ดูเหมือนว่ามนตร์ขลังของการชมหนังในโรงภาพยนตร์ยังอยู่ครับ แม้ว่าโรงหนังจะยังต้องรักษามาตรการด้านสุขภาพด้วยการจำกัดที่นั่ง และแม้ว่าหนังบางเรื่องออกฉายในระบบออนไลน์ หรือหลุดออกมาให้ดูเถื่อนบ้างแล้ว แต่รายได้หนังในไทยก็ถือว่ายังพอใช้ได้ โดยเฉพาะหนังใหญ่ๆ หนึ่งในหนังที่ทำรายได้เป็นที่น่าพอใจของผู้จัดจำหน่ายก็คือ “Fast and Furious 9” ที่ทำเงินทะลุการฉายในบ้านเรากว่า 80 ล้านบาทไปแล้ว
ยูไอพี ผู้จัดจำหน่ายหนังที่มีชื่อไทยว่า “เร็ว…ทะลุนรก 9” นี้ ได้บอกว่าหลังจากที่หนังเข้าฉาย 7 วัน ตั้งแต่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา หนังได้ทำเงินเกิน 80 ล้านบาทแล้ว “ซึ่งนับเป็นรายได้ทั่วประเทศที่สูงสุดของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในช่วงการเปิดโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา”
คุณปัณณทัต พรหมสุภา ผู้จัดการทั่วไปของยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด ให้ความเห็นว่า “Fast & Furious 9 เป็นภาพยนตร์มหาชนที่มีผู้ชมชาวไทยรอชมอยู่ทั่วประเทศ แม้ว่าจะออกฉายในโรงภาพยนตร์หลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว และมีบริการพรีเมี่ยมวิดีโอออนดีมานต์ รวมถึงมีการวางจำหน่ายดีวีดีในต่างประเทศแล้ว แต่ฟาสต์ก็ยังเป็นหนังที่แฟน ๆ ต้องรอดูในโรงภาพยนตร์ เพราะให้อรรถรสทั้งภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบ และมอบความสนุกให้กับผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ โดยเฉพาะหนังพากย์ไทยที่เราได้ทีมพากย์มืออาชีพ ที่ทำให้หนังทั้งสนุกและมันส์อย่างเต็มที่ โดยล่าสุดผลการสำรวจพบว่า รายได้จากหนังพากย์ไทยมีสัดส่วนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และได้รับการสนับสนุนจากแฟนฟาสต์ในต่างจังหวัดอย่างเกินความคาดหมาย”
นอกจากนี้ทางยูไอพียังได้ขอบคุณแฟนหนังที่ยังกลับมาดูหนังอีกครั้ง หลังจากที่โรงหนังปิดในช่วงที่โควิด-19 ระบาดถึง 5 เดือนด้วยครับ “ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับธุรกิจโรงภาพยนตร์ว่า ยังเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของความบันเทิงสำหรับคนไทย” คุณปัณณทัตกล่าว
นอกจาก “Fast and Furious 9” แล้ว ทางยูไอพียังมีหนังเข้าฉายก่อนหน้านี้อีกอย่าง “No Time to Die” ที่ทำเงินทั่วประเทศทะลุ 55 ล้านบาทไปแล้ว หลังจากฉายตั้งแต่ 7 ตุลาคม และ “A Quiet Place 2” ที่ทำเงินจากฉายเฉพาะในต่างจังหวัดและปริมณฑลได้มากกว่า 15 ล้านบาท ส่วนหนังที่รอคิวฉายในช่วงพฤศจิกายนถึงธันวาคมก็คือ “Halloween Kills”, “Last Night in Soho”, “Paw Patrol: The Movie”, “The Boss Baby: Family Business”, “The Addams Family 2” และ “Sing 2”
ที่มา: UIP
