ไชอา ลาเบิฟ ไม่ชอบการร่วมงานกับสตีเวน สปีลเบิร์ก ชื่นชอบไมเคิล เบย์
ไชอา ลาเบิฟ เคยเป็นเด็กปั้นของผู้กำกับสตีเวน สปีลเบิร์ก นักแสดงที่ได้เล่นหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องที่สปีลเบิร์กสร้างและกำกับ แต่ระยะหลังมานี้ ลาเบิฟพยายามอย่างหนักในการพิสูจน์ตัวเองในแง่การเป็นศิลปินด้วยโครงการทดลองทางศิลปะแปลกๆ มากมาย รวมถึงการรับบทในหนังนอกกระแสหลายเรื่องครับ
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของเขาที่คุยกับวาไรตี้ ลาเบิฟได้ถูกถามถึงการได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับเจ้าของฉายาพ่อมดฮอลลีวู้ด เช่นการรับบทสมทบใน Indiana Jones and the Kingdom of Crystal Skull และดูเหมือนว่าเขาดูจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่
“ผมเติบโตมาด้วยคิดนี้ว่า ถ้าเราได้เล่นหนังสปีลเบิร์ก นั่นคือที่สุดแล้ว ผมไม่ได้พูดถึงชื่อเสียง ผมไม่ได้พูดถึงเงินทอง เมื่อเราได้ไปถึงจุดนั้น เราได้พบว่าเราไม่ได้พบสปีลเบิร์กที่เราฝันอยากเจอ เราพบสปีลเบิร์กอีกคน ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระดับของอาชีพดั้งเดิม เขามีความเป็นผู้กำกับน้อยกว่าการเป็นบริษัทบ้าบอคอแตก” (เมื่อวาไรตี้ติดต่อไปยังสปีลเบิร์กเมื่อสอบถามความเห็น เขาปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเรื่องนี้)
ลาเบิร์ฟรู้สึกว่าเขาไม่มีที่ให้เติบโตในฐานะนักแสดง เขาจึงติดแหง็ก “กองถ่ายของสปีลเบิร์กแตกต่างมากๆ ทุกอย่างถูกวางแผนอย่างพิถีพิถัน เราต้องพูดบทออกมาให้ได้ใน 37 วินาที เราทำแบบนั้นมาห้าปี เราจะเริ่มรู้สึกว่าไม่รู้ว่าทำอาชีพอะไรอยู่”
ตอนที่ลาเบิฟทำงานศิลปะของเขา โดยการดูหนังที่เขาแสดงแบบมาราธอน เขาตั้งใจลุกออกไปตอน Transformers 2 ฉาย ซึ่งสปีลเบิร์กทำหน้าที่อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร “ผมไม่ชอบหนังที่ผมทำกับสปีลเบิร์ก หนังเรื่องเดียวที่ผมชอบตอนทำงานร่วมกันคือ Transformers ภาค 1”
ลาเบิฟบอกด้วยว่าเขารู้สึกผิดหวังอย่างที่สุดต่อกระแสตอบรับของ Indiana Jones and the Kingdom of Crystal Skull ที่แม้จะประสบความสำเร็จด้านรายได้โดยทำเงินทั่วโลก 800 ล้านเหรียญก็ตาม “ผมเตรียมตัวเพื่อเล่นหนังเรื่องนี้ปีครึ่ง แล้วพอหนังอกฉาย มันกลายเป็นความผิดของผม มันเจ็บปวดมาก”
สปีลเบิร์กเคยแนะนำเขาว่า อย่าอ่านข่าวของตัวเองในสื่อ ซึ่งลาเบิฟมองว่าเป็นคำแนะนำที่ทำจริงไม่ได้ “ไม่มีทางเลยที่จะทำแบบนั้นได้ สำหรับผมแล้ว การไม่อ่านข่าวคือการไม่มีส่วนร่วมกับสังคม คนในรุ่นก่อนผมไม่ได้รับกระแสตอบรับแบบทันทีทันใด ถ้าคุณเป็นมาร์ก แฮมิลล์ คุณอาจโกหกตัวเองได้ เราโลกสวย และหลับตาใส่อะไรแย่ๆ ที่อยู่ตรงนั้นได้”
ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน ลาเบิฟยังพูดถึงว่าเขาไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเล่นหนังฟอร์มยักษ์อีกหรือไม่ แต่ถ้ายินดีเล่นถ้าเป็นหนังของไมเคิล เบย์ ที่เขาเคยร่วมงานด้วยใน Transformers “ไมค์เป็นศิลปิน ผู้คนไม่รู้ว่าหมอนั่นเจ๋งแค่ไหน เขามีความบ้ามากขึ้นทีละนิดในหนังของเขา เขาพยายามสร้างมาตรฐานใหม่และเป็นเหมือนเจมส์ คาเมรอน แต่เจมส์ คาเมรอน กำลังตาย ผมไม่รู้แล้วว่าเขากำลังไล่ตามอะไรอยู่ แต่ความเป็นผู้กำกับแบบนั้นของเขาตายไปแล้ว ถ้าไมค์จะดำรงอยู่ได้ เขาต้องเพี้ยนให้สุดๆ”
งานหนังใหม่ของลาเบิร์ฟคือ American Honey ของแอนเดรีย อาร์โนลด์ ที่ได้รับเกียรติไปฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ผ่านมาครับ และกำลังได้รับกระแสจากคำวิจารณ์อยู่ในตอนนี้ที่อาจส่งให้หนังได้ชิงออสการ์ รวมถึงการแสดงของลาเบิฟด้วย
ชอบบทสัมภาษณ์แบบนี้ครับ
รอบหน้าขอเป็นของ แบรด พิตต์ บ้างนะครับคุณยุทธ(นักแสดงโปรด)
ถ้ามีอะไรน่าสนใจนะครับ
แต่ล่าสุด แกพูดเรื่องโดนัลด์ ทรัมป์ เลยเอาไว้ก่อน ^^
แล้วเค้ายืนยันหรือยังครับว่า เดวิด ฟินเชอร์ เป็นผู้กำกับ WWZ2
ยังครับ
อ่านที่ไชอา สัมภาษณ์ ผมว่าแกหลุดโลกแล้วนะ
บอกพี่เบย์เป็นศิลปินกว่าสปีลเบิร์กเนี่ยนะ 😂😂😂
+100
ไม่แปลกนี่ครับ ทั้งสปิลเบิร์กและเบย์ต่างก็เป็นศิลปินผู้สร้างภาพยนตร์ด้วยกันทั้งคู่ แค่คนละแนวทาง คงตัดสินไม่ได้หรอกครับว่าใครเจ๋งกว่าใคร ซึ่งในสายตาของลาบัฟ เขาก็แค่รู้สึกถูกจริตกับเบย์มากกว่าเท่านั้น อันที่จริงผมก็พอจะเข้าใจนะ ผมว่าสปิลเบิร์กคือคลื่นลูกเก่าที่ต่อให้เขาตามเทคโนโลยีอย่างไร มันก็คลื่นลูกเก่าอ่ะ เด็กรุ่นใหม่อย่างลาบัฟอาจจะมองต่างออกไปก็ได้ ในสายตาของผมเองผมก็มองว่าเบย์เริ่มทดลองอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้างแล้วนะ ในขณะที่สปิลเบิร์กยังทำอะไรที่มันออกแนวคลาสสิกอยู่
บางทีที่ไชอาพูดถึงอาจจะหมายถึงสปิลเบิร์กในความคิดกับตัวจริงแตกต่างกันมั้งครับ ผกก.บางคนก็อีโกจัดทำงานด้วยค่อนข้างยาก ดูจากลักษณะนิสัยของไชอากับสปิลเบิร์กแล้วก็น่าจะเป็นยังงั้น เพราะคนละขั้วเลย
ไปซะแล้วสมงสมอง
+1000
ชอบบทสัมภาษณ์แบบนี้ครับ ได้อีกหลายมุมมองเลย
ขอบคุณนะครับ