JEDIYUTH’s Review: Warrior

ศึกสายเลือดบนสังเวียนนักสู้

ถ้าหนัง Warrior เป็นนักสู้บนสังเวียน ก็ต้องถือว่าเป็นนักสู้ที่ฉลาดและมีหมัดอันหนักหน่วง เริ่มต้นจากค่อยๆ แย็บตัดกำลังไปเรื่อยๆ แล้วปล่อยหมัดชุดแรงขึ้นๆ จนน็อคเราสลบด้วยหมัดไม้ตายสุดท้ายอันเป็นฉากจบที่ทรงพลังอย่างที่สุด ทำให้เราถึงจุดสุดยอดทางอารมณ์ได้อย่างที่ไม่ค่อยจะมีหนังเรื่องไหนทำได้ หนังว่าด้วยเรื่องราวนักสู้บนสังเวียนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหรือ Mixed Martial Arts (MMA) เรื่องนี้ มีส่วนผสมอันรุนแรงที่ลงตัวของศิลปะการสร้างภาพยนตร์เกือบทุกแขนง มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น สะเทือนใจ มีการแสดงอันสุดยอดและทรงพลัง มีฉากต่อสู้ที่ดุดัน มันส์ และเร้าใจ และมีการวางจังหวะการเล่าเรื่องได้อย่างสนุกและลงตัว เป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

เรื่องราวใน Warrior คล้ายกับหนังแนวนักสู้บนสังเวียนโดยทั่วไปอย่าง Rocky, The Fighter, The Wrestler และ Cinderella Man ตรงที่ให้ศึกบนสังเวียนเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาเพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดของตัวละครเอก แต่ Warrior แตกต่างจากหนังเหล่านั้นตรงที่การต่อสู้ที่ว่านี้ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยศิลปะเพียงชนิดเดียว แต่เป็นการต่อสู้ด้วยศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานที่ใช้การต่อสู้ทุกแนวในการเอาชนะกัน และอาจเพราะนี่เป็นหนังที่มีเนื้อหาของ MMA ก็เป็นได้ บทหนังของผู้กำกับเกวิน โอ คอนเนอร์ ที่ร่วมเขียนบทร่วมกับแอนโธนี แทมบากีส และ คลิฟฟ์ ดอร์ฟแมน จึงได้ผสมเอาเนื้อเรื่องทุกอย่างที่เคยใช้ในหนังแนวนักสู้ดังๆ ตามที่กล่าวมา มาผสมใส่ไว้ในหนังเรื่องนี้ทั้งหมด และก็สามารถผสมเข้ากันอย่างลงตัว พร้อมทั้งยังเพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปอีกด้วยการให้มีตัวเอกที่คนดูห่วงใยถึงสองตัว ให้ทั้งสองตัวเอกนี้มาสู้กันเองในฉากไคลแม็กซ์ โดยที่คนดูต้องมานั่งลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ และคนดูก็ไม่อยากให้ใครคนไหนแพ้เลย ทำให้ Warrior มีความโดดเด่นจากหนังแนวเดียวกันทั้งหมด

นักสู้คนแรกในเรื่องคือทอมมี่ (ทอม ฮาร์ดี) ลูกชายคนเล็กของแพ็ดดี้ คอนลอน (นิค โนลเต้) โค้ชขี้เหล้าและชอบซ้อมลูกเมีย ทอมมี่ทนให้พ่อทำร้ายแม่ไม่ไหว จึงตัดสินใจหนีออกไปจากบ้านพร้อมกับแม่ เมื่อแม่ป่วยจนเสียชีวิต ทอมมี่โทษพ่อว่าเป็นต้นเหตุแล้วสมัครเข้าเป็นนาวิกโยธินสหรัฐ โดยยึดกองทัพเป็นครอบครัวใหม่และนับถือเพื่อนทหารร่วมรบเป็นเสมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เมื่อเพื่อนร่วมรบต้องตายในสมรภูมิเพราะเครื่องบินพวกเดียวกันทิ้งระเบิดใส่ ทอมมี่ตัดสินใจหนีทัพเพื่อมาลงแข่งขันในศึกนักสู้สปาร์ตาชิงเงินรางวัล 5 ล้านเหรียญ หาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของเพื่อนทหารที่เสียชีวิต ส่วนนักสู้อีกคนก็คือเบรนแดน (โจล เอ็ดเกอร์ตัน) พี่ชายของทอมมี่และลูกชายคนโตของแพ็ดดี้ ครูสอนวิชาฟิสิกซ์ที่มีลูกสาวป่วยเป็นโรคหัวใจ และกำลังจะถูกธนาคารยึดบ้าน เบรนแดนจึงตัดสินใจออกชกหาเงินตามสังเวียนเล็กๆ แต่เมื่อโรงเรียนรู้เข้า เขาก็ถูกสั่งพักการสอนโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เบรนแดนจึงตัดสินใจลงแข่งในศึกนักสู้สปาร์ตา

ทั้งสองนักสู้มีเส้นทางสู่สังเวียนที่แตกต่างกัน ทอมมี่กลับไปหาพ่อ เพื่อให้พ่อช่วยฝึกฝนให้เขาเหมือนสมัยที่เป็นวัยรุ่น ทอมมี่เป็นนักสู้ที่ตัวใหญ่และมีลีลาแบบดุดัน ไม่เคยมีพิธีรีตองอะไร เมื่อขึ้นสังเวียนก็อัดคู่ต่อสู้แบบไม่ยั้งแล้วรีบปิดฉาก และทอมมี่ก็ยังเป็นนักสู้สัญลักษณ์ของวีรบุรุษจากสนามรบ เพราะมีวีรกรรมเสี่ยงชีวิตช่วยเพื่อนทหารให้พ้นความตายจนกลายเป็นที่กล่าวขวัญ ส่วนเบรนแดนนั้นไปขอร้องให้แฟรงค์ (แฟรงค์ กริลโล) เพื่อนที่เป็นครูฝึกการต่อสู้มาช่วยเตรียมความพร้อมให้ เบรนแดนถูกมองว่าเป็นไม้ประดับมาตั้งแต่แรกเพราะไม่เคยลงสู้ในศึกใหญ่ระดับนี้ และยังต้องเจอกับนักสู้ที่เป็นแชมป์โลก แต่เบรนแดนก็กลายเป็นขวัญใจมหาชนได้เพราะความมีหัวใจของนักสู้ การไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะถูกอัดคว่ำกี่ครั้ง ก็ลุกลับมาสู้ต่อได้อีก และรอจังหวะเหมาะๆ ในการโต้กลับอย่างเฉียบคมจนสามารถเอาชนะคนที่ตัวใหญ่กว่าและโชกโชนกว่าได้

นอกจากเส้นทางนักสู้ที่ทำให้ชวนลุ้นและตื่นเต้นแล้ว ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองก็ถูกปูไว้อย่างเข้มข้น ทั้งทอมมี่กับเบรนแดนมีความสัมพันธ์กันแบบทั้งรักทั้งชัง ทอมมี่โกรธพี่ชายถึงขั้นตัดพี่ตัดน้องเพราะตอนที่ตัดสินใจหนีออกจากบ้านมากับแม่ เบรนแดนไม่ยอมไปด้วยเพราะอยากที่จะอยู่กับผู้หญิงที่เขารักและมีแผนจะแต่งงานด้วยกัน ส่วนเบรนแดนที่แม้ว่าจะรักน้อง แต่ก็มีความอิจฉาน้องอยู่ลึกๆ เพราะน้องคือคนที่พ่อเลือกก่อนเขามาตลอด เขาจึงรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่รัก เมื่อทั้งสองตัวละครนี้ต้องเจอกันในฉากไคลแม็กซ์ การดวลกันของทั้งคู่จึงไม่ใช่แค่สู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการแบกเอาปมความขัดแย้งระหว่างกันขึ้นไปตัดสินบนนั้นด้วย

ทั้งฮาร์ดีและเอ็ดเกอร์ตันต่างส่งบทบาทอันยอดเยี่ยมและดูน่าเชื่อถือทั้งในฐานะตัวละครนักสู้และผู้ที่มีบาดแผลในจิตใจ โดยเฉพาะฮาร์ดีที่สามารถส่งความรู้สึกของความโกรธและเจ็บปวดออกมาผ่านแววตาและท่าทางได้อย่างน่าเกรงขามโดยไม่ต้องแสดงออกอะไรมาก แต่ที่เหนือชั้นที่สุดคงต้องยกให้การแสดงของนิค โนลเต้ ในบทของแพ็ดดี้ พ่อผู้ถือว่าเป็นนักสู้อีกคนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ด้วยการพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดที่เคยก่อไว้ในอดีต และเพื่อให้ได้รับการอภัยจากลูกชายทั้งสอง มีหลายฉากในหนังเรื่องนี้ที่คนดูจะอดสงสารแพ็ดดี้ไม่ได้ เช่นฉากที่ไปหาลูกชายคนโตเพื่อบอกว่าเลิกเหล้าได้แล้ว และขอเข้าไปคุยกับหลานสาว แต่ก็ถูกลูกชายตะเพิดใส่ และฉากที่โดนลูกชายคนเล็กโยนเหรียญใส่และไล่ให้ไปขอทานจนเสียใจกลับไปดื่มเหล้าจนเมาเสียสติ หรือในฉากที่ทนดูลูกทั้งสองคนสู้กันไม่ไหวแล้วหนีขึ้นแท็กซี่ออกจากสนามกีฬาไป โนลเต้ส่งบทบาทเหล่านี้ออกมาได้อย่างวิเศษจนทำให้คุณอยากเสียน้ำตาให้ และควรค่าแก่การได้เข้าชิงรางวัลการแสดง

ผู้กำกับโอ คอนเนอร์ นั้นวางลำดับอารมณ์ของเรื่องราวได้อย่างเหมาะสมและพอดี ด้วยการปูความสัมพันธ์ของตัวละครในช่วงต้นแล้วทวีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับเมื่อเรื่องราวดำเนินไป แล้วเมื่อถึงตอนที่สองพี่น้องต้องขึ้นสังเวียน หนังก็เน้นฉากแอ็คชั่นมากขึ้นให้มีความสนุกตื่นเต้นจนในที่สุดก็ไปถึงจุดขีดสุดพอดีในฉากที่สองพี่น้องต้องมาเผชิญหน้ากันในสังเวียน ฉากนี้จะเป็นฉากที่อารมณ์ของผมจะพรั่งพรูและปนเปกันอย่างบอกไม่ถูก ทั้งลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ทั้งสนุกไปกับการต่อสู้อย่างถึงพริกถึงขิงและสมศักดิ์ศรี ทั้งสะเทือนใจไปกับชะตากรรม และประทับใจกับผลลัพธ์ของตอนจบที่สวยงาม หนัง Warrior สามารถส่งผ่านความรู้สึกทั้งมวลนี้ออกมาได้อย่างประสบความสำเร็จ ทำให้คุณอิ่มในอารมณ์และจะประทับใจไปอีกนาน

คะแนน: 10/10

ข้อมูลเบื้องต้น
Warrior
ชื่อไทย: เกียรติยศเลือดนักสู้
ผู้จัดจำหน่าย: ยูไนเต็ด โฮม เอ็นเตอร์เทนเมนท์
กำหนดฉาย: 12 มกราคม 2555
ผู้กำกับ: เกวิน โอ คอนเนอร์
นักแสดง: ทอม ฮาร์ดี, โจล เอ็ดเกอร์ตัน, นิค โนลเต้, แฟรงค์ กริลโล, เจนนิเฟอร์ มอริสัน, เควิน ดันน์ และ เคิร์ท แอนเกิล
เว็บไซต์ทางการ: http://www.warriorfilm.com

9 comments

  1. ชอบเหมือนกันครับ หนังค่อยๆอธิบายอดีตและปูปมปัญหาของตัวละครไปพร้อมๆกัน ทำให้น่าติดตามตลอดเรื่อง ไม่น่าเบื่อเลย แถมตอนจบก็พีคสุดๆ ดูแล้วอิ่มมาก

  2. ผมคงเป็นส่วนน้อยที่ไม่อินกับหนังเรื่องนี้ .. อาจด้วยเพราะดูผ่านแผ่นแบบพากย์ไทย ที่ผมว่ามันพากย์ไม่ได้ฟีลเลย

    ยอมรับว่า บทหนังและการกำกับจังหวะ อารมณ์ดีจริง แค่ไม่โดนใจ

    เวลาฉากต่อยกัน กล้อง close-up ซะจน ดูเวียนๆหัว มองไม่เห็นหมัดที่ชัดแจ้งเลย แต่ดูแล้วรู้ว่ามัน real ดี แค่ไม่ชอบใจมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาดูแล้วเวียนๆ

    ตัวน้อง บทหนังทำให้ดูเทพเกิ๊น ต่อยไม่กี่หมัดคู่ต่อสู้สลบ ชนะผ่านสบาย รอบชิงมันดูยิ่งแรงแต่ประสิทธิภาพ ไม่เท่ากับที่หนังทำมาให้เห็นฝีมือและพลังหมัดของตัวน้องมาตลอด

    และผมว่าด้วยความที่หนังมันทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องไม่สู้ดีมาตลอด จนนัดชิงก็ไม่มีวี่แวว แต่พอถึงบทจะยอมมันดูไม่อินเท่าไหร่ มันไม่ซาบซึ้งในความรู้สึกผม ไม่รู้สิ คงเป็นที่ฟีลผม ไม่ได้เป็นที่ตัวหนัง

    ผมคงชอบฟีลที่มันดู “ลูกกวาดๆ” แต่ถ่ายทอดออกมาง่ายๆและเต็มอิ่มมากกว่า อย่าง real steel มั้งครับ

  3. พึ่งได้ดูเมื่อวานครับ เป็นหนังของปี2011ที่ดีที่สุดในความเห็นของผมครับ

    มีครบทั้งฉากactionที่ทำได้เร้าใจมากๆ ขนาดที่พอรู้บทสรุปอยู่แล้ว ก็ยังอดตื่นเต้นไปกับภาพบนจอไม่ได้ หนังมีฉากต่อสู้ที่ถึงใจมากๆครับ

    ส่วนของdramaก็ทำได้กลมกล่อมและขึงขังมากครับ หนังมีการเล่าเรื่องที่ไม่สวิงสวาย แต่เข้มข้นและเล่าเรื่องราวได้ครบท้วนจากบมสนทนาของตัวละครเอกอย่างเดียวเลย สุดยอดครับ

    สรุป ยอดเยี่ยม

  4. เอาไปเลย 10/10 เหมือนกันครับ มีใครดูแล้วเผลอลุกขึ้นยืนเชียร์มวยเหมือนผมบ้าง ความรู้สึกมันบอกไม่ถูกเลยว่าเชียร์ใคร พ่อ พี่ หรือคนน้อง ทุกคนต่างได้หัวใจของคนดูไปแล้ว

    หนังดีจริงๆ ครับ

Leave a Reply to xandyCancel reply