ด้านในครับ

https://twitter.com/BigGame/status/639530687918268416

https://twitter.com/BigGame/status/639532191655948288

12 comments

  1. งานนี้ยังออกมาตามสไตล์ผู้กำกับไม่ได้ดุเป็นGTHมากเกินไป(แต่ติดตรงที่นางเอกจำเป็นใครมาแสดงก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นดาวิกาเสมอไป)

  2. ผมว่าGTHทำการตลาดผิด คอยดูเดี๋ยวจะมีคนออกมาด่าหนังเพียบทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดผกก.เลย หน้าหนังและตัวอย่างหลอกคนดูมาก ถ้าGTHจะใช้กลไกของตัวเองที่มีอยู่แล้วแต่มาทำหนังอย่างของเต๋อก็น่าจะทำบริษัทใหม่เหมือนนาดาวไปเลย แล้วโปรโมทอีกแบบไปเลย หนังมันก็ไม่ได้ลงทุนสูงอยู่แล้ว ดาราก็ไม่ต้องดังก็ได้
    ต้องยอมรับว่าแบรนด์GTHมันสื่อสารกับคนดูไปแล้วว่ามันคือหนังฟีลกู้ด ทำแบบนี้มันทำให้คนสับสนเปล่าๆ นอกจากจะตั้งใจตีหัวเข้าบ้านซึ่งมันจะทำให้คนดูบางส่วนโกรธแน่ๆ

    • +1 ครับ เห้นด้วยเลย GTH จงใจทำให้คนดูเข้าใจว่าหนังน่าจะออกมาเป็นโรแมนติกคอเมดี้อารมณ์เรียลๆแบบเพื่อนสนิท ทั้งที่จริงๆแล้วหนังมันมีความเป็น นวพลสไตส์ สูงมาก พี่เต๋อแทบจะไม่ได้ทิ้งลายเซนต์อะไรของตัวเองไปเลยซักนิด เขายังเป็นตัวเขาอยู่

  3. สปอยด์

    ผมชอบหนังที่เล่นเกี่ยวกับวิชาชีพที่มันไม่สอดคล้องกัน แต่ต้องมาพานพบกัน และแลกเปลี่ยนมุมมองกัน
    Freelance ที่ผมเห็น คือการโฟกัสเพียงในโลกของพระเอก (อาจเพราะผู้กำกับประสบชาตากรรมแบบเดียวกันมาก่อน) แต่เสียดายที่ไม่ได้เห็นโลกที่นางเอกเห็นด้วย เช่นมุมมองของการรักษาแบบวงการสาธารณสุขไทยที่แพทย์ขาดแคลน การทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ต่างกัน มุมมองแพทย์ต่อคนไข้ การกลัวถูกฟ้อง ผมอยากเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่พัฒนาไปมากกว่านี้ อยากเห็นพระเอกไปที่บ้านนางเอก อยากเห็นว่าบ้านก็รกพอกัน อยากเห็นนางเอกที่รู้ว่าตัวเองถึงจะเป็นแพทย์ก็นอน 3 ทุ่มไม่ได้ ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ รับจ๊อบคลีนิคเสริม ออกกำลังกายไม่ได้ กินอาหารดีๆ ไม่ได้เช่นกัน เหมือนพระเอกจะเป็นฝ่ายเดียวที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมอยากเห็นมุมมองของนางเอกที่เปลี่ยนไปด้วย อยากเห็นนางเอกมองเห็นชีวิตตามความเป็นจริง ไปออกกำลังกายร่วมกัน ไปทะเลร่วมกัน (ในตอนท้าย) ครับ น่าจะทำให้มีอะไรน่าสนใจขึ้น ถ้าเปรียบคงคล้ายๆ As Good as It Gets กระมัง

    • สปอยด์

      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      สิ่งที่จะเห็นนางเอกเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ว่ามานี้ได้จริงๆ คือ
      พระเอกต้องตาย(จริงๆ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ครับ

      • สปอยด์

        ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน หนังน่าจะจบแค่หลังจากยุ่นคิดถึงงานศพตัวเอง แล้วก็อยากให้มีส่วนที่เล่าผ่านมุมมองของหมออิมด้วย

  4. เหอะๆ……ไม่รู้จะพูดยังไงดี เอาเป็นว่า ถ้าไม่คาดหวังคงชอบล่ะมั๊งง????
    แต่จุดนี้บอกเลยยว่า ไม่ชอบครับ…ผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือไม่ดี ?? แค่บอกว่า ไม่ชอบบ จบบบ….

  5. ชอบครับ ไม่ผิดหวังเลยครับ ผู้กำกับเค้าเก่งจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าเป็นโอกาสดีที่ตลาดบ้านเราจะได้ดูหนังไทยที่เล่าเรื่องด้วยวิธีใหม่ๆบ้าง ดีกว่าหนังกรรมวิธีที่ทำซ้ำๆกันมาจนเบื่อแล้วครับ

  6. แนวคิดของหนัง และการทำให้คนดูเข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารมา ดีครับ
    แต่ติดที่การเล่าเรื่อง เชื่องช้ามากไปหน่อย ส่วนตัวทำให้เบื่อไปเลย(ถึงขนาดคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะจบ)แอบลุ้นว่าตอนจบจะมีอะไรให้แปลกใจ ส่วนตัวรู้สึกว่าแค่เนี้ยนะ ผมว่าควรจะมีมุขตลกหรือสีสันระหว่างการเดินทางของหนัง มากกว่านี้
    (รู้สึกว่าขำช่วงต้นๆ ช่วงหลังเงียบไปนะ) สรุปเป็นหนังที่ดีครับ ให้แง่คิดในการใช้ชีวิต ในการทำงาน ได้ดี ข้อเสียก็แค่เรื่องมันอืดๆและขาดสีสันหรือมุขตลกไปครับ อาจจะทำให้เบื่อเลย 7/10

  7. ผมดูแล้วรู้สึกเหมือนกำลังดู Birdman ฉบับไทยอยู่เลยครับ
    ทั้งดนตรี ทั้งจังหวะการเล่าเรื่อง ทั้งมุมกล้อง
    ถึงแม้จะมีแทรกความเป็นหนังไทยเข้าไปก็ตาม
    ผมชอบนะ ในฐานะที่มันกล้าแหวกจากหนังไทยปกติดิ
    และผมก็อยากเป็นอีกหนึ่งเสียงที่อยากให้มีเรื่องราวในมุมของหมอด้วย
    และผมก็เห็นด้วยว่ามีคนไม่ชอบเยอะแน่ๆ เพราะตอนรอบผมไปดูคนบ่นกันเต็มเลย
    แต่ผมกลับลืมเวลาซะงั้นไม่รู็สึกว่าหนังมันนานอย่างที่เป็นจริง
    สรุป หนังดี ชอบ แต่ผมคงตัดสินคะแนนไม่ได้ เพราะผมรู้สึกว่ายังไม่สุดไงไม่รู้ครับ

Leave a Reply to panupongCancel reply