“Army of the Dead” และ “Cinderella” ทำคะแนนนำการโหวต Oscars Fan Favorite

เพื่อสร้างเรตติ้งจำนวนผู้ชมการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัลออสการ์ประจำปี 2022 และเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รู้สึกมีส่วนร่วมกับงานประกาศรางวัล ทางสถาบันศิลปะและวิทยาการด้านภาพยนตร์ ผู้จัดงานประกาศรางวัลได้จัดให้มีการโหวตสุดยอดหนังโปรดของแฟนหนังประจำปีขึ้นมา โดยให้แฟนหนังโหวตผ่านทางทวิตเตอร์ ด้วยแฮชแท็ก “#OscarsFanFavorite” กับ “#Sweepstakes” และโหวตผ่านเว็บไซต์ที่ออสการ์ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ หนังที่ได้รับการโหวตสูงที่สุดจะได้รับการประกาศชื่อบนเวทีการประกาศรางวัลในเช้าวันที่ 28 มีนาคมนี้ ตามเวลาของบ้านเรา ยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ว่าหนังเรื่องนั้นจะได้ตุ๊กตาทอง หรือจะมีรางวัลพิเศษที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะกลับบ้านไปด้วยรึเปล่าครับ แต่หนังเรื่องนั้นจะได้รับการประกาศศักดาว่าเป็นหนังปี 2021 ที่แฟนหนังชอบที่สุดของปีบนเวทีแน่ๆ
การโหวตดังกล่าวได้สิ้นสุดไปแล้วในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม บริษัทวิเคราะห์ด้านโซเชียลมีเดียชื่อ Diesel Labs ได้เอาข้อมูลบนทวิตเตอร์มาวิเคราะห์เพื่อหาหนังที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับรางวัล โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นมีการโหวตจนถึงวันพุธที่ 2 มีนาคม ก่อนการปิดโหวตหนึ่งวัน
ข้อมูลดังกล่าวไม่รวมการโหวตวันสุดท้ายและไม่รวมการโหวตผ่านทางเว็บไซต์ของออสการ์ครับ แต่น่าจะสะท้อนได้ดีว่าหนังเรื่องนี้ไหนบ้างที่มีคะแนนนำอยู่ และมีโอกาสที่หนังเหล่านี้น่าจะเป็นหนังที่ได้รางวัลครับ
ในรายงานบอกว่าว่า “Army of the Dead” ของผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์ เป็นหนังที่นำมาอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยหนังเพลง “Cinderella” ของโซนี ที่ฉายทางแอมะซอน ไพรม์ หนังนำแสดงโดย กามิลา กาเบโย
หนังที่เข้ามาอยู่ในอันดับ 3 ก็คือ “Spider-Man: No Way Home” ซึ่งเป็นหนังที่ถูกแซวกันว่า รางวัลนี้มีเพื่อหนังเรื่องนี้ที่ทำรายได้มากที่สุดของปี และเป็นหนังที่แฟนๆ ชอบกันมาก มีคำวิจารณ์ดีมาก มาร์เวลกับโซนีพยายามดันให้หนังได้ชิงออสการ์ แต่ก็ได้ชิงเพียงรางวัลเทคนิคพิเศษ
อันดับสี่เป็นของ “Minamata” หนังชีวประวัติทของยูจีน สมิธ ที่นำแสดงโดยจอห์นนี่ เดปป์ และอันดับห้า “Tick, Tick…Boom!” หนังเพลงทางเน็ตฟลิกซ์ของผู้กำกับลิน-มานูเอล มิแรนดา ซึ่งนำแสดงโดยแอนดรูว์ กราฟีลด์ ครับ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือหนัง “Justice League” ของสไนเดอร์ที่ฉายทาง HBO Max ติดเข้ามาอยู่ในโผอันดับต้นๆ ด้วย โดยอยู่ในอันดับ 6 เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ผ่านคุณสมบัติของออสการ์
ที่มา: Business Insider