ผู้บริหารโซนีบอกว่า “Venom” ช่วยเปิดทางให้ “Top Gun: Maverick” ทำเงิน

image via Paramount Pictures

ด้วยรายได้ทั่วโลกกว่า 1.2 พันล้านเหรียญ และรายได้ในสหรัฐทะลุ 617 ล้านเหรียญ ทำให้ “Top Gun: Maverick” เป็นแชมป์รายได้หนังแห่งปีจนถึงตอนนี้ เป็นหนังที่นักวิจารณ์กับผู้ชมโดยส่วนใหญ่ชอบทั้งคู่ และยังมีผู้ชมบางคนกลับเข้าไปดูซ้ำอีกหลายรอบ ซึ่งในความเห็นของแซนฟอร์ด แพนิตช์ กับ จอช กรีนสไตน์ สองประธานร่วมของโซนี โมชั่น พิคเจอร์ กรุ๊ป แล้ว เชื่อว่าหนังของโซนีมีส่วนสำคัญที่ช่วยในเรื่องนี้ ในแง่ที่ว่าได้พาให้ผู้ชมกลับเข้าสู่โรงหนังในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโรคร้ายครับ

ทั้งคู่บอกว่า โซนีมีหนังเข้าฉายมาก่อนตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วที่เป็นหนังทำเงินถึง 4 เรื่อง ประกอบไปด้วย “Venom: Let There Be Carnage” ($506 ล้าน ทั่วโลก), “Ghostbusters: Afterlife” ($204 ล้าน ทั่วโลก), “Spider-Man: No Way Home” ($1.9 พันล้าน ทั่วโลก) และ “Uncharted” ($401ล้าน ทั่วโลก) ซึ่งพวกเขามองว่าได้ช่วยกรุยทางให้ความสำเร็จของ “Top Gun: Maverick”

กรีนสไตน์: “เมื่อเราเริ่มปล่อยหนังออกฉายในตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนั้นยังไม่มีหนังใหญ่จริงๆ ทุกคนเพิ่งได้ดันหนังใหญ่ของตัวเองออกฉายปีนี้ ซัมเมอร์นี้ เราเดิมพันอย่างสูงในการส่ง ‘Venom’ ออกฉายในโรง แล้วเราก็ตามต่อด้วย ‘Ghostbusters’ จากนั้น เราก็ได้เดิมพันหนักที่สุด ขณะที่หนังใหญ่เรื่องอื่นถอยหนี เราซ้ำเป็นเรื่องที่สามด้วย ‘Spider-Man’ ทรัพย์สินทางปัญญาที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดของเรา”

แพนิตช์: “มีข่าวออกเยอะมากเกี่ยวกับ ‘Top Gun’ ในตอนนี้ แบบว่า ธุรกิจภาพยนตร์กลับมาแล้ว อาจฟังดูแปลก แต่ผมอยากบอกว่า ‘Top Gun’ ได้ผลประโยชน์จากการที่เราลองเสี่ยง ‘Venom’เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ทำให้ ‘Top Gun’ ทำรายได้อย่างที่เป็น ของแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน มันค่อยๆ ปูทางมา”

หนังใหญ่เรื่องต่อไปที่โซนีจะเดิมพันเอาฉายในโรงก็คือ “Bullet Train” ที่นำแสดงโดยแบรด พิตต์ มีกำหนดฉายต้นเดือนสิงหาคมนี้ครับ

ที่มา: Vulture

Leave a Reply