Skip to content

ทิโมธี ชาลาเมต์ ร้องไห้เป็นชั่วโมงหลังจากดู “Interstellar” แล้วรู้ว่ามีบทน้อยกว่าที่คิด

ตอนที่รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของสมาคมนิกจารณ์ภาพยนตร์นิวยอร์กเมื่อปี 2017 ทิโมธี ชาลาเมต์ ขึ้นรับรางวัลโดยกล่าวถึง “The Dark Knight” ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ว่าเป็นหนึ่งในหนังโปรดของเขา และยกย่องฮีธ เลดเจอร์ ผู้สวมบทโจ๊กเกอร์ว่าเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่สุดในการให้เขาอยากเป็นนักแสดง เมื่อเขาได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับโนแลนใน “Interstellar” ก็น่าจะทำให้เขาตื่นเต้นอย่างที่สุด เขาได้รับบทเป็นทอม คูเปอร์ ลูกชายของแมทธิว แมคคอนนาเฮย์ แต่เมื่อได้ดูหนังแล้ว กลายเป็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ในหัวครับ

ในรายการ “Actors on Actors” ของวาไรตี้ ที่ให้นักแสดงมาสัมภาษณ์กันเอง และถูกอัปโหลดลงบนยูทูบเมื่อปลายปี 2018 ชาลาเมต์ได้จับคู่กับเอ็มมา สโตน เขาเป็นตัวเก็งเข้าชิงออสการ์จาก “Beautiful Boy” ในปีนั้น ส่วนสโตนเป็นตัวเก็งเข้าชิงจาก “The Favourite” ทั้งคู่คุยกันถึงการดูหนังที่ตัวเองเล่น เพราะนักแสดงบางคนไม่กล้าดู ชาลาเมต์เล่าว่าถ้าเป็นหนังที่เขาชอบ เขาดู เขาไปดู “Interstellar” ถึง 12 รอบเลย เพราะเขาชอบหนังมาก

จากนั้น (ตรงราวนาทีที่ 7.16 ในคลิปด้านล่าง) เขาก็เล่าถึงการได้ดูครั้งแรกที่ลินคอล์นสแควร์ขณะไปเดินสายประชาสัมพันธ์หนังร่วมกับโนแลน, แอน แฮทธาเวย์ และ จอห์น ลิธโกว์ เขารู้สึกเหมือน “ถูกต้ม” เขากลับมาบ้านแล้วร้องไห้เป็นชั่วโมง เพราะบทของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่ในหัวของเขาคิดขณะที่เดินสายโปรโมตหนัง

ชาลาเมต์นั้นมีบทไม่มาก บททอมส่วนใหญ่ในหนังจะเป็นภาคผู้ใหญ่ที่เล่นโดยเคซีย์ แอฟเฟล็ค เขาบอกสโตนว่าเขาตื่นเต้นมากระหว่างที่ถ่ายทำ ตอนที่มีโอกาสได้แสดงฉากอารมณ์แบบเต็มๆ ซึ่งเป็นฉากที่ตัวละครของเขาอัดเทปส่งไปให้พ่อขณะที่เดินทางในอวกาศ ปรากฏว่าฉากดังกล่าวถูกตัดออกไปจากหนัง เพราะโนแลนกำกับให้ฉากดังกล่าวเป็นตัวละครของแมคคอนนาเฮย์กำลังดูวิดีโอของลูกๆ แล้วภาพซูมไปที่ใบหน้าสะเทือนใจของแมคคอนนาเฮย์แทน ซึ่งกลายเป็นช็อตหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดใน “Interstellar”

แน่นอนว่าชาลาเมต์ไม่ได้โกรธเคืองโนแลนที่ตัดบทของเขาออก เขายกย่องฉากโคลสอัพหน้าแมคคอนนาเฮย์เป็นหนึ่งในฉากที่โดดเด่นมากของหนัง เขายอมรับด้วยว่ามันสมเหตุผลที่ต้องตัดแบบนั้น เพียงแต่เขาก็รู้สึกผิดหวังในฐานะนักแสดงรุ่นเยาว์

ชาลาเมต์กับสโตนยังคุยกันถึงหนังใหญ่ของสตูดิโอที่พวกเขาไปทดสอบบทแล้วอดได้กันด้วย สโตนบอกว่าของเธอคือ “Alice in Wonderland” ของทิม เบอร์ตัน ขณะที่ชาลาเมต์ก็บอกว่าเสียดายบท “Spider-Man” และ “Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children” ของเบอร์ตัน

แต่บางที บทที่นักแสดงจะแจ้งเกิดก็อาจไม่ใช่บทในหนังใหญ่ของค่ายยักษ์เสมอไป เพราะชาลาเมต์ก็ประสบความสำเร็จผ่านคำพูดปากต่อปากจากหนังอินดี้ได้ เช่น “Call Me by Your Name” และ “Lady Bird

“นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผมไม่เป็นคนประชดเหน็บแนม และช่วยให้เห็นภาพของภูมิทัศน์ที่เราอยู่ในตอนนี้ ถ้าสตูดิโอควบคุมอะไรๆ ได้มากกว่าเมื่อก่อน ผู้คนในตอนนี้ย่อมอยากได้กระจกส่องสิ่งที่พวกเขาเห็น ผู้คนอยากเห็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้สึกว่ามีเงาของฮอลลีวู้ดแฝงอยู่ หรือผมอาจคิดแบบนั้นเอง และผู้คนอยากเห็นเรื่องราวที่พวกเขารู้สึกจริง”

หลังจากที่แจ้งเกิดในหนังอินดี้แล้ว ชาลาเมต์ก็ได้กลับสู่หนังฟอร์มใหญ่ของค่ายยักษ์อีกครั้งด้วย “Dune” ที่คราวนี้เขากลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องด้วย มีกำหนดฉายธันวาคมนี้ครับ

ที่มา: indiewire

 

Leave a Reply

%d bloggers like this: