JEDIYUTH’s Review: Captain America: The First Avenger

หนึ่งในแผนการอันชาญฉลาดของมาร์เวล สตูดิโอ ในการสร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่จากตัวละครหนังสือการ์ตูนของตัวเองก็คือ พวกเขาพยายามแนะนำผู้ชมให้รู้จักตัวละครต่างๆ ที่อยู่ในเครือ เช่นไอร์ออนแมน, ฮัลค์ และธอร์ ไปพร้อมๆ กับโยงตัวละครเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อปูให้แต่ละตัวได้มาเจอกันในหนังรวมพลซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ The Avengers ที่มีแผนออกฉายในปี 2012 และกัปตันอเมริกาคือตัวละครสุดท้ายที่จะทำให้ The Avengers ครบทีม แต่ผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อเปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่นก่อนหน้านี้ Captain America: The First Avenger ดูจะทำออกมาได้ด้อยกว่าในเกือบทุกทาง

Captain America: The First Avenger ถือว่าเป็นหนังที่ดีในระดับหนึ่งถ้าเทียบกับหนังโดยทั่วไปในแง่งานสร้างและการแสดง แถมยังมีแนวคิดที่ฉลาดในการสร้างให้เป็นหนังผจญภัยย้อนยุคที่มีฉากเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้โดดเด่นจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ และยังเป็นแนวคิดที่เอาไปสร้างสรรค์อะไรได้เยอะมาก แต่การที่ผู้กำกับโจ จอห์นสตัน (The Wolfman และ Jurassic Park III) ไม่สามารถเล่าเรื่องให้มีอารมณ์ร่วมได้มากพอ มีจังหวะการเล่าเรื่องที่ไม่คมพอ และสร้างฉากแอ็คชั่นส่วนใหญ่ได้ธรรมดา จึงทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้ไม่สุดทางของมัน เป็นได้เพียงอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนจะไปถึง The Avengers ทั้งที่มีศักยภาพจะเป็นอาหารมื้อหลักอิ่มท้องได้เหมือนกับ Iron Man และ Thor

หนังเปิดเรื่องในยุคปัจจุบันที่ทีมสำรวจของหน่วยชีลด์ได้ค้นพบตำแหน่งของร่างใต้น้ำแข็งของกัปตันอเมริกาก่อนที่จะพาย้อนสู่อดีตเพื่อเล่าความเป็นมา นั่นก็คือสตีฟ โรเจอร์ส (คริส เอแวนส์) เด็กหนุ่มผอมกระหร่องและตัวเล็ก แต่มีจิตใจกล้าหาญ ดีงาม มุ่งมั่น และอยากเป็นทหารรับใช้ชาติเพื่อรบไปกับนาซี แล้วยอมเอาตัวเองไปเป็นหนูทดลองในโครงการสร้างสุดยอดทหารของกองทัพสหรัฐที่ดูแลโดยดร.อับราฮัม (สแตนลี่ ทุชชี) จนในที่สุดทำให้เขากลายเป็นกัปตันอเมริกา ซูเปอร์ฮีโร่ที่สามารถใช้พลังได้สุดขีดจำกัดที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้

ขณะเดียวกันก็เล่าถึงแผนการอันชั่วร้ายของไอ้กะโหลกแดง (ฮิวโก้ วีฟวิ่ง) หัวหน้าของหน่วยไฮดราของนาซี ที่หมายใช้ลูกบาศน์พลังงานในการทำลายล้างโลก เพื่อปูเรื่องให้ทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้ากันในฉากไคลแม็กซ์สุดท้าย ซึ่งช่วงเปิดเรื่องของหนังนี้ทำได้เข้มข้นและน่าติดตามอย่างมาก

หลังจากเป็นกัปตันอเมริกาแล้ว รัฐบาลสหรัฐยังไม่รู้ว่าจะใช้เขาเพื่อประโยชน์ใดดี จึงใช้เขาเป็นเครื่องมือหาทุนทำสงคราม และนำทัพสันทนาการไปสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารแนวหน้า แต่เมื่อทราบข่าวว่าเพื่อนรักชื่อบัคกี้ บาร์นส์ (เซบาสเตียน สแตน) ถูกจับเป็นเชลย เขาจึงลุยเดี่ยวเข้าไปในแนวข้าศึก ภายใต้การช่วยเหลือของเพ็กกี้ คาร์เตอร์ (เฮย์ลี่ แอ็ทเวลล์) และ เฮาเวิร์ด สตาร์ก (โดมินิก คูเปอร์) เพื่อช่วยเพื่อนออกมาจนวีรกรรมเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ผู้การเชสเตอร์ (ทอมมี่ ลี โจนส์) ยอมรับในตัวเขา และใช้เขาต่อกรและทำลายโรงงานผลิตอาวุธของหน่วยไฮดรา

ในครึ่งหลังของหนังที่กัปตันอเมริกาเริ่มปฏิบัติภารกิจ ดูเหมือนว่าหนังไม่อาจไต่ระดับความเข้มข้นและเล่าเรื่องได้น่าสนใจไปกว่าที่ปูเอาไว้ในตอนต้น การปฏิบัติภารกิจแต่ละครั้ง มีฉากต่อสู้ที่มีการออกแบบมาดีหลายฉาก (แต่ก็มีอีกหลายฉากที่ออกแบบมาได้ธรรมดา) แต่ไม่อาจสร้างความตื่นเต้น ลุ้นระทึก หรือมีอารมณ์ร่วมในฉากเหล่านั้นได้มากพอหรือบางครั้งแทบไม่มีเลย

เมื่อสลับเข้าสู่โหมดดราม่าของหนัง ผู้กำกับก็ยังขยี้อารมณ์ได้ไม่มากพอที่จะทำให้เราสะเทือนใจได้ ฉากร่ำลาท้ายเรื่องที่น่าจะขยี้อารมณ์จนร้องไห้ได้ก็เล่าอย่างรีบเร่ง และยังไม่อาจสร้างความผูกพันกับตัวละครบางตัวได้มากพอจนรู้สึกสงสารในชะตากรรมได้ อันเป็นเหตุให้อารมณ์ของหนังเหมือนถูกกั๊กเอาไว้ เมื่อดูจบจึงไม่อิ่ม ต่างจากตอนที่เราชม Thor หรือ Iron Man ที่ทำให้เราอยากดูภาคต่อได้ในทันที

ฉากหลังที่เป็นสงครามโลกครั้งที่สองที่สามารถเอาไปสร้างฉากแอ็คชั่นสงครามที่ยิ่งใหญ่ได้ กลับไม่ถูกนำมาใช้ แต่กลับไปเน้นฉากขนาดที่เล็กแทน จึงดูเป็นการใช้แนวคิดของหนังไปอย่างไม่คุ้มค่า หนังพยายามสร้างฉากแอ็คชั่นในอารมณ์หนังยุคเก่าแบบ Indiana Jones แต่ก็ยังทำได้ไม่ถึงขั้นนั้น

ในด้านการแสดง คริส เอแวนส์ก็ดูจะยังไม่มีเสน่ห์บนจอมากพอแม้ว่าจะหล่อล่ำก็ตาม บทกัปตันอเมริกาที่ได้รับก็ออกไปในทางพระเอกจ๋า มีระดับความซับซ้อนไม่มาก และเมื่อประกบกับตัวละครสมทบที่มีสีสันจากบทบาทของทอมมี่ ลี โจนส์, ฮิวโก้ วีฟวิ่ง, สแตนลี่ ทุชชี่ และ โดมินิก คูเปอร์ ทำให้กัปตันอเมริกาไม่อาจฉายแววเด่นได้เต็มๆ

ผมอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อ The Avengers ออกฉาย และกัปตันอเมริกาของเอแวนส์ต้องประชันกับตัวละครที่มีสีสันและซับซ้อน จากนักแสดงที่มีเสน่ห์บนจอแรงๆ อย่างธอร์ (คริส เฮล์มสเวิร์ธ), ไอร์ออน แมน (โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์), นิค ฟิวรี่ (แซมมวล แอล. แจ็คสัน) และ ฮัลค์ (มาร์ค รัฟฟาโล) ตัวละครกัปตันอเมริกาอาจถูกกลืนหายไปหนักกว่าในหนังของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

คะแนน: 7/10

เจไดยุทธ

ข้อมูลของหนัง Captain America: The First Avenger

ชื่อไทย: กัปตันอเมริกา – อเวนเจอร์ ที่ 1

ผู้กำกับ: โจ จอห์นสตัน

ผู้เขียนบท: คริสโตเฟอร์ มาร์กัส และ สตีเฟ่น แม็คฟีลี่

นักแสดง: คริส เอแวนส์, ทอมมี่ ลี โจนส์, ฮิวโก้ วีฟวิ่ง, สแตนลี ทุชชี, เฮย์ลี่ แอ็ทเวลล์, เซบาสเตียน สแตน, โดมินิก คูเปอร์ และ โทบี้ โจนส์

บริษัทผู้สร้าง: มาร์เวล สตูดิโอ

บริษัทจัดจำหน่าย: ยูไอพี ประเทศไทย

เว็บไซต์ทางการ: http://captainamerica.marvel.com/

9 comments

  1. เห็นด้วยทุกอย่างยกเว้นประเด็นด้านการแสดงของคริส เอแวนส์ ผมว่าเค้าทำได้ดี และโตขึ้นมากจากตอนที่เล่น fantastic four ฉากประจันหน้ากับกะโหลกแดงสองครั้ง เค้าแสดงให้เห็นว่ากะโหลกแดงกินเค้าไม่ลงไม่จนแต้มและไม่เสียสถานะของตัวเองไป เมื่อต้องอยู่ในsceneทีประชันกันด้านความคิดและทัศนคติ ผมเลยเห็นต่างเฉพาะประเด็นนี้ครับ ผมเคยไม่ชอบนักแสดงคนนี้จนมาดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าเค้าสลัดภาพเก่าๆที่ผมติดตาออกได้สนิทใจ ทำให้ผมรู้สึกเค้าเหมือนเป็นอีกคนที่หน้าตาเหมือนดาราที่ผมเคยรู้จัก ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้ผมมองว่าเค้าแสดงได้โอเคแล้ว

  2. ผมรู้สึกว่าเป็นแค่ทางผ่านเพื่อส่ง แคปเข้าสู่หนังใหญ่จริงๆ โลเกชั่นในเมืองสวย แต่ใช้ไม่คุ้ม ฉากต่อสู้เอาเท่อย่างเดียว กั๊กมากถึงมากที่สุด แต่รายได้ดี เพราะมีความเป็นมะกันฮีโร่สูงมากมั้ง?

  3. ดูแล้ว ไม่รู้สึกฮึกเหิมเลยครับ กลับให้ความรู้สึกเครียด-น่าเบื่อ ที่สำคัญการจับเอาคริส อีแวน มาสวมชุดกัปตันอเมริกา เป็นสิ่งที่คิดผิดถนัด เพราะไม่สามารถสลัดคราบจาก”แฟนตาร์คติก โฟว์”ได้เลย ซึ่งเรื่องหลังที่ว่า ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน ถึงขนาด”ฟ็อกซ”สั่งโฮลภาคต่อ เตรียมนำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้วครับ !

  4. Captain America เป็นหนังฮีโร่ที่ผมชอบมากมากเรื่องหนึ่งเลยคับ // ชอบตัวนิสัย Captain ที่ดูสบายสบาย ไม่อีโก้สูง แบบที่ โรเบิร์ต แสดงใน เชอลอร์ค หรือ ไอรอนแมน // เนื้อเรื่องอะไรก็เล่ากระชับดี // รอดีวีดีลดราคา แล้วจะซื้อเก็บ

  5. บรรยายความรู้สึกได้ตรงใจผมมากเลยครับ มาหลังเพื่อนแต่กลับแย่กว่าเพื่อน

    จริง ๆ เรื่องนี้ผมตั้งตารอคอยมาก ๆ เพราะติดตาม MAVEL ชุดนี้และชอบมาตลอด

    เมื่อช่วงที่ Captain America จะเข้าฉาย ช่วงนั้นผมไม่สามารถไปชมได้เพราะติดธุระสำคัญประมาณ 3 เดือน จึงได้แต่รอดูแผ่น

    จึงต้องตั้งหน้าตั้งตารอคอยแผ่นมาสเตอร์ออกมาก่อน จึงจะขอชมให้หนำใจเต็มอิ่ม

    และแล้วเมื่อชมเสร็จ ผมกลับมีความรู้สึกว่า “แย่” แบบว่า “แย่จริง ๆ” ผิดหวังไปเลยซะอย่างนั้น

    และในความรู้สึกที่ว่าแย่นั้น ไม่ใช่เพราะผมคาดหวังสูงเกินไป แต่เป็นเพราะหนังมันทำได้ไม่ถึงอารมณ์ ไม่ให้ความรู้สึกสนุก ตื่นเต้น และรู้สึกดี แบบของพวกทีม The Avengers คนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้จริง ๆ ครับ

Leave a Reply