Tomorrowland – ในความเห็นของคุณ

Disney's TOMORROWLAND...Casey (Britt Robertson) ..Ph: Film Frame..?Disney 2015ถ้าเปรียบเทียบคะแนนวิจารณ์จากผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับแบรด เบิร์ด ผลงานล่าสุด Tomorrowland ที่เพิ่งเข้าฉายสุดสัปดาห์นี้ถือเป็นหนังที่ได้คะแนนต่ำสุดในตอนนี้แบบฮวบฮาบเลยทีเดียวครับ เพราะตามการประเมินจาก Rotten Tomatos มีนักวิจารณ์ชอบเพียง 50% โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8/10 ขณะที่ผลงานก่อนหน้านี้เช่น The Iron Giant, The Incredibles, Ratatouille และ Mission: Impossible Ghost Protocol ได้ 97%, 97%, 96% และ 93% ตามลำดับครับ

คำชมหลักๆ ของหนังอยู่ที่งานสร้างที่น่าตื่นตา, การสร้างฉาก long take อันน่าตื่นเต้น และโลกในจินตนาการของหนัง แต่ส่วนที่กลายเป็นคำติสำคัญที่ฉุดรั้งคะแนนหนังลงมาก็คือบทหนังและการเล่าเรื่องครึ่งหลังครับ

หนังบันเทิงสำหรับฉายช่วงซัมเมอร์มีสูตรสำคัญของครึ่งหลังเป็นฉากผจญภัยอันน่าตื่นเต้น ที่เร่งเร้าอารมณ์ความสนุก แต่แบรด เบิร์ด ไม่ใช้สูตรนั้น เปลี่ยนเป็นการพูดในเชิงปรัชญาแทน มันอาจเป็นความคิดสร้างสรรค์ การหยิบยื่นสิ่งที่แตกต่างให้แก่ผู้ชม ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ชวนวิเคราะห์มากๆ ครับว่า ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชมส่วนใหญ่พร้อมจะยอมรับมัน หรือต้องการมัน จะถือว่าสูตรนี้เป็นสูตรที่ใช้ได้ไหม

มีความเห็นเช่นไรต่อหนังกันบ้างครับ

8 comments

  1. หนังเปิดเรื่องโดยการเล่าที่มาที่ไป แบบไม่ให้คนดูรู้ประเด็นหลักของเรื่อง แต่จะให้รู้เนื้อเรื่องของพระเอกและนางเอกก่อน ซึ่งแรกๆมันก็ดูน่าติดตามดีนะ แต่กว่าจะรู้ว่า ประเด็นของเรื่องมันคืออะไรก็ล่อไป ชั่วโมงนิดๆละ (หนังยาว สองชั่วโมง) พอเล่าอ้อมไปนิด มันก็ทำให้อารมณ์ตอนต้นเรื่องที่กำลังสนใจใคร่รู้ มันค่อยๆหมดไป จนรู้สึกว่าหนังมันเนื่อยไปนะเนี้ย

    หนังมีดีไซน์สิ่งของที่ดูเจ๋งและล้ำสมัย และฉากโลกอนาคตที่ดูดี ตื่นตาตื่นใจเป็นฉากหลัง แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้สดใหม่มากพอที่จะดึงความรู้สึกสนุกออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพล็อตเรื่อง ไอเดียของเรื่อง มันดีมากเลยนะ ถือว่าคิดได้แปลกใหม่ ให้ทั้งแง่คิดที่ดี แต่ทั้งหมดพอมองรวมๆกันแล้ว กลับรู้สึกว่า หนังมันเฉยๆเรียบๆจัง ไม่ถึงขั้นห่วยและไม่สนุก แต่ก็ไม่สามารถใช้คำว่า สนุกดี ได้เช่นกัน เอาเป็นว่า “เรื่อยๆ” ละกัน ฮ่าๆ

    ชอบครึ่งแรกของเรื่อง รู้สึกว่ามันมีอะไรให้น่าสนใจ น่าติดตาม แต่ถึงแม้กว่าจะเข้าประเด็นหนัง จะเริ่มรู้สึกเบื่อนิดๆละ แต่ตัวละครที่ชื่อ อธีน่า(Raffey Cassidy) คือตัวละครเดียวเลยที่เล่นดี ดึงความสนใจให้อยู่กับหนังต่อไปได้อย่างดี นิสัยน่ารัก เล่นได้ทุกบทบาท ทำได้ดีตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง ถือว่าเป็นอีกนักแสดงที่น่าจับตามองเลย

  2. ผมมองว่าตัวอย่างหนังทำได้น่าดูมากๆๆมีความอยากเข้าไปดู เลยแต่กลับไปเจอในหนังก็คือความอัดยัดเหยียดหาเหตุผลไม่เจอในช่วงท้ายเหมือนพยายามหาทางออกให้หนังจบ ถ้าตัดและแต่งเรื่องราวช่วงสุดท้ายทิ้งแล้ว เหลือแต่ที่เห็นในตัวอย่างคงจะโอเคเลย ในความเห็นผมเลย ช่วงท้ายไม่ใส่มายังได้เลยครับแล้วเปลี่ยนเป็นว่าพานางเอกมาเจอ Tomorrowland ได้แล้วจบ เหลือแค่หนังความยาว ชมครึ่ง ผมว่ามันยังมีความอยากที่จะดูของคนดู และมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างภาคต่อได้มีเหตุผลมากกว่า

    ในมุมมองผมเลย หนังทำได้ดีมากในต้นเรื่องแต่ตายตอนจบ ตอนท้ายเรื่อง และประเด็นความสมเหตุสมผลมันน้อยไปนิ

  3. ก็เพราะยังเล่าไม่จบ และสงสัยฝรั่งจะชอบงานแบบ ทิม เบอร์ตัน แต่สำหรับผม ไม่เลยสักนิด , มุก และ บท ของ เบิร์ด เหมือน โจนาธาน มอสโทว ที่จำกัดคนที่เข้าใจกับเรื่องราวไว้ไม่มากครับ. ,,, หมายความว่า ภาคต่อไปจะต้อง อึ่งกว่านี้ 😉

  4. เริ่มเรื่องเกริ่นนานไปครับ แต่ยังดีมีtomorrowlandให้เห็น หนังพีคตอนนางเอกแตะเข็มกลัดครั้งแรก แต่ก็ไม่อึ้งมากเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นtomorrowland จนเข็มกลัดพลังงานหมด จากนั้นที่เหลือทั้งหมดคือความยืดยาดครับ ถ้าผมเป็นผู้กำกับจะขอแก้ ให้เริ่มเรื่องคือนางเอกแอบเข้าไปนาซ่า จากนั้นได้เข็มกลัด เห็นtomorrowland ตามหาวิธีกลับเข้าไป ไปเจอพระเอก แล้วก็เล่าเรื่องtomorrowland ส่วนของพระเอก จากนั้นโดนตามล่า แล้วก็หนีไปtomorrowlandได้ ส่วนบทที่เหลือต่อจากนั้นต้องแก้ไขกันมโหฬารเลยครับ ตอนจบต้องดราม่ากว่านี้ แอคชั่นพีคกว่านี้ ไคลแม็กส์หนังยังสู้ฉากโดนล่าในร้านขายของเก่าไม่ได้เลย เพลีย สรุปคือ ต้องทำการบ้านเพิ่มอีกเยอะนะ brad

  5. เป็นหนังดิสนีย์เรื่องที่ 2 ที่ตัวละครที่คนดูชื่นชอบ พุ่งรับกระสุนปกป้องตัวหลักจากผู้ร้ายที่จนตรอก

    อย่าให้มีเรื่องที่ 3 นะ!

  6. ผมว่า ผู้ชมอยากเห็นโลก tomorrowland และ อยากดูหนัง action สนุก แต่มาตายตอนเฉลยปมของผู้ร้ายแบบรวดเร็ว จนผู้ชมไม่คอยเข้าใจเท่าไรว่าหนังต้องการสื่อ มันก็เลยผิดหวังเป็นธรรมดา

    แต่ถ้าได้คิดตามหนัง ผมว่า หนังอยากให้เราคิดที่สร้าง tomorrowland ณ ปัจจุบันเลยหรือเปล่า tomorrowland เป็นไปได้ถ้าคนพร้อมจะสร้างสรรค์โลก คือ เทคโนโลยี สังคม และ ธรรมชาติ อยู่ร่วมกันได้ิแต่สภาพความเป็นจริง มันไม่ใช่ มันก็เลยทำให้คนดูว่า หนังมันคิดบวก เกินไป ผมว่านางเอกก็โดนหลอกเหมือนผู้ชมแหละว่า tomorrowland น่าอยู่มากๆๆๆ แต่เมื่อมาถึง ก็ไม่ต่างจาก โลกที่นางเอกจากมาเท่าไรหนักหรอก ถ้ามีผู้ปกครองแบบผู้ร้าย ที่มีความคิดด้านลบ เพราะตอนท้าย ฉากที่ พระเอกถูกเนรเทศ จะเห็นว่า tomorrowland ก็ไม่น่าอยู่แล้ว

    เหมือนหนังพยายามให้เราคิดบวก อย่าท้อ ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน เหมือน พระเอก นางเอก โดยมีหุ่นยนต์เด็กให้ความช่วยเหลือ

  7. ตามที่ว่าจริงๆเปิดเรื่องได้น่าสนใจ เกินกลางเรื่องไปนี่จืดสนิทมาก แต่ตัวละครหลักนี่แสดงได้ดี โดยเฉพาะอาธีน่ากับเคย์ซี่

Leave a Reply