โฉมแรกของ “ตำรวจปืนโหด” ภาพยนตร์เรื่องแรกของม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล

หลังจากได้ทำงานทีวีและช่วยงานท่านพ่อ (ท่านมุ้ย) อยู่พักใหญ่ คุณอดัม หรือม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ก็ได้มีโอกาสได้กำกับภาพยนตร์ของตัวเองเป็นเรื่องแรกในที่สุด หนังเพิ่งเปิดกล้องไปเมื่อไม่นานนี้ครับ เป็นหนังแนวบู๊ชีวิตเรื่อง “ตำรวจปืนโหด” ซึ่งคุณอดัมได้กรุณาให้สัมภาษณ์ผ่านอีเมลพร้อมมอบภาพเบื้องหลังที่ลงในอินสตาแกรมมาประกอบด้วย

เรื่องย่อของหนังยังเป็นไม่เผยอะไรออกมามากครับ คุณอดัมบอกแต่เพียงว่าเป็นเรื่องของ”ตำรวจแหกคอกกลุ่มหนึ่งที่ต้องทำคดีฆาตกรรมเด็ก แต่ยิ่งทำยิ่งค้นพบว่ามันมีอะไรมากกว่าแค่คดีทั่วไป” โดยที่เหตุการณ์ในหนังนั้น “อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันครับ” และพูดถึงบรรยากาศของหนังว่า “จะทำให้มันดูมีกลิ่นอายเหมือนภาพยนตร์แอกชั่น-ดราม่า สมัยปลาย 80s ถึงต้น 90s (ลองคิดถึง Top Gun, Lethal Weapon, Dirty Harry, Serpico, Beverly Hills Cop, Black Rain หรือ Blade Runner ดูครับ…. แต่ Blade Runner นี่เก่าหน่อยนะครับ) อารมณ์ประมาณหนังตำรวจ ตัวละคร Anti Hero ปืนเท่ๆ รถเจ๋งๆ กลุ่มตำรวจที่มีบุคลิกเฉพาะทาง ฉากแอกชั่นที่ไม่ได้ตัดฉับๆแต่ดูสนุก บทที่ดูโบราณนิดๆ ไม่มีอารมณ์ขำโปกฮา แต่จะเป็นเสียดสีๆ ไม่ต้องหักมุมเกินไปแต่ให้มันมีแนวทางในการเล่าที่ชัดเจนขึ้น แบบว่าไม่ต้องประดิษฐ์มากน่ะครับ เหมือนหนังที่ผมดูพวก Big Cinema, Cinemax สมัยผมเด็กๆครับ

ตัวละครหลักของหนังได้นักแสดงระดับคุณภาพมาประชันกันคับคั่งเลยทีเดียวครับ สมชาย เข็มกลัด เป็นวสันต์ ตำรวจแหกคอกที่ไม่ค่อยลงรอยกับใครทั้งในเรื่องงานและชีวิตครอบครัว แต่ด้วยความตงฉินแบบดิบๆนี่เองที่ทำให้เป็นที่รักใคร่และเคารพของเพื่อนร่วมงาน, คริสตัล วี รับบทเป็นนลิน ตำรวจหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมหัวจมท้ายกับวสันต์ มีความเก่งและความฉลาดอยู่ในตัว แต่มักถูกมองข้ามโดยวสันต์เสมอ, โน๊ต เชิญยิ้ม เป็นจ่าทอง จ่าเฒ่าอารมณ์ดี ผู้มีความสามารถรอบด้าน เป็นลูกน้องคนสนิทของวสันต์ผู้ซึ่งรู้ตื้นลึกหนาบางทุกอย่าง, ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ เป็นมลธิวา ภรรยาแสนสวยของวสันต์ ผู้ซึ่งพยายามจะดึงวสันต์ออกจากความป่าเถื่อนที่เขาใช้ในวิชาชีพ และชลัฏ ณ สงขลา เป็น ประพันธ์ ตำรวจคู่ปรับของวสันต์ ด้วยอดีตที่เคยแย่งกันจีบมลธิวาแต่พ่ายแพ้ วสันต์จึงมองว่าประพันธ์จ้องแต่จะจองล้างจองผลาญเขาแต่เพียงผู้เดียว

ผมยังได้ถามคุณอดัมถึงเหตุผลที่เลือกนักแสดงดังกล่าวด้วย ซึ่งคุณสามารถตามอ่านต่อได้ที่ด้านในครับ

– สำหรับพี่เต๋า : ตัวละครตรงกับบทครับ อายุ 39, ลูกสองคน เป็นผู้ชายแมนๆ ดุๆ มีความสามารถในการแสดง มีงานอย่าง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว หรือ นากปรก … เวลาแสดง พี่เต๋าเป็นคนที่เปิดกว้าง รับฟังผู้กำกับตลอดครับ พี่เต๋ามักจะบอกผมเสมอครับว่า “มีอะไรบอกได้นะครับ” เพราะเรื่องนี้ผมเองก็พยายามจะปรับพี่เต๋าให้ดูเบาลง ไม่แสดงออกมากเท่ากับหนังที่ผ่านๆมาของพี่เค้า ซึ่งการปรับภาพปกติของคนนี่ไม่ค่อยง่ายนักหากนักแสดงไม่ให้ความร่วมมือครับ (และเชื่อผมได้ครับว่ามีนักแสดงจำนวนมากครับที่เป็น) ซึ่งพี่เต๋าไม่เป็นแบบนั้นครับ แบบนี้คือนักแสดงที่ผมรู้สึกสบายใจกว่าเวลาทำงานด้วยครับ

– ส่วนคริสตัลเองเป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์หนังใหญ่ในเมืองไทยครับ ดังนั้นภาษาเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ผมเองต้องฝึกกับคริสตัลเป็นเวลานานพอสมควรเลยครับก่อนที่จะมาเล่นเรื่องนี้ ซึ่งคริสตัลมีส่วนนึงที่นักแสดงไทย (ที่ผมพบตอนนี้ทั้งหมด) ยังไม่มีคือไม่รับงานแทรกครับ คริสตัลให้เวลาตั้งแต่ต้นปีกับหนังผมเพียงเรื่องเดียว และต้องฝึกมวยเพื่อลดน้ำหนัก ฝึกการแสดงกับครูอ้อ (มาลิกา ตั้งสงบ) ฝึกการออกเสียงภาษาไทยให้ชัดเจน ใช้เวลากับผู้กำกับ เวลาออกไปข้างนอกก็จะพาคริสตัลไปด้วย นั่งคุยทุกๆเรื่อง นั่งมองคน สังเกตุเค้า ทำอะไรบ้าง ทำไมเค้าถึงทำแบบนั้น แล้วเมื่อทำแล้วจะเป็นอย่างไร คริสตัลเองจะนั่งกับผมสองต่อสองแล้วไล่บทไปทุกๆตัวอักษร จดโน๊ต กลับบ้านไปทำการบ้าน แสดงหน้ากระจกเพียงคนเดียว แล้วก็มาแสดงให้ผมปรับ นี่คือนักแสดงที่ผู้กำกับจะชอบครับ แบบว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูดีครับ

– ผมไม่เคยคิดว่าป๋าโน๊ตจะทุ่มเทมากขนาดนี้ครับ ตอนที่ผมเลือกป๋า … ผมตั้งสมมุติฐานในใจตอนเห็นรูปว่า “ถ้าป๋าอยู่ในวงการมา 30กว่าปี ป๋าจะต้องมีความสามารถทางการแสดงเยอะมากๆแต่ถูกซ่อนไว้ครับ” แล้วก็จริงๆครับ ตอนป๋าอ่านบทเสร็จ ป๋าตกลงเล่นทันทีครับ ป๋าบอกว่า ป๋าเองอยากหาที่ที่ป๋ามีบทที่จะได้แสดงจริงๆจังๆบ้าง ได้ปล่อยของที่เก็บไว้มาทั้งชีวิต แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ ตอนแสดงป๋าจะซ้อมบทซ้ำไปซ้ำมา จะอยู่ในบทบาทตลอด จะร้อนจะเย็นป๋าก็ทน เวลาเล่นถึงไม่เห็นตัวป๋า ป๋าก็จะมาอยู่ในบล็อกกิ้ง ต่อบทให้นักแสดงเอง (แบบเดีัยวกับที่ทอม แฮงค์ทำใน Green Mile นั่นแหล่ะครับ) ป๋าเป็นคนที่คุยง่าย ทุ่มเทมากๆ (แทบจะทำให้นักแสดงเด็กๆอายม้วนเสื่อกันทีเดียวครับ) แล้วก็เป็นคนที่ปรับได้เร็วมากๆครับ เวลาป๋านั่งต่อบทกับคนอื่นๆ ผมจะเข้าไปฟังแล้วแอบขอพูดปรับบทให้ ป๋าก็จะปรับตามทันที แล้วก็ได้ดั่งใจนึกด้วยครับ และนั่นคือนักแสดงจริงๆครับ เป็นแก้วเปล่าที่เจียรไนแล้ว

– พี่ป๊อกเองเป็นยอดนักแสดงแต่ไหนแต่ไรครับ การแสดงของพี่ป๊อกเองกินขาดในงานตั้งแต่ละครมาจนถึงหนังแล้วครับ แล้วก็เป็นนักแสดงที่มีมาตฐานมากๆ มีความเสมอภาค เป็นมืออาชีพสูง เพียงแค่วินาทีเดียวพี่ป๊อกสามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางตาได้ราวกับจับวาง อายุงานที่มากขึ้นของพี่ป๊อกทำให้พี่เขาเป็นนักแสดงที่เวลาเข้าฉาก แล้วจะดึงให้ฉากนั้นๆมีพลังขึ้นมากครับ … ตอนที่พี่ป๊อกอ่านบทผมครั้งแรก พี่ป๊อกถามผมว่า “หนังต้องการจะสื่ออะไรบ้าง” และนั่นคือพี่ป๊อกพยายามมองหาเรื่องระหว่างบรรทัด ไม่ใช่นักแสดงที่เพียงแค่อ่านบทแล้วชอบไม่ชอบ แต่จะพยายามมองหาอย่างอื่นที่ซ่อนไว้ข้างในอีกชั้นหนึ่ง นั่นทำให้ผมต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อตอบคำถามเหล่านี้ และนั่นทำให้การแสดงของพี่ป๊อกก็จะมีมิติ มีความหมายขึ้นครับ และนักแสดงแบบนี้คือนักแสดงในฝันเลยครับหากผมต้องทำงานครั้งแรก คือนักแสดงที่มองมากกว่าไดอาล็อก แต่มองหาความหมายของมันด้วยครับ

– พี่หนึ่ง เป็นนักแสดงที่เคยร่วมงานกันมาหลายครั้งครับ ทำให้รู้ตื้นลึกหนาบางกันดีครับ เขาจะเป็นนักแสดงที่ ถ้าสั่งให้โดด ก็จะโดด สั่งให้ตายก็จะตาย สั่งแบบใดพี่หนึึ่งก็จะไปหมดเลย ไม่ตะขิดตะขวง จะให้ตีอกชกหัวเป็นบ้าเป็นบอ พี่หนึึ่งก็จะทำครับ หากใครเคยได้ดูหนังอย่าง นช.นักโทษชาย หรือบันทึกกรรมตอนผูก (หาดูได้ใน Youtube นะครับ) จะเห็นว่าพี่หนึ่งจะเล่นเต็มที่จริงๆครับ ยิ่งบทใหม่ๆพี่หนึ่งยิ่งชอบ ยิ่งท้าทายยิ่งอยาก ไม่ใช่นักแสดงที่จะขอหน้าใส หล่อลากดิน เล่นเป็นหินเป็นทรายอย่างที่เห็นมากมายในวงการครับ พอผมทำหนังเรื่องแรก ชื่อของพี่หนึ่งก็เป็นชื่อแรกเลยครับที่ผมดึงเข้ามาร่วมในบทนี้ครับ

ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้จะมองหาพระเอกหล่อ นางเอกสวย วัยรุ่นเต็มร้อยผมคิดว่าคงไม่ใช่ครับ แต่ผมมองหานักแสดงที่มีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองไปอีกก้าวจากเดิมมากกว่า ครับ แล้วหนังเรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นความสนุกที่ทุกคนจะพยายามดันตัวเองไปข้าง หน้า จะดีไม่ดีผมอาจจะตอบไม่ได้ครับ แต่ถ้าถามว่ามันทำให้ทั้งผมและนักแสดงได้พัฒนาตัวเองมากขึ้นไหม ผมเชื่อว่าได้มากมายเลยครับ แล้วผมก็มั่นใจกับนักแสดงทั้งหมดมากพอที่จะผูกชีวิตผมทั้งปีนี้กับเขาไว้ ครับ ผมเคยบอกกับคริสตัลไปเหมือนกันครับว่า “ชีวิตของผมก็ผูกอยู่ที่คริสตัลนั่นแหล่ะ” เพราะหากนักแสดงเล่นไม่ดี พวกผมก็จะตกงาน จะไม่มีกิน จะไม่มีคนมองผมในภาพที่ดีีอีก ดังนั้นแน่นอนครับว่าผมต้องเชื่อและศรัทธาในนักแสดงผมมากยิ่งกว่าสิ่งใดเลย ครับ

5 comments

  1. ชักเป็นห่วงเรื่องรายได้ แต่จะเข้าไปอุดหนุนครับ คิดถึงบรรยากาศหนังยุคนั้น และแนวทางหนังที่หาได้น้อยในหนังไทยปัจจุบัน

Leave a Reply