Jupiter Ascending – ในความเห็นของคุณ

KJ2A8391.dngJupiter Ascending เปิดตัวอันดับ 1 ที่บ้านเราเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาด้วยรายได้ 4.43 ล้าน ซึ่งถึงแม้จะอันดับ 1 ก็ตาม แต่ตัวเลขก็ไม่ได้สูงอะไรครับ ขณะที่การเปิดตัวในสหรัฐก็เพียง 6.4 ล้านเหรียญเท่านั้น อยู่อันดับ 2 น่าจะเป็นหนังฟอร์มใหญ่ของปีนี้อีกเรื่องที่น่าจะรายได้ไม่งดงาม

คำวิจารณ์ของหนังเองก็ไม่งดงามครับ หนังได้คะแนนวิจารณ์เพียง 4/10 และนักวิจารณ์ชอบ 22% จาก 150 วิจารณ์ที่ Rotten Tomatoes รวบรวมมา

คำวิจารณ์ด้านลบส่วนใหญ่ออกไปในเรื่องการเล่าเรื่องที่น่าเบื่อ บ้างก็บอกว่าเนื้อเรื่องเชย คำชมส่วนมากอยู่ที่งานเทคนิคพิเศษและการออกแบบงานสร้าง

สำหรับผมแล้ว คงชมด้านการออกแบบฉากเทคนิคพิเศษและฉากต่อสู้ได้น่าตื่นตา แม้จะไม่แปลกใหม่มาก แต่การที่หนังทำให้ไม่อินกับตัวละคร ทำให้เหมือนดูงานภาพตระการตาที่ขาดอารมณ์ร่วม การที่เนื้อเรื่องเชยอาจไม่ใช่ปัญหาเท่ากับการที่ไม่สามารถเล่าเรื่องให้สนุกได้ ทั้งที่เนื้อเรื่องชิงบัลลังก์ผสมเทพนิยายแนวนี้เล่าให้สนุกได้ไม่ยาก หนังที่ขายเทคนิคพิเศษบ้างเรื่องเช่น Maleficent ที่แม้จะไม่สนุกสำหรับผม แต่ก็ได้การแสดงของแอนเจลีนา โจลี มาช่วยให้เป็นสีสันจนดูจนจบได้ หรือแม้แต่ Transformers: Age of Extinction ก็มีการสร้างฉากเทคนิคพิเศษที่บ้ามากจนเราตามจนจบเรื่องได้ แต่ Jupiter Ascending ทำให้ผมเริ่มเบลอๆ ตั้งแต่กลางเรื่องเลย

เพื่อนๆ ผู้อ่านเว็บชอบหนังเรื่องนี้กันแค่ไหนครับ มาใส่ความเห็นกัน

12 comments

  1. ผมแอบเสียดายตัวบทจริงๆ เหมือนสองพี่น้องเค้าพยายามทำหนังให้มันค่อนข้างตลาด จนไม่เป็นตัวของตัวเอง (ตั้งแต่เรื่อง SpeedRacer มาบทดูไม่เข้าที่ซะที) ตัวเนื้อเรื่องน่าสนใจมากๆเลยนะครับ ถ้าทำดีๆนี่ สามารถต่อยอดเป็นไตรภาคได้เลย แต่เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ค่อยดี ผมชอบ การแสดงของ 3 พี่น้องมากๆ เล่นดีทั้งสามคนเลย การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าดีมากๆ รวมถึงคนอื่นๆด้วย แต่เสียดายตัวนางเอก แสดงได้ไม่ค่อยถึงเท่าไหร่ ถ้าบทการดำเนินเรื่องได้ เท่า Matrix ภาคแรก ได้นี่จะเป็นหนังที่เทพมากกกกๆ

    ผมให้ 6/10
    ข้อดี : งานสร้าง CG การดีไซน์ฉาก action การแสดงของนักแสดง (ยกเว้นนางเอก)
    ข้อเสีย : ความซับซ้อนของบท พัฒนาการของตัวละคร การดำเนินเรื่อง การแสดงและความสวยของนางเอก (เรื่องอื่นๆ นางเอกแสดงได้ดีกว่านี้ และ สวยกว่านี้ อาจจะสปอยนะครับ ข้ามได้ อีกอย่างหน้าไม่เหมือนลูกๆ 3 คนเลย อยากให้ ลีลี่ คอลลีนนางเอก The Mortal Instruments: City of Bones มาแสดงจังเลย)

  2. บทหนังอ่อนมาก บทพูดยืดยาดเนิ้บนาบ ดำเนินเรื่องช้า ฉากต่อสู้ตัดฉับไวซะจนมองไม่ทันว่า ใครเป็นฝ่ายใคร สู้กันด้วยท่าอะไร เพลงประกอบงั้นๆ บางฉากออกไปทางตลกนิดๆด้วยซ้ำ ผมว่า โดยรวมแล้ว หนังเชยมาก ดูโบราณๆไงไม่รู้ หลายๆไอเดียมันไปซ้ำกับเรือ่งก่อนหน้านี้(และเค้าก็ทำได้ดีกว่าไปแล้ว) นักแสดงก็เล่นงั้นๆ อย่างนางเอกนี่เล่นชิลมาก แข็งอย่างกับก้อนหิน ตัวร้ายก็พยายามจะทำให้ดูเท่แบบน่าเกรงขาม (แต่ดูเป็นตลกแทน)

    สิ่งที่ดีสุดคือ เทคนิค CG นั้นแหละครับ สวยและตัดต่อกันได้เนียนดี

    นอกนั้น ไม่ไหวละดูละครัช

    ปล. ไปดูกัน 4 คน คนนึงเดินออกตอนผ่านไปเกือบชั่วโมง อีกคนหลับแทบตลอดเรื่อง ส่วนผมกับเพื่อน นั่งดูอย่างทรมาน

  3. ที่จริงวันที่จะไปดูเรื่องนี้ มีหนังที่อยากดู 2 เรื่อง อีกเรื่องเป็นหนังกึ่งชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง(แนวโรแมนติกสะเทือนใจ?) ซึ่งทั้งสองเรื่องมีนักแสดง(นำ?)ร่วมกัน แต่เนื่องจากหนังเรื่องนั้นไม่ได้เข้าฉายในโรงที่ไปดู จึงดูเรื่องนี้ โดยคาดหวังว่าจะได้รับความสนุกสนานจากฉากแอ็คชั่น แต่พอดูจบ(ความจริงตั้งแต่ดูได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง)ก็รู้สึกว่าไม่เป็นดังคาดหวัง…
    (ต่อไปนี้อาจถือว่าสปอย ถ้ายังไม่ได้ดู อย่าอ่าน)
    1. ฉากแอ็คชั่นสเก็ตกลางอากาศและบิน แสดงให้เห็นเทคนิคพิเศษ และการตัดต่อภาพที่ฉับไว แต่พอดูสักพักกลับรู้สึกว่ายืดเยื้อ นานไป และเริ่มคิดว่าเมื่อไหร่ฉากนี้จะจบเสียที แต่เมื่อดูจนจบเรื่อง กลับรู้สึกว่าฉากแอ็คชั่นทั้งเรื่องมีน้อยกว่าฉากสนทนาที่ยืดยาวมากทีเดียว ดูจบแล้วรู้สึกว่าเป็นหนังรักมากกว่าหนังแอ็คชั่น
    2. หนังกล่าวถึงและมีประเด็นให้เล่นเยอะมาก แต่ทำไม่ได้สุดเลยสักด้าน ออกมาครึ่งๆ กลางๆ
    3. หนังตัวอย่างทำให้รู้สึกว่าเป็นหนังสงครามอวกาศ แต่เอาเข้าจริงกลายเป็น “หนังบุกตะลุยเดี่ยวของผู้ชายคนหนึ่งไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง” ไม่ได้ใหญ่ขนาดสงครามอวกาศ แค่พระเอกบุกเดี่ยวไปคนเดียวก็ชิงตัวนางเอกมาได้แล้ว (และไม่ใช่ครั้งเดียวที่พระเอกทำแบบนั้น เหมือนนางเอกถูกโยนไปมาระหว่างตัวร้ายทั้ง 3 แล้วพระเอกก็ตามไปช่วยนางเอกออกมาด้วยตัวคนเดียวได้ทุกครั้ง) ทุกอย่างดูง่ายมาก และนำไปสู่บทสรุปที่ง่ายเกินไป
    ฉากเดียวที่รู้สึกว่าสนุกและตลกคือฉากนางเอกเข้าไปที่หอกรรมสิทธิ์ นางเอกต้องผ่านไปยังแผนกต่างๆ ทำให้นึกถึงฉากแฮรี่พอตเตอร์เข้าไปในธนาคาร (ที่จริงอีกฉากที่ทำให้นึกถึงแฮรี่พอตเตอร์คือฉากบ้านผึ้ง)
    อีกสิ่งที่โดดเด่นคือการแสดงของเอ็ดดี้ เรดเมย์น(โรคจิตและดูสับสนได้ใจมาก) แต่อันนี้ไม่แน่ใจว่าความเห็นเอนเอียงหรือเปล่า 🙂
    สรุปว่ารู้สึกเสียดายหนังเรื่องนี้ ทั้งที่มีแนวคิดดี วัตถุดิบดี น่าสนใจ แต่ทุกอย่างดูรวบรัด เดินเรื่องเร็ว เฉลยเร็ว จบเร็ว เหมือนรถด่วนหัวกระสุน หนังเรื่องนี้จึงพุ่งผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่หากขยายเรื่องและค่อยๆ คลายปมแล้วสามารถทำเป็นหนังไตรภาคได้เลย และอาจได้ชื่อว่าแฮรรี่พอตเตอร์แห่งโลกไซไฟ

  4. The Imitation Game คนเเนะนำกันเยอะ ผมไปดูเอง หนังทำได้เเค่ดูได้เรื่อยๆจบเเบบไม่มีอะไรค้างคา ผมให้ 5/10 เพราะคาดหวังไว้เยอะเพราะคนอวยกันเยอะ

    Jupiter Ascending คนบอกอย่าไปดูเพราะหนังกาก ผมไม่เชื่อ ผมคิดว่าไปดู cg ถือว่าคุ้มละ เพราะหนังทุน 175 ล้าน งานนี้ต้องเชื่อคนวิจารณ์ หนัง ห่วยจริง ผมดู imax 3d ทำผมหลับได้ตอนพระเอกพาหนีเกือบ 20 นาที อยากให้หนังจบเร็วๆ นี่ถือเป็นหนังเรื่องเเรกของผมเลย ทำขายเอ็ฟเฟ็ค 3มิติ ทำผมหลับ ผมให้เป็นหนังฝรั่งที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลยก็ว่าได้ในโรงภาพยนต์ผมให้ 2/10

  5. ตามรอยริดดิค ภาค2 เปะ ผมตลกตรงที่ผมพยายามอินกับหนัง แต่หนังมันยังพยายามหนีออกไปเรื่อย แล้วก็ อืม….นึกไว้แล้วเชียว คุณแอนดี้ ลาลี้ วาชอร์สกี

  6. แนวคิดหลักของเรื่องนี่ดีมากเลยนะครับ เกี่ยวกับพันธุกรรม เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและการเกษตรเพาะดาวของเผ่าพันธุ์ต่างดาว ฉากแอคชั่นออกแบบดีมากตามฉบับของพี่น้องวาโชวสกี้ งานศิลป์ ก็อลัง ดูงดงามมากๆ ประณีตเหมือนแบบกรีกโบราณผสมเอเชียนิดๆ แต่เรื่องเล่าในส่วนของตัวละครหลักที่ออกไปผจญภัยในโลกใหม่นี้กลับเล่าได้ไม่ดีเลย แย่เลยด้วยซ้ำ และนางเอกนี่อ่อยพระเอกมาก อ่อยเกินหญิง ตอนที่ถามว่า’รู้สึกอยากกัดฉันมั้ย’ ผมนี่กลอกตาเป็นเลขแปดไทยเลย

  7. ชอบงานภาพจริงๆ ส่วนอันอื่นนี้ งั้นๆมากครับ จะหลับแต่เสียดายค่าตั๋วกับเวลาเลยพยายามถ่างตา
    ให้ 5/10 ครับ

  8. ความรู้สึกหลังดู เหมือนเรื่องนี้พี่น้อง Wachowskis ไม่ค่อยใส่ใจทำเหมือนเรื่องก่อนเลย เหมือนงานรับจ้างมาทำมากไป ถึง Speed Racer คนด่าเยอะแต่ผมก็รู้สึกว่าเค้ารักการ์ตูนเรื่องนี้ และเคารพต้นฉบับการ์ตูนมาก ผมค่อนข้างชอบ อย่าง Cloud Atlas ก็ยังรู้สึกถึงความตั้งใจได้ในงาน และงานก็ออกมาสนุกทั้งที่ดูยาก

    แต่พอมาดู Jupiter Ascending ผิดหวังพอสมควรจริงๆ บทผ่านมาผ่านไป ดูง่ายๆ ไปหมด พระเอกลุยเดี่ยวแบบไม่ต้องลุ้น ตัวละครจืดจาง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผลงานของคนที่เขียนบทลึกๆ และซับซ้อนในจิตใจ อย่าง Matrix แปลกใจจริง ผมเป็นติ่ง ผกก พี่น้องนี้มา ก็หวังเยอะเพราะสองเรื่องก่อนถึงจะเจ๊งแต่ผมก็ชอบ แต่เรื่องนี้มันเฉยๆ ค่อนไปทางผิดหวัง ดูแล้วง่วงจริงๆ

  9. พระเอก นางเอก คนรู้จักน้อยครับ มีเเต่พวกวัยรุ่นหรือรุ่นใหม่ วอร์เนอร์นี่คงเบื่อ เพราะ ได้เงินมาเยอะจากสไนเปอร์ เเต่มาโดนเรื่่องนี้ดูดไปหมด

  10. เรื่องนี้สนุกดีนะคะ. . ดูแล้วยังอยากจะดูอีกเลย. สนุกตอนต่อสู้กันแทบไม่ได้หยุดหายใจเลย. แต่บทพระเอกกับนางเอกแบบหวานๆ. ไม่มีเลย

Leave a Reply