สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติได้ประกาศให้ “เพื่อน(ไม่)สนิท” หรือ “Not Friends” ของจีดีเอช559 เป็นตัวแทนหนังไทยเพื่อส่งชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยมครับ
ตามกฎของออสการ์นั้น หนังที่จะมีคุณสมบัติเป็นตัวแทนประเทศได้ต้องฉายโรงในประเทศนั้นๆ ระหว่างธันวาคม 2565 ถึง ตุลาคม 2566 ครับ ซึ่งแม้ “เพื่อน(ไม่)สนิท” จะยังไม่ได้ฉายโรงในตอนนี้ แต่ก็มีกำหนดลงโรง 26 ตุลาคมนี้ ที่อยู่เกณฑ์ที่ออสการ์กำหนด หนังที่ออกฉายในเดือนตุลาคม แต่ยังไม่ได้ฉายโรง สามารถส่งเอกสารและอำนวยความสะดวกให้คณะกรรมการผู้คัดเลือกมาชมเพื่อพิจารณาก่อนได้ หนังไทยหลายเรื่องที่กำหนดฉายในเดือนตุลาคมมักทำแบบนี้เสมอเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณา เพียงแต่ไม่บ่อยที่หนังที่ออกฉายในช่วงนี้จะได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนครับ
“เกณฑ์ในการพิจารณาของออสการ์ครั้งนี้ ให้ส่งหนังไทยที่เข้าฉายตั้งแต่ ธันวาคม 2565 – ตุลาคม 2566 และต้องสรุปผลการพิจารณาพร้อมส่งเอกสาร และตัวหนังเต็มให้ทางสถาบันต้นเดือนตุลาคม สำหรับหนังไทยที่เข้าฉายช่วงเดือน มกราคมถึงเดือนกันยายนนั้น ไม่มีปัญหา แต่หนังไทยที่จะเข้าฉายในเดือนตุลาคมนั้น ต้องดูว่ามีหนังเรื่องไหนมีความพร้อมที่จะส่งเข้าร่วมพิจารณาก่อนกำหนดการฉายจริงหรือไม่” นายธนกร ปุลิเวคินทร์ ประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ พูดถึงการคัดเลือกหนังในจดหมายข่าวที่ส่งมา
นายธนกร ปุลิเวคินทร์ ยังเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกหนังไทยด้วย โดยมาจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย อาทิ ผู้อำนวยการสร้าง, ผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์, ผู้ประกอบการค่ายภาพยนตร์, สื่อสารมวลชน และอีกมาก
ในปีนี้ คณะกรรมการพิจารณาหนังไทยทั้งหมด และคัดเลือกเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้ายทั้งหมด 8 เรื่อง ได้แก่ “Blue Again, Scala ที่ระลึกรอบสุดท้าย, เธอกับฉันกับฉัน, บ้านเช่า..บูชายัญ, ลอง ลีฟ เลิฟว์!, มอนโด รัก โพสต์ ลบ ลืม, แมนสรวง และ เพื่อน(ไม่)สนิท” ซึ่งหลังจากถกเถียงกัน และประชุมการหลายรอบ ก็ได้เลือก “เพื่อน(ไม่)สนิท” ครับ
หนังมี อันโทนี่ บุยเซอเรท์ (“เธอกับฉันกับฉัน”), จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ (ซีรี่ส์ “วุ่นรักนักจิ้น”), ใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์ (“เธอกับฉันกับฉัน”), ฟลุ๊ค ธนกร ติยานนท์ และ ฟ้อนด์ ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา รับบทนำ เป็นผลงานกำกับของผู้กำกับหน้าใหม่จากแวดวงเอ็มวี อัตตา เหมวดี และได้บาซ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ควบคุมงานสร้าง
หนังเล่าเรื่องราวก้าวข้ามพ้นวัยของเด็กวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่อยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่เลือกที่จะส่งหนังสั้นเพื่อให้ตัวเองได้เข้าเรียนแทนที่จะเข้าสอบเอ็นทรานซ์ แล้วได้พบว่าประสบการณ์ในการทำหนังนั้นมีเรื่องราวที่พลิกผันและหักมุมมากมายครับ