อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ เรียนรำไทยกว่า 7 เดือน เพื่อรับบทนำใน “แมนสรวง”

เพื่อรับบทเขม นายรำแห่ง “แมนสรวง” ในช่วงปลายรัชกาลที่ 3 อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ต้องเรียนรำถึง 7 เดือน เพื่อให้ดูน่าเชื่อว่าเป็นนายรำได้จริงๆ โดยไม่ต้องใช้นักแสดงแทน แถมยังต้องลดน้ำหนักให้ดูมีรูปร่างเหมือนคนในยุคนั้นจริงๆ ด้วยครับ ตามที่อาโปเล่ามาในจดหมายข่าวจากบีออนคลาวด์ บริษัทผู้สร้างหนังเรื่องนี้ครับ
“ข้อแรก คือฝึกรำที่มันไม่ง่ายเลย เพราะทุกอย่างต้องถูกต้อง สวยงามในทุกท่วงท่า โดยโปต้องฝึกหนักตั้งแต่ขั้นตอนแรกเป็นระยะเวลากว่า 7 เดือน ข้อสอง คือการลดน้ำหนักซึ่งจริงๆ แล้วหลายคนอาจจะไม่ทราบว่าคนโบราณในยุคนั้นไม่ได้มีกล้ามเนื้อที่สวยงามอย่างที่คนในปัจจุบันนี้มี อาจจะด้วยเราไม่ได้มีการศึกษาในเรื่องสรีระมากเท่าในปัจจุบันในการปั้นกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ และยิ่งกับบทนายรำที่ต้องที่ความอ่อนช้อยด้วยแล้ว ทำให้อาโปต้องลีนกล้ามเนื้อเพื่อให้เข้าถึงบทบาทได้มากที่สุด เราศึกษาเชิงลึกกันหนักมากจริงๆ และอยากทำมันออกมาให้สมจริงที่สุด ข้อสาม คือความพยายามในการอ่านเรื่องราวที่หลากหลายเกี่ยวกับยุคปลายรัชกาลที่ 3 ให้มากที่สุด ยุคนั้นสภาพแวดล้อมสังคมเขาเป็นยังไงนะ ในแต่ละวันเขาใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง แล้วเราก็ลองจินตนาการต่อไปว่าถ้าเกิดว่ามีชีวิตแบบนี้ จะใช้ชีวิตแบบไหนสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในทุกมิติรอบด้านก่อนที่จะถ่าย ซึ่งเรื่องที่ยากที่สุดก็จะเป็นในแง่ของบท เราต้องหาความต้องการของตัวละครว่าเราต้องทำยังไงบ้างเพื่อที่จะไปถึงบทที่เราต้องแสดงออกมา นี่แหละคือความยาก แล้วบวกกับภาษาที่พูดมันก็ยาก มีข้อจำกัดในหลายอย่าง คือมันอิมโพรไวท์ได้ยากมาก มันเหมือนกับว่าทุกฝ่ายต้องทำการบ้านของตัวเองมาให้พร้อมที่สุดก่อนถ่าย”
ครูจูน ผู้รับหน้าที่ฝึกสอนรำ พูดถึงความทุ่มเทและพรสวรรค์ในการเรียนรำของอาโปว่า “สิ่งหนึ่งที่พบในตัวโปคือโปมีความพยายามมาก ในการฝึกเราจะฝึกเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไปคือฝึกเฉพาะสิ่งที่เขาจะใช้ แต่อย่างโปเวลาที่เขาว่างเขาจะมาเก็บรำในทุกท่วงท่า ต่อให้ท่านั้นๆจะไม่ได้ถูกใช้ในหนังก็ตาม เขาไม่ได้ฝึกพื้นฐานเพลงช้าเท่านั้นแต่เขารู้แม้กระทั่งแม่ท่ารวมถึงวิธีการฝึกหัดขั้นพื้นฐาน นาฏยศัพท์เบื้องต้น และที่ครูค่อนข้างเซอร์ไพรส์คือเค้ารู้ถึงกระบวนท่ารำที่ถูกต้องและสวยงาม มีความอดทนสูงมาก โปเก่งมีความตั้งใจจริงสิ่งรี้ทำให้ต่อท่าอะไรไปเขารับก็ได้หมด สิ่งที่เห็นในหนังบอกได้เลยว่าตัวจริงเสียงจริงไม่มีแสตนอิน ณ วันนี้ถ้าให้ครูประเมิณครูให้ 99.99% ค่ะ”
“แมนสรวง” เล่าเรื่องราวของสถานที่ในจินตนาการแห่งหนึ่งในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ปี พ.ศ.2393 อันเป็นสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น โดยมีตัวเอกเป็น “เขม” (ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์) หนุ่มจากเมืองแปดริ้วที่แฝงตัวเข้าไปเป็นนายรำในแมนสรวงเพื่อสืบหาเอกสารลับสำคัญที่จะใช้เปิดโปงกบฏ และขอความช่วยเหลือจาก “ฉัตร” (ภาคภูมิ ร่มไทรทอง) มือตะโพนของวงดนตรีในสถานที่แห่งนี้ ตัวละครสำคัญอีกคนก็คือ “ว่าน” (อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์) ที่แฝงตัวเข้ามาพร้อมกับเขมเพื่อช่วยกันสืบหาเอกสาร ซึ่งระหว่างนั้นเอง ความสัมพันธ์ของทั้งสามก็ค่อยๆ พัฒนาไปพร้อมกับการเผยให้เห็นถึงความลับมืดดำของแมนสรวงและปมในใจของทั้งสามตัวละคร
นักแสดงสมทบของหนังยังประกอบไปด้วย ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา, อรอนงค์ ปัญญาวงศ์, ชาติชาย เกษนัส, ประดิษฐ์ ประสาททอง, คานธี วสุวิชย์กิต, ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย, สายฟ้า ตันธนา และ นนทกร เฉลิมนัย
กฤษดา วิทยาขจรเดช, ชาตชาย เกษนัส และ ผศ.ดร.พันพัสสา ธูปเทียน ร่วมรับหน้าที่กำกับหนัง หนังมีกำหนดฉาย 24 สิงหาคมนี้ครับ