กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ตัวอย่างหนัง Mirror Mirror ของจูเลีย โรเบิร์ต ออนไลน์แล้วใช่ไหม

หลังจากได้ดูตัวอย่างหนังสโนว์ไวท์ฉบับโหด Snow White and the Huntsman ออนไลน์ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้นสัปดาห์นี้ หนังสโนว์ไวท์ฉบับจูเลีย โรเบิร์ต Mirror Mirror ก็ปล่อยตัวอย่างแรกอันงามเลิศออกมาที่ Yahoo Movies ครับ

ผู้กำกับทาร์เซ็ม ซิงห์ เคยบอกว่าหนังสโนว์ไวท์ของเขาจะออกไปในแนวเทพนิยายแบบเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี และตอนที่เห็นชุดของตัวละครจากภาพนิ่งที่ปล่อยออกมาก็ดูแฟนซีอย่างไม่รู้ แต่เมื่อเห็นตัวอย่างหนังแล้ว ชุดนกยูงหรือบังลัลก์หอยพวกนั้นเข้ากันกับโทนของหนังมากครับ และก็เหมาะเหม็งอย่างมากที่เลือกนางเอกบานฉ่ำมารับบท เพราะมันให้อารมณ์ของหนังตลกโรแมนติกมากๆ โรเบิร์ตฮาและแจกมุขตลกได้ขำหลายฉากจากที่เห็นในตัวอย่างหนังครับ สโนว์ไวท์ฉบับนี้เป็นงานที่คุณนึกไม่ถึงเมื่อมองจากผลงานโหดๆ ของทาร์เซ็ม ซิงห์ที่ผ่านมาอย่าง The Cell และ Immortals

Mirror Mirror มีลิลี่ คอลลินส์ รับบทสโนว์ไวท์, อาร์มี่ เฮมเมอร์ เป็นเจ้าชายแอนดรูว์ และเนธาน เลน เป็นไบรท์ตัน สมุนมือขวาของราชินี

แม้ว่าหนังสโนว์ไวท์ทั้งสองเรื่องจะแตกต่างกัน ให้คุณเลือกดูได้ทั้งสองแนว อย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือดูเหมือนบทราชินีใจร้ายจะเด่นกว่าสโนว์ไวท์ทั้งสองเรื่องเลย คลิกดูตัวอย่างหนังด้านใน

Quick Time HD 1080 p / 720 p / 480 p

21 comments

  1. ผมว่า การตลาด เเม่มดฉบับ ใจร้ายน่าจะทำเงินกว่านะ ส่วนตัวชอบ เเบบดิบมากกว่าอะ
    ฉบับนี้ดู เลิศหรูยังไงไม่รู้นะ ความคิดผม ไม่ค่อยชอบนางเอก

  2. จากที่ดูตัวอย่างทั้งสองเวอร์ชั่น เราว่าของ คริสเต็น น่าจะเจาะตลาดของคนดูได้ดีกว่าของ ลิลี่ เพราะ แบบแนวดิบ ๆ และ หม่นหมอง ย่อมแปลกใหม่กว่า

    แต่เราก็แลงไว้ทั้งสองเรื่องเลย ปีหน้าไม่พลาดแน่ ๆ ^^ Nina 😛

  3. ชอบ หม่นๆ ดิบๆ แบบเคิร์สเต้น

    แต่หลงแม่มดฉบับ เจ๊บานฉ่ำมากกกกกกก

    มีให้ดู 2 เวอร์ชั่นแบบนี้ก็ดีแฮะ เพราะเนื้อเรื่องรวมๆเรารู้กันทั่วโลกอยู่แล้ว

    อยู่ที่เวอร์ชั่นไหน(คนละแนวเลยทีเดียว)จะทำออกมาได้สนุกโดนใจผู้ชมมากกว่า

    ส่วนตัวมีแววว่าจะชอบเจ๊บานฉ่ำมากกว่า เพราะดูลื่นไหล ขำๆยิ้มๆ ฉากสวยอลัง ดี

  4. คิดเหมือนกันครับว่าฉบับ Snow White and the Huntsman น่าจะทำเงินกว่า เพราะในทางการตลาด หน้าหนังมันขายกลุ่มคนดูผู้ชายได้มากกว่า เพราะมีทั้งสงคราม ภูติผี สัตว์ประหลาด มีฉากต่อสู้ดุเดือด แต่ Mirror,Mirror จะขายความเป็นเทพนิยายโรแมนติกผสมตลก แบบหนังการ์ตูนแต่ใช้ผู้แสดงจริง คาแรคเตอร์ตัวละครพระเอก-นางเอกก็ดูเหมือนหนังวัยรุ่นอเมริกัน แต่ที่น่าสนใจมากกว่าเวอร์ Snow White and the Huntsman คืองานออกแบบศิลป์ และจูเลีย โรเบิร์ต ครับ

  5. ตัวนี้ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเตะตาเท่าไหร่ แล้วรู้สึกว่ามันมองโลกในแง่ดีเกินไป มันกลายเป็นหนังโรแมนติก-คอเมดี้ซะงั้น ต่างกับงานของ ทาร์เซ็ม เรื่องก่อนๆเป็นอย่างมาก (ที่เน้นภาพสวย และโหดๆดิบๆ) จูเลีย โรเบิร์ต เป็นราชินีใจร้ายที่ดูบานฉ่ำเกินไป และ สโนว์ ไวท์ เวอร์ชั่นนี้ไม่ค่อยมีความงามเท่าไหร่เลย แถมแต่งหน้าจัดเกินไปอีก สู้ความโฉมงาม สไนว์ ไวท์ ในอีกเวอร์ัชั่นนึงก็ไม่ได้

    สุดท้ายแล้ว อีกเวอร์ชั่นนึงน่าจับตามองมากกว่า ส่วนเวอร์ชั่นนี้ไม่ค่อยคาดหวังอะไร เพราะมันดูติ๊งต๊องมากๆ

  6. ต้องดูที่เนื้อหาละครับทีนี้ ผมว่า Mirror, Mirror มีจุดที่น่าสนใจมาก
    ในการดึงเทพนิยายที่เราคุ้นเคยมาทำเป็นแนวแฟนตาซี คอมเมดี้แบบนี้
    คอสตูม โปรดักชั่นอลังการ ไม่มืดหม่นมากสามารถสร้างอารมณ์ขันได้ดี
    ซึ่งหนังสมัยนี้ส่วนมากจะฉีกบทดั่งเดิม ให้แหวกแนวกว่าต้นฉบับ ทำซะมืดหม่น
    ออกแนวดาร์ก อารมณ์ดราม่ามากกินไปเกือบกันซะทุกเรื่อง
    บางเรื่องก็ทำได้ดีและยอดเยี่ยม บางเรื่องก็บทหลวม
    ล้มเหลวไม่เป็นท่า ยกตัวอย่างเช่น Red Riding Hood
    สรุปในความเห็นส่วนตัวผมชอบการกำกับของทาร์เซ็มมากกว่าครับ

  7. ความคิดเห็นส่วนตัวนะ เวอร์ชั่น โหดดิบน่าดูกว่าเวอร์ชั่นนี้แบบเทียบไม่ติดฝุ่นเลย ในความรู้สึกผมนะ คงไม่ค่อยชอบดู แฟนตาซีตลกเท่าไหร่แล้ว ชอบดูแบบดารค์ๆ สมจริง มืดหม่น มากกว่า

  8. ไม่ได้ชอบเวอร์ชันใครมากเป็นพิเศษ เพียงแต่คิดว่าพล็อตเรื่องของสโนไวท์เนี่ยมันไม่น่าจะยิ่งใหญ่อลังการซับซ้อนอะไรมากมายพอที่จะเอาไปทำหนังสไตล์อีพิคได้เลย (ในฉบับชาลีซ เธอรอน) ก็แปลกใจตั้งแต่แรกแล้วว่าไหงจะทำหนังอีพิคทั้งทีเอาเรื่องสโนไวท์มาทำเนี่ยนะ ส่วนฉบับของจูเลียอันนี้อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้เจ๊ยังมีพลังดารามากพอที่จะดึงคนดูเข้าโรงหนังเหรอ ซึ่งอันนี้พอหนังฉายน่าจะให้คำตอบได้

    ขำที่ตอนนี้(จริงๆก็เป็นมานานพอควรล่ะ) ฮอลลีวู้ดอยากจะดาร์ค ดิบ และอีพิคซะจนจับเอาทุกอย่างมายำให้เป็นแนวนี้หมดโดยไม่ได้ดูเล้ยยย ว่ามันเข้ากันรึเปล่า ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอ่ะ

  9. พล็อตเดียวกัน แต่การตีความอาจทำให้เกิดความรู้สึกแตกต่างกันออกไป ไม่อยากเชื่อว่านี่คือผลงานของทาร์เซ็ม ซิงห์ เจ้าของผลงานสร้างชื่ออย่าง The Cell แต่กับ Mirror Mirror กลับมีบรรยากาศไปคลายกับ Ever After ของ แอนดี้ แทนเนนท์ อย่างกับแฝด…ไม่แน่นะครับ อาจเป็นน้ำจิ้มชิมลาง ก่อนเปิดตัวอลังการณ์ก็เป็นได้ !

Leave a Reply to ไทยจ้อCancel reply