วาไรตี้ได้ล้วงข้อมูลรายได้ของนักแสดงดังฮอลลีวูดจากโครงการหนังล่าสุด ทอม ครูส นำโด่งเหนือทุกคนที่รายได้กว่า 100 ล้านเหรียญ จาก “Top Gun: Maverick” ขณะที่ วาคีน ฟีนิกซ์ จะได้ค่าตัวจาก “Joker: Folie a Deux” ที่ 20 ล้านเหรียญ ทิ้งห่างจากค่าตัว 4.5 ล้านเหรียญ ที่เคยได้จากภาคแรก ส่วนค่ายหนังที่ใจป้ำที่สุดเคย Apple TV+ ที่ให้ค่าตัวแก่นักแสดงหลายคนในระดับ 30 ล้านเหรียญครับ

สาเหตุที่ครูสได้รายได้จาก “Top Gun: Maverick” มากในระดับนั้น มากกว่าข้อตกลงที่เขายอมรับเงินค่าตัวล่วงหน้าจากหนังในระดับต่ำกว่าปกติ แต่รับเงินเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายได้หนังแทน ซึ่งการที่หนังทำเงินทั่วโลกทะลุ 1.2 กันล้านเหรียญ ทำให้ครูสได้เงินในระดับ 100 ล้านเหรียญ รายได้นี้ยังไม่รวมที่จะได้หลังจากนี้เมื่อหนังลงสตรีมมิ่ง หรือจำหน่ายในระดับดิจิตอล ดีวีดี และบลูเรย์ต่างๆ

ในรายงานไม่ได้บอกว่า ครูสยอมรับค่าตัวที่จ่ายทันทีเท่าไหร่ แต่น่าจะพอๆ กับค่าตัว “Mission: Impossible – Dead Reckoning Part 1-2” ที่ได้ราว 12-14 ล้านเหรียญรวมกัน (แปลว่าภาคละ 6-7 ล้านเหรียญ) แต่จะรับเป็นเปอร์เซ็นต์รายได้ตั้งแต่เหรียญแรกแทน

นักแสดงที่ได้ค่าตัวรองลงมาก็คือ วิล สมิธ จากหนังเขย่าขวัญว่าด้วยการหลบหนีของทาส เรื่อง “Emancipation” ที่ได้ค่าตัวจาก Apple TV+ ราว 35 ล้านเหรียญ ค่ายสตรีมมิ่งนี้ยังจ่ายให้นักแสดงอีกหลายคนในระดับ 30 ล้านเหรียญ เป็นต้นว่า จ่ายให้ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ใน “Killers of the Flower Moon” และจ่ายให้ แบรด พิตต์ ในหนัง Formula One นอกจากนี้ยังจ่ายให้ ไรอัน เรย์โนลด์ กับ วิล เฟอร์เรล เท่ากัน ในหนัง “Spirited” ที่คนละ 20 ล้านเหรียญ

เน็ตฟลิกซ์เป็นอีกเจ้าที่จ่ายค่าตัวให้งามๆ ครับ โดยให้คริส เฮมส์เวิร์ธ 20 ล้าน สำหรับ “Extraction 2” และ มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ 10 ล้านเหรียญ สำหรับ “Enola Holmes” ภาคต่อ อีกค่ายที่ให้ค่าตัวในระดับนี้ก็คือโซนี โดยให้ ทอม ฮาร์ดี้ 20 ล้านเหรียญ สำหรับ “Venom 3” และให้ เดนเซล วอชิงตัน 20 ล้าน สำหรับ “The Equalizer 3”

นักแสดงที่ดูเหมือนได้ค่าตัวเพิ่มก็ได้แก่ วาคีน ฟีนิกซ์ ที่ได้จาก “Joker: Folie a Deux” ของวอร์เนอร์ฯ ราว 20 ล้านเหรียญ มากกว่าภาคแรกที่ได้ 4.5 ล้านเหรียญ และ ดเวย์น จอห์นสัน ที่ได้จาก “Black Adam” 22.5 ล้านเหรียญ แต่ยังไม่รวมรายได้ที่จะได้จากงานอำนวยการสร้าง

นักแสดงบางคนยังยอมรับค่าตัวต่ำกว่าปกติด้วย ซึ่งได้แก่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, เอมิลี บลันต์ และ แมต เดมอน ทั้งสามมักได้ค่าตัวจากหนังอยู่ที่ราว 10-20 ล้านเหรียญต่อเรื่อง แต่ยอมรับค่าตัวเพียงคนละ 4 ล้านเหรียญ จากบทสมทบใน “Oppenheimer” ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่นำแสดงโดยกิลเลียน เมอร์ฟี อาจด้วยเพราะการที่จะได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับโนแลนก็เป็นได้ และไม่แน่ว่าอาจมีการตกลงรับเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายได้หนังเหมือนทอม ครูส

ด้านล่างนี้คือตัวเลขรายได้ที่วาไรตี้สรุปมาครับ

ทอม ครูส จาก “Top Gun: Maverick” – $100 ล้าน (อย่างต่ำ)

วิล สมิธ จาก “Emancipation” – $35 ล้าน

ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ จาก “Killers of the Flower Moon” – $30 ล้าน

แบรด พิตต์ จากหนัง Formula One – $30 ล้าน

ดเวย์น จอห์นสัน จาก “Black Adam” – $22.5 ล้าน

วิล เฟอร์เรล จาก “Spirited” – $20 ล้าน

คริส เฮมส์เวิร์ธ จาก “Extraction 2” – $20 ล้าน

วิน ดีเซล จาก “Fast X” – $20 ล้าน

ทอม ฮาร์ดี้ จาก “Venom 3” – $20 ล้าน

วาคีน ฟีนิกซ์ จาก “Joker 2” – $20 ล้าน

ไรอัน เรย์โนลด์ จาก “Spirited” – $20 ล้าน

เดนเซล วอชิงตัน จาก “The Equalizer 3” – $20 ล้าน

เจสัน โมมัส จาก “Aquaman and the Lost Kingdom” – $15 ล้าน

เอ็ดดี้ เมอร์ฟี จาก “Beverly Hills Cop 4” – $15 ล้าน

คริส ไพน์ จาก ภาคต่อ “Star Trek” – $13 ล้าน

สตีฟ แคเรลล์ จาก “Minions: The Rise of Gru” – $12.5 ล้าน

ไรอัน กอสลิ่ง จาก “Barbie” – $12.5 ล้าน

มาร์โกต์ ร็อบบี้ จาก “Barbie” – $12.5 ล้าน

มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ จาก “Elona Holmes 2” – $10 ล้าน

ทิโมธี ชาลนเมต์ จาก “Wonka” – $9 ล้าน

แมต เดมอน จาก “Oppenheimer” – $4 ล้าน

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จาก “Oppenheimer” – $4 ล้าน

เอมิลี บลันต์ จาก “Oppenheimer” – $4 ล้าน

แดเนียล คาลูยา จาก “Nope” – $4 ล้าน

เจมี่ ลี เคอร์ตีส จาก “Halloween Ends” – $3.5 ล้าน

อันยา-เทย์เลอร์ จอย จาก “Furiosa” – 1.8 ล้าน

ที่มา: Variety

Published by JEDIYUTH

Movie subtitler who has an alter ego as movie blogger. Bangkok, Thailand ดูเรื่องทั้งหมดโดย JEDIYUTH