Fast Five ภาคที่เป็นจุดเปลี่ยนจากหนังแข่งรถสู่หนังแอ็คชั่นแนวโจรกรรม

Fast Five ซึ่งเปิดตัวด้วยรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ของหนังภาคต่อชุดนี้ที่ 86 ล้าน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำรายได้ในสหรัฐตอนนี้ไปแล้วเกือบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่รวมรายได้จากตลาดโลก แถมยังเป็นภาคที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีมากที่สุดกว่าทุกภาคด้วยครับ

เหตุผลสำคัญที่หนังประสบความสำเร็จขนาดนี้มาจากการที่วางทิศทางใหม่ให้แก่หนังซึ่งจากเดิมเป็นหนังแนวแข่งรถ แต่ปรับโหมดใหม่ให้เป็นหนังแนวโจรกรรมโดยมีฉากซิ่งรถอันน่าหวาดเสียวและตื่นตา รวมถึงกลยุทธอย่างการใช้ฉากสตั๊นท์จริงๆ แทนการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก และการนำนักแสดงใหม่มาเสริมทีมครับ เพื่อขยายกลุ่มผู้ชมออกไปจากเดิมทีที่เน้นกลุ่มคนคลั่งรถ ตามที่อดัม ฟอเกลสัน ประธานของยูนิเวอร์แซล ให้สัมภาษณ์แก่เด๊ดไลน์

ถ้าหนังชุดนี้จะยังคงเกี่ยวกับการแข่งรถบนท้องถนนต่อไป เพดานของผู้ชมที่จะซื้อตั๋วมาเข้าดูก็คงไม่สูงมาก เราอยากดูว่าจะเพิ่มกลุ่มผู้ชมได้ไหมถ้าเราตัดเรื่องแข่งรถออกไปแล้วเอาเรื่องความสามารถในการขับรถมาเป็นส่วนหนึ่งของหนังแทน เหมือนหนังที่มีฉากขับรถไล่ล่าชั้นยอดอย่าง The French Connection, The Bourne Identity, The Italian Job…กลยุทธของเราซึ่งถือเป็นการเสี่ยงครั้งสำคัญก็คือวงการนี้มีหนังที่ใช้ฉากแอ็คชั่นจาก CG ออกมาทุกสุดสัปดาห์จนเฟ้อแล้ว เราเชื่อว่าการสร้างหนังที่ใช้ฉากแอ็คชั่นจริงๆ และใช้รถจริงๆ จะทำให้คนดูทึ่งและตื่นเต้นมากกว่าที่ได้เห็นของจริง

อีกกลยุทธที่ช่วยให้หนังน่าสนใจมากขึ้นก็คือการเติมนักแสดงใหม่ที่มีสีสันทัดเทียมกับชุดเก่าเข้ามา ในที่นี้ก็คือดเวย์น จอห์นสัน (หรือเดอะร็อค) ให้มารับบทเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ตามล่าพอล วอล์คเกอร์ และลูกทีมคนอื่นๆ ที่ช่วยกันพาวิน ดีเซล รอดพ้นการถูกคุมตัวของตำรวจ และเมื่อเหล่าทีม Fast ทั้งหลายพากันหนีตำรวจ และจะก่ออาชญากรรม ก็จะมีเดอะร็อคตามไล่ล่าไปติดๆ หนังภาคนี้จึงยังเป็นการนำนักแสดงชุดเดิมกลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง รวมถึงนักแสดงจากภาคอื่นด้วย

ฟอเกลสันบอกว่าจอห์นสันมายังยูนิเวอร์แซลเพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งของภาคต่อชุดนี้เองเลย และไม่เพียงมีบทสำคัญใน Fast Five ที่ให้เขามาปะทะกับวิน ดีเซล แต่เขาจะได้มีบทสำคัญใน Fast Six ด้วย

ตอนที่ Tokyo Drift ออกฉายและทำรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ค่อนข้างมาก ค่ายหนังอื่นอาจเห็นว่าควรปิดฉากภาคต่อได้แล้ว “แต่เราให้วินมารับเชิญด้วยบทเล็กๆ ในหนัง ฉากสุดท้ายที่คนดูเห็นเขานั้นเป็นที่ชื่นชอบมาก เราทุกคนที่นั่งดูอยู่ในรอบทดลองฉายที่แชทสเวิร์ธจึงตระหนักว่าภาคต่อชุดนี้ยังไม่จบสิ้น เราจึงคุยกันว่าเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ การนำทีมนักแสดงชุดดั้งเดิมมาถือเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่” ฟอเกลสันบอก

ยูนิเวอร์แซลพยายามตั้งเป้าไม่ให้สูงเกินไป โดยคาดหวังว่าหนัง Fast Five จะเปิดตัวในบ้านสัก 50-60 ล้าน แต่ก็กลายเป็นว่าหนังเปิดตัวด้วยรายรับที่สูงที่สุดกว่าที่หนังของค่ายเคยทำได้ “ในรอบทดลองฉาย นี่เป็นหนังที่ได้คะแนนสูงที่สุดกว่าทุกภาคที่เคยได้มา ผมไม่อยากบอกมากไป แต่ยังมีฉากให้คุณได้แปลกใจอย่างมากอีกที่ตอนท้ายของหนัง Fast Five ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวละครสำคัญที่สุดตัวหนึ่งของภาคก่อนหน้านี้ ที่จะปรับให้หนังภาคต่อชุดนี้กลายเป็นหนังแอ็คชั่นแนวโจรกรรมแทน

6 comments

  1. สิ่งที่หนัง fast and furious ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการสะสมของเรื่องราวจากภาคแรกจนถึงภาคล่าสุดข้อมูลที่ปูพื้นมาอย่างดีจนกลายเป็นผู้คนได้รู้จักตัวละครหลักอย่าง Dominic Toretto กับ Brian O’Conner ตัวเอกที่เป็นคู่หูคู่กัดมาจนเป็นเหมือนคนในครอบครัวในที่สุดจึงเป็นผลทำให้เรื่องราวขยายตัวออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้น ในฉากหลัง end credit ก็เป้นการชี้แล้วว่าภาคต่อไปจะต้องมีการหักเหลี่ยมกันแบบสุดๆกันเลยทีเดียว จากนี้คงได้แต่รอหนังภาคต่อซึ่งคงใช่เวลาไม่นานแล้วเพราะได้มีการวางแผนกันไว้อย่างดีเหมือนกับที่ Fast Five ได้สร้างเอาไว้ในภาคนี้…!!!!

  2. ผมดูเรื่องนี้ทุกภาคยกเว้น โตเกียว ดริฟต์ เหตุผลไม่ใช่เพราะตามดูรถหรอกครับ ดูเพราะชอบตัวละครของวินดีเซลกับพอลวอล์กเกอร์มากกว่า (ผมเลยไม่ดูภาค 3) ฉะนั้นมันจะเกี่ยวกับรถหรือเปล่าก็เฉย ๆ นะ แต่ก็อย่าตัดรถออกไปละกัน ไม่งั้นก็ไม่ใช่ ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส อะ

  3. ไม่เคยดูภาค Tokyo Drift ที่ไม่ดูเพราะไม่มี วิน กับ พอล แต่ได้ยินเสียงร่ำลือเหมือนกัน เลยคิดว่าหนังชุดนี้คงจบแล้ว ที่ไหนได้ กลายเป็นไตรภาคใหม่

  4. เหตุที่ โตเกียว ดริฟต์ คนไม่ค่อยดูคงมาจาก 2อย่าง 1. ไม่มีตัวละคร วินกับพอล 2. การดริฟต์ รถ คนยังไม่ค่อยรู้จัก หรือป่าว ส่วนมากคนที่ดู โตเกียว ดริฟต์ ดูเนื้อหาที่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ รถ และรูปแบบการแข่งรถ

    แต่ ถ้า fast and furious ขาด เนื้อหาที่เกี่ยว กับรถ ไป ก็คงไม่ใช่ fast and furious อย่างที่ JPK13 กล่าว

Leave a Reply to rerngritCancel reply