Guardians of the Galaxy: ในความเห็นของคุณ

Guardians_Of_The_Galaxy_TRC0060_comp_v.JPGGuardians of the Galaxy ถูกประเมินว่าจะเปิดตัวในอเมริกาเหนืออย่างต่ำ 65 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์นี้ครับ และอาจเลยถึงขั้นเปิดตัวด้วยรายได้เดือนสิงหาคมที่สูงที่สุดตลอดกาล อย่างหนึ่งที่น่าจะส่งเสริมให้หนังทำได้ตามเป้าก็คือคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างดี จากการประเมินของ Rotten Tomatoes หนังได้คะแนนเฉลี่ยจากนักวิจารณ์อยู่ที่ 7.7/10 ครับ มีนักวิจารณ์ชอบ 91% จาก 146 คนในตอนนี้ คะแนนวิจารณ์จากการประเมินของ Metacritic ก็ใกล้เคียงกันครับ อยู่ที่ 77/100

สิ่งที่หนังได้รับคำชมอย่างมากก็คือมุขตลกในหนังที่ฉลาด และสร้างความบันเทิงได้ตลอด ที่มีจากการร่วมเขียนบทของเจมส์ กันน์ และ นิโคล เพิร์ลแมน ผู้เขียนบทหญิงคนแรกของหนังมาร์เวล ทั้งยังสร้างตัวละครที่กลายเป็นขวัญใจอย่างกรูทกับร็อคเก็ต ที่เกิดจากการสร้างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ส่วนที่เป็นข้อด้อยของหนังก็คือการที่มีหลายอย่างที่ต้องปูและต้องเล่าพร้อมกันเยอะมาก ซึ่งไม่สามารถให้รายละเอียดส่วนนั้นให้เข้าถึงอารมณ์มากพอ ซึ่งนักวิจารณ์ที่ชอบหนังก็จะบอกว่ามุขตลกต่างๆ ในหนังมาช่วยอุดรูรั่วเหล่านี้ได้

อีกส่วนที่ได้รับคำชมก็คือการพาผู้ชมย้อนระลึกถึงหนังผจญภัยอวกาศเกรดบียุค 70-80 และการใช้เพลง, ตัวละคร และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ชวนให้นึกถึงด้วยครับ

หนังเปิดตัวแล้วในบ้านเราตั้งแต่ 30 กรกฎาคมครับ ท่านที่ได้ชมแล้วรู้สึกยังไงกับหนังกันบ้างครับ มาใส่ความเห็นและคะแนนกัน

 

24 comments

  1. ฮาจริงครับ พระเอกเกรียนสุดๆ เงิบไปหลายฉาก
    หนังทำให้อยากรู้เรื่องราวของ Guardians of the Galaxy มากขึ้นเยอะเลย

  2. มีคนเอาไปเปรียบกับ captain2 ซึ่งผมคิดว่าออกจะคนละแนวกัน ถ้าเอาอารมณ์สว่างเอาสนุก ผมคิดว่า GoTG สนุกสุดเท่าที่ดูของมาร์เวลมาแล้วครับ

    ปล. ชอบการเคลื่อนไหวที่ เจมส์ กันน์ ใส่ลงไปในหนังมากๆ ดูเท่กว่าหนังเรื่องไหนๆเลย

  3. ถ้าถามว่า captain2 กับ gotg เรื่องไหนดีกว่ากัน ผมยังยกให้ captain 2 นะ เพราะทุกอย่างในหนังมันลงตัวกว่าทั้งตัวบทที่แน่น เน้นเรื่องราวที่เข้มข้น มีแอคชั่นดุดันที่หนักแน่น ตัวหนังก็สนุกมาก

    ส่วน gotg จุดเด่นของหนังคือตัวละครนำทุกตัวที่ทำออกมาได้เด่นและมีเอกลักษณ์ และมุกตลกที่ทำได้ฮาและเกรียนมากๆ นี่คือสิ่งที่ทำได้ดีและเหนือกว่า captain2 แต่หนังก็ยังเดินเดินเป็นเส้นตรงตามสูตรไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็แล้วแต่หนังก็ยังสนุกมากเพราะเคมีที่เข้ากันของทุกตัวละครนำในเรื่อง

  4. เปิดตัวรอบมิดไนท์แรงสุดของปีนี้ล้ม Cap2 10.2 ด้วย 11.2 ณขณะนี้ ผิดกับกรีนแลนเทิร์นลิบลับ
    หนังสนุกกว่ากรีนแลนเทร์นแน่นอน รับประกัน จุดอ่อนของเรื่องคงเป็นวายร้ายกับมุขตลกบางช่วง

  5. Guardians of the Galaxy ชอบเพลงของเรื่องนี้มากๆ ชอบเพลงแรกตอนเปิดตัวหนัง I’m Not In Love ของวง 10cc ที่สุด…เพราะไม่ได้ยินเพลงนี้มา 20 กว่าปีแลัว S:ลึกชาติเลยง่ะ !!!

  6. ชอบที่สุดในปีนี้…มีครบทุกรสชาติ..ดูแล้วผ่อนคลาย บทความรักระหว่างแม่กับลูกทำเอาผมน้ำตาซึม..ตัวพระเอกน่าจะแจ้งเกิดได้..นึกถึงตัวละครcobra..ถ้าสร้างเอาแกไปเล่นเหมาะสุด

  7. คหสต. ผมดูแล้วกลับไม่อินเท่าไหร่อะครับ แต่หนังดูสนุกดีประมาณนึงครับสำหรับผม นอกจาเพลงแล้ว ที่ชอบอีกที่ก็ตรงจุดพีคช่วงท้ายอะคับ ทำออกมาได้นะ ชอบๆ

  8. หนังเหมือนตั้งใจยั่วล้อความล้าสมัยที่มันดันไปอยู่ในสถานที่อันก้าวหน้าหลายปีแสง และกลายเป็นสิ่งที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ใครจะคิดว่าเทปคาสเซ็ทที่มันสูญพันธุ์ไปแล้วสำหรับเด็กยุคดาวน์โหลดเพลง จะกลายเป็นสิ่งที่ล้ำและดูเข้าทีเมื่อมันอยู่ในหนัง รวมไปถึงเพลงในยุค 80-90 สำหรับคนที่โตมาในยุคนั้นต้องคุ้นหูเป็นอย่างดี หรือการที่ตัวละครควิลล์ซึ่งโตมาในยุค 80 ชอบใช้คำอุปมาซึ่งไม่เพียงแต่ในมนุษย์ต่างดาวในจักรวาลจะไม่เก็ท คนในยุคสังคมก้มหน้าโซเชียลมิเดียก็แทบจะไม่มีใครใช้อุปมาในการพูดจากันแล้ว หรือบรรยากาศโดยรวมของหนังที่ทำให้นึกถึงหนังผจญภัยอวกาศยุคเดียวกับ Star Wars ทั้งหลายเหล่านี้พอจับมายำรวมกันทำให้ GOTG กลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีสไตล์ของตนเอง ต้องยอมรับว่าตอนแรกก่อนเข้าไปดูยังคิดว่าหน้าหนังมันคงจะไม่ดีพอ แต่กลับกลายเป็นว่าหนังมันมีดีพอที่จะอวดด้วยซ้ำไป

    การที่คนที่มีสถานะ “ขี้แพ้” มาอยู่รวมกัน เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยมีใครคาดหวัง หรือเหลียวแล แต่ด้วยความที่ทุกคนมีสิ่งที่ขาด และสิ่งที่เกินเมื่ออยู่รวมกันมันกลายเป็นความพอดี และกลายเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ จนพิสูจน์ตนเองได้จากผลงาน ไม่ต่างจากในชีวิตจริงการทำงานกันเป็นทีมที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำอย่างสุดกำลัง โอกาสสำเร็จจึงจะเกิดขึ้นได้

    แต่บรรดาตัวประกอบที่ใช้นักแสดงคุณภาพ แม้มันจะดูดีมีระดับขึ้น แต่ถือว่าใช้งานแบบเสียของเป็นส่วนใหญ่ครับ (เบนนิซิโอ เดล โตโร, เกลนน์ โคลส, จอห์น ซี. ไรลีย์, ดิจิมอน ฮอนชู) มีที่เอาตัวรอดไปได้เห็นจะเป็นไมเคิล รูกเกอร์ครับ
    แต่โดยรวมหนังสนุกกว่าที่คิด และมีสไตล์ของตนเองครับ
    (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.oknation.net/blog/movietalk/2014/08/03/entry-2)

  9. ตั้งแต่ได้ดูตัวอย่างครั้งแรกก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะฮาแบบกวนๆอีกสไตล์นึงไปเลย แถมมีเพลงประกอบเป็นเพลงยุคเก่าอีก ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่ แต่ก็นะ แค่เป็นหนังฮีโร่จากมาร์เวล ชั่วโมงนี้ยังไงก็ต้องดูละครับ เพราะอยากรู้ว่าเนื้อเรื่องมันจะเชื่อมโยงกันยังไง และหลังจากรอมานาน วันนี้ก็ได้ดูเสียที

    โดยรวมทั้งเรื่อง สามารถใช้คำว่า “หนังสนุกดี” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถไปถึงคำว่า “หนังสนุกโคตรรรร อ๊ากก มันส์ ประทับใจ” อะไรแบบนั้น เหมือนอย่างที่ อเวนเจอร์ เคยทำมาแล้ว

    หนังเปิดเรื่องมาได้โคตรเจ๋ง คือพูดแบบไม่ตอแหลเลยนะ ฉากเปิดเรื่องทำผมตื่นเต้นแบบสุดๆ ทุกอย่างมันเพอร์เฟคไปหมดเลย พระเอกเดินเข้าไปในสถานที่ๆแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็น เพลงประกอบสุดเพราะ มุมกล้องสวยมาก แล้วปิดซีนด้วยฉากแอ๊คชั่นที่ไม่ยาวมาก “แต่” โคตรตื่นเต้น มันเท่ และ สดใหม่มากๆกับสิ่งที่เห็น ถ้ากราฟความสนุกเต็มที่ 100 ฉากเปิดเรื่องก็ทะลุกราฟไปเลยล่ะครับ

    หลังจากที่อารมณ์ความตื่นเต้นยังไม่จางหาย หนังใส่ฉากแอ๊คชั่นชุดใหญ่มาอีกซีนนึง ที่ทำให้เราเห็นอุปกรณ์ไฮเทค ที่แปลกตา มันทำให้รู้สึกว่า “หนังคิดมุกอาวุธมาเยอะดีแฮะ” เป็นอีกฉากที่สนุกและทำได้ดีเลยแหละ

    ซึ่ง “น่าเสียดาย” มากที่หลังจากฉากนั้นเป็นต้นมา อารมณ์ของหนังก็ค่อยๆแผ่วลงๆ จนราบเรียบ จนรู้สึกเหมือนกับว่า เปลี่ยนตัวผู้กำกับหนังหลังจากฉากนั้นเหรอเนี่ย ถึงแม้หนังจะมีมุกตลกแทรกมาเป็นระยะๆ แต่มันก็ทำได้แค่ให้เราพอขำไป แต่ไม่ได้อินกับความผูกพันของตัวละครซักเท่าไร ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า มิติตัวละครกลุ่มนี้มันตื้นเกินไปหน่อย (ซึ่งการที่ผมเอาไปเทียบกับ อเวนเจอร์ ก็คงจะไม่ยุติธรรมเท่าไร เพราะอเวนเจอร์ มีภาคแยกปูเรื่องกันมายาวนานกว่าน่ะนะ) บางตัวละครก็ไม่มีเสน่ห์ซึ่งก็คือ ตัวกล้ามโตๆ (ชื่อยังจำไม่ได้เลยคิดดู ฮ่าๆ)

    สิ่งที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ขาดไปคือ การบิ๊วอารมณ์คนดูให้ลุ้นไปกับหนังได้อย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกผมเหมือนดูตัวละครอยู่ห่างๆ มองจากที่ไกลๆ แต่ ไม่ได้เข้าไปใกล้ชิดน่ะ เพราะงั้นพอมันถึงฉากที่หนังดูทรงแล้วตั้งใจจะให้ลุ้น มันก็เลย จืดๆ ไม่รู้สึกอะไร ยิ่งฉากขับยานยิงกัน หรือฉากตอนท้ายๆนี้ ออกแนว “จะให้กรูลุ้นใครบ้างเนี่ย” มันตัดสลับกันไปมา จนงงว่า เราต้องตามลุ้นใคร?

    ฉากไคลแม็กซ์ ก็ทำซะจนไม่รู้จะเรียกว่า “ไคลแม็กซ์” ดีไหมนะ แต่มันยังอารมณ์ไม่สุด น่าจะบิ๊วได้มากกว่านั้น แถมตัวร้ายก็ตายง่ายจนไม่รู้จะพูดอะไรดี พี่เปิดตัวทุกอย่างมาดี น่าเกรงขาม แต่พี่มาแพ้กันแบบนี้เลยเหรอ ฮือๆ

    สิ่งที่ชอบมากคือ เพลงประกอบที่หยิบเอาเพลงเพราะๆ ยุค 80 มาให้ได้ฟังแบบระบบเสียงโรงหนังนี้แหละครับ มัน ฟิน จริงๆนะ ภาพโลกอนาคตกับเพลงคลาสสิค มันช่างสุดยอดจริงๆ ตรงจุดนี้เข้าใจความรู้สึกตัวละครเลยว่า ทำไมถึงชอบเพลงพวกนี้กันนัก (คนอายุ 30 ปีขึ้นไป อินแน่นอน)

    ตัวละครจอมแย่งซีนและมีเสน่ห์ที่สุดในเรื่องก็คือ ร็อคเกต แร็คคูนกวนๆ ที่คอยทำให้ผมรอดจากการหลับตรงช่วงกลางเรื่องมาได้ ตัวนี้ฮาจริง แอบเท่ด้วย น่ารักก็มี ถือเป็นอีกตัวละครที่ควรค่าแก่การจดจำ (ทำให้นึกถึงเกม Star Fox เลย) ส่วน กรู้ท (ตัวต้นไม้) อันนี้เล่นเป็นธรรมชาติมาก วิน ดีเซล พากย์เสียงได้โคตรดี สมจริง จนน่ามาเอาดีด้านพากย์เสียง (ฮ่าๆ)

    สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ ดีไซน์พวกเมือง, ยาน, ชุด , อุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย มันสวยดีครับ มันได้อารมณ์คล้ายกับเกม Final Fantasy 13 ที่เคยเล่นเลย ยิ่งฉากขับยานยิงกันนะ โห ยานสวยๆไม่พอ แต่ยิงใส่กันนัวเนีย ชนิดที่ไม่เคยเห็นสงครามอวกาศที่มั่วได้ขนาดนี้ (อันนี้ชมนะครับ)

    ถึงแม้ข้างบนจะบ่นไปซะเยอะ แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังใช้คำว่า “สนุก” ได้อยู่ดีนะ ซึ่งพอดูจนจบ ก็ไม่มีฉากไหนเลยที่น่าจดจำได้เท่ากับฉากเปิดเรื่อง ซึ่งผมต้องใช้คำว่า “น่าเสียดาย” ที่หนังราบเรียบมาเรื่อยๆ จนถึงจุดท้ายของเรื่อง ถ้าช่วงท้ายสามารถทำอารมณ์ได้เท่ากับตอนเปิดเรื่องนะ คงจะฟินคนดูได้มากกว่านี้ ก็ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมมันออกมาแบบนี้ได้นะ กับมาร์เวล ที่เคยคิดฉากแอ๊คชั่นในอเวนเจอร์ได้เจ๋งทุกฉาก แต่กับเรื่องนี้ ไหงมันเรียบขนาดนี้ ฮือๆๆ

    สรุปเลยนะ ไปดูกันได้ หนังสนุกดี ตลก ฮาๆ ภาพสวย สามารถดูได้จนจบแบบไม่รู้สึกเสียดายเงินหรือเวลา ถ้าดูหนังมาร์เวลมาเยอะแล้ว ยังไง๊ เรื่องนี้ก็ควรไปดู ฮ่าๆ

    อ๋อ ลืมบอก ผมดูแบบ IMAX ที่พารากอนนะ ด้วยภาพที่ใหญ่ขึ้น ก็ทำให้เห็นรายละเอียดความสวยของฉากได้มากขึ้น ภาพคมชัด ซับคมกริบ ส่วนสามมิติอาจไม่ได้นูนอะไรบ่อยนัก แต่ความลึกของภาพโอเคเลย ซึ่งภาพก็ไม่ได้เต็มจอนะครับ เพราะไม่ได้่ถายทำด้วยกล้อง IMAX และระบบเสียงมันก็มาเต็มตามปกติแหละ เพียงแต่หนังไม่ได้มีซาวด์ที่ต้องกระหึ่มมากนัก ซึ่งผมคิดว่าเพราะจอ IMAX จึงทำให้อารมณ์ฉากเปิดเรื่องยิ่งเจ๋งเข้าไปอีกนะ

  10. ดูแล้วเฉยๆ แหะ ไม่ค่อยพีค เหมือน Captain 2 เรื่องนี้เอาไป 6/10 พอ มุขตลกบางมุขไม่ตลกเลย -“- แป๊กๆยังไงไม่รู้ ตัวอย่างดูสนุกดี แต่พอดูในโรง เฉยมากๆ อารมณ์ก็ไม่สุด ตัวร้ายกากโคตร ตายง่ายมาก เหมือนหนังผจญภัยตามอวกาศทั่วไป พากย์ไทยพากษ์ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่

  11. หนังเน้นสไตล์.. ของเจมส์กัน แบบที่มาร์เวลต้องการจริงๆ
    ถ้าหลายคนจะเอามาเปรียบเทียบกับกัปตัน.. ผมว่ามันคงจะแตกต่างกันตรงที่กัปตันมีความเป็นมาร์เวลเยอะกว่าครับ
    แต่ถ้าพูดถึงความสนุกแล้วล่ะก็.. ผมว่าหนังมาร์เวลก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกเรื่องอะครับ
    ความสนุกมันขึ้นอยู่กับว่าใครจะคาดหวังสูงเกินไป..
    หรือใครมีอคติมากกว่าครับ..
    สำหรับผม.. ก็สนุกครับ เจ๋งตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องแล้วล่ะ
    มาแบบดาธ(เวเดอร์)เลย.. แต่พอเดินไปซักนิด เต้นซะงั้น 555+
    มุขตลกกูธอย่างฮา..
    ธานอสสไตล์เจมสฺ กัน มามาร์ตแบบกวนๆ แปลกๆ นะ.. 555+
    ชอบสตาร์ลอร์ดสุดแล้วครับ.. ชุดเท่ดี
    ถ้าหนังเน้นการมาเป็นทีม.. ตัวละครจะไม่แตกครับ
    อยากเห็นร็อคเก็ตเจอโทนี่สตาร์กครับ
    สุดท้าย.. ภาคสองอยากให้เนื้อเรื่องและบทเน้นกันไปทางธานอสเลยครับ เนื้อเรื่องโดยรวมน่าจะออกมาดี

  12. โดยส่วนตัวผมคิดว่า รายละเอียดของหนังมีน้อยมาก คงเป็นเพราะต้องการปูภาพเพื่อทำภาคต่อหรือเปล่า
    ส่วนบทบาทของแต่ละคน นักแสดงเล่นกันแบบเหมือนชีวิตปกติมาก ๆ ครับ เป็นธรรมชาติก็ว่าได้ จึงทำให้ผมดูหนังแล้วรู้สึกว่าเราเข้าถึงตัวละครได้ง่ายและสนุกไปกับมันครับ

Leave a Reply to คนคอหนังCancel reply