ออกแบบ ปีเตอร์ และกรรณ ต้องฝึกทำอาหารเพื่อให้ดูเหมือนเชฟจริง ในเบื้องหลัง “Hunger”

“Hunger” หรือ “คนหิวเกมกระหาย” หนังไทยเรื่องล่าสุดของเน็ตฟลิกซ์ที่เอาเรื่องราววงการอาหารมาสะท้อนความเหลื่อมล้ำได้เพิ่งออกฉายเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่หนังเรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จมาเกือบปีครึ่งแล้ว และกว่าจะเริ่มถ่ายทำกันได้ นักแสดงนำของหนังอย่างออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม และ กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา ที่รับบทเป็นออย เชฟพอล และโตน ตามลำดับ ก็ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ดูน่าเชื่อว่าพวกเขาเป็นเชฟและทำอาหารได้จริงๆ ครับ (นี่น่าจะแปลว่าเส้นทางการสร้างหนังเรื่องนี้ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมงานสร้างเลยทีเดียว)

ในขั้นตอนเวิร์คชอปหรือให้เข้าถึงตัวละครนั้น ผู้กำกับ สิทธิศิริ มงคลศิริ และผู้เขียนบทและผู้ควบคุมงานสร้าง คงเดช จาตุรันต์รัศมี ได้ให้เชฟชาลี กาเดอร์ Executive Chef ประจำร้าน 100 มหาเศรษฐ์ มาทำหน้าที่คอยช่วยเหลือทีมนักแสดงให้ได้ฝึกปรือความสามารถจนเชี่ยวชาญงานครัวจริงๆ รวมถึงออกแบบอาหารที่ใช้ในหนังตั้งแต่ขั้นตอนการใช้อุปกรณ์ วิธีการปรุง แนวคิดของอาหาร โดยได้ฝึกท่ามกลางบรรยากาศของห้องครัวจริงๆ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เหล่านักแสดงสามารถเข้าใจมุมมองการเป็นเชฟผ่านการทำอาหารได้ดีขึ้น และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้สมจริงยิ่งขึ้น

“ตลอดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีมผู้สร้างตัดสินใจจะใช้นักแสดงจริงในฉากทำอาหารเป็นหลักเพราะเราไม่ต้องการหลอกลวงผู้ชมเนื่องจากการทำอาหารของแต่ละบุคคลนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการที่ทีมนักแสดงได้ใช้ฝีมือตนเองจริงๆ จะส่งผลให้การถ่ายทำและการแสดงของนักแสดงออกมาดีกว่าปกติ” ผู้กำกับโดม สิทธิศิริ กล่าวถึงเหตุผลเบื้องหลังการฝึกฝน

ด้าน ออกแบบ ชุติมณฑน์ ที่ต้องฝึกฝนการทำอาหารเพื่อรับบทออย หญิงสาวที่ชีวิตพลิกผันจากร้านผัดซีอิ้วห้องแถวมาสู่วงการอาหารสำหรับไฮโซ เล่าให้ฟังถึงการฝึกฝนว่าไม่เพียงต้องฝึกการทำอาหารเท่านั้น เธอยังต้องถือกระทะว็อกไปตอนออกกำลังกายให้คุ้นชิน รวมถึงกับต้องไปทำงานที่ร้านราดหน้ายอดผักเพื่อให้เข้าถึงตัวละครด้วย

“ตอนที่เตรียมรับบทออย ในเวิร์กชอปต้องเรียนทุกอย่างใหม่หมด ตั้งแต่การใช้มีด การแล่ปลา ไปจนถึงการใช้กระทะว็อกที่ตอนแรกยกกระทะไม่ขึ้นเลยเพราะหนักมาก ออกแบบเลยต้องฝึกให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นโดยการพกกระทะไปด้วยตอนออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อชินจนสามารถยกกระทะได้ นอกจากนี้ก็มีการฝึกกับเชฟชาลี เป็นอาหารแนวไฟน์ไดนิ่ง และไปฝึกที่ร้านราดหน้ายอดผัก มาถึงตั้งแต่ตอนเปิดร้าน มาช่วยขายของ มาละลายพฤติกรรมหลายๆ อย่างออกไปเพื่อให้เข้าใจคาแรคเตอร์มากขึ้น แต่ละการฝึกไม่เหมือนกันเลย ทำให้สนุกมากๆค่ะ ตอนทำอาหารก็จะมีเจ็บตัวบ้าง เพราะเราทำอาหารเองจริงๆ ส่วนวันที่เป็นซีนหั่นเนื้อเอห้าก้อนใหญ่ๆ แม้เราจะเรียนหั่นมาก่อนแล้ว แต่ของจริงด้วยอุณหภูมิเนื้อ ด้วยระยะเวลาการถ่ายทำ ทำให้มันละลายไม่พอ เวลาหั่นเลยยากตรงต้องกดมีด ซีนนั้นตอนถ่ายทำออกแบบว่าจะไม่ร้องไห้ เพราะตัวละครเราแข็งแกร่งมาก แต่สุดท้ายน้ำตาไหลออกมาเอง เหมือนเป็นความมหัศจรรย์บางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างถ่ายทำค่ะ”

ปีเตอร์ นพชัย มีงานที่ต้องทำเพิ่มอีกอย่าง นอกจากฝึกฝนแล้ว นั่นก็คือเพิ่มน้ำหนักตัวให้ดูว่ามีรูปร่างเหมาะกับการเป็นเชฟ

“ตอนแรกที่เจอพี่โดม ผมรูปร่างผอมไปหน่อยสำหรับคาแรคเตอร์เชฟพอล ซึ่งอาชีพเชฟค่อนข้างต้องใช้แรงเลยต้องดูแล้วให้ความรู้สึกแข็งแรงกว่านี้ พี่โดมเลยขอให้เพิ่มน้ำหนัก ซึ่งทีมงานดูแลผมเป็นอย่างดีมาก มีการจัดอาหาร จัดการออกกำลังกาย จนสามารถเพิ่มน้ำหนักได้ประมาณ 8 กิโลครับ พอมาตอนเวิร์กชอปผมมีหลายความรู้สึกมาก มีความกังวลว่าเราจะทำได้ขนาดไหน ค่อนข้างตื่นเต้น ประหม่า แล้วก็กังวลเวลาที่ต้องเล่นฉากที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ช่วงแรกผมมือสั่นเลย ผมเลยกังวลเรื่องท่าทางด้วยว่าจะไม่เหมือนเชฟ เพราะสกิลการทำอาหารของผม จะเป็นแค่สำหรับทำอาหารกินเองครับ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยการฝึกและการมีเชฟจริงๆ อยู่ด้วย มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเราเป็นเชฟเหมือนกันและเหมือนเราเป็นหัวหน้าเชฟจริงๆ“

สำหรับ กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา ผู้รับบท โตน ผู้ที่ทำให้ออยและเชฟพอลได้รู้จักกัน กล่าวถึงประสบการณ์ในครัวของเขาว่า “ตอนแรกผมนึกว่าการทำอาหารจะไม่ยาก แต่พอได้มาเวิร์กชอปกลับพบว่า ยากทุกอย่าง เราต้องทำครัวจริง ต้องเสิร์ฟอาหารจริงๆ ยิ่งพอเป็นไฟน์ไดนิ่งก็จะมีความเนี้ยบ เราพลาดไม่ได้เลย ต้องเป็นมืออาชีพมากๆ ครับ”

พิสูจน์ว่าทั้งสามคนแสดงเป็นเชฟได้น่าเชื่อแค่ไหนและร่วมให้กำลังใจแก่ความทุ่มเทของพวกเขาได้ด้วยการรับชม “Hunger” ทางเน็ตฟลิกซ์ครับ

ที่มา: Netflix Thailand