คริสโตเฟอร์ โนแลน เขียนจดหมายเชิญชวนผู้ชมสนับสนุนโรงภาพยนตร์เมื่อกลับมาเปิดอีกครั้ง
ถ้าคุณเป็นแฟนหนัง หรือนักดูหนัง คงไม่ต้องย้ำก็รู้ว่าว่าโรงหนังและภาพยนตร์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ทำให้โรงหนังเกือบทุกประเทศต้องปิดทำการ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับคนหนึ่งที่ขั้นชื่อว่ารักและให้การสนับสนุนการชมภาพยนตร์ในแบบดั้งเดิม นั่นก็คือชมในโรงภาพยนตร์จึงได้เขียนจดหมายและตีพิมพ์ลงใน The Washington Post เชิญชวนให้ผู้ชมให้กลับมาดูหนังในโรงอีกครั้ง ในวันที่โรงหนังได้เปิดทำการใหม่ครับ
ในท่อนหนึ่งแรกๆ ของจดหมาย โนแลนได้เตือนผู้อ่านถึงภาพยนตร์ว่า “เมื่อผู้คนคิดถึงภาพยนตร์ ภาพแรกในหัวจะนึกถึงดารา ค่ายหนัง และความหรูหราฟู่ฟ่า แต่ธุรกิจภาพยนตร์นั้นเกี่ยวข้องกับทุกคน ตั้งแต่ผู้คนที่ทำงานในห้องจำหน่ายตั๋ว คนฉายหนัง คนฉีกตั๋ว คนรับจองตั๋ว คนขายโฆษณา ไปจนถึงทำความสะอาดห้องน้ำในโรงหนังท้องถิ่น”
ขณะที่ฝ่ายรัฐสภากำลังหาแนวทางช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โนแลนอยากให้ผู้คนได้เห็นว่าอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ “เป็นส่วนที่จำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสังคม มันเป็นสถานที่ที่พบปะสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน มีคนทำงานที่คอยให้บริการความบันเทิงแก่ผู้คนที่มาสนุกสานในยามค่ำคืนกับญาติสนิทมิตรสหาย ในฐานะคนทำหนัง งานของผมคงไม่มีวันสมบูรณ์ได้หากปราศจากคนทำงานเหล่านี้ และผู้ชมที่พวกเขาให้การต้อนรับ”
ในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เราอาจได้เห็นว่ามีบางสิ่งในชีวิตที่สำคัญกว่าการเข้าไปดูหนังในโรงหนัง “แต่เมื่อคุณได้คิดถึงสิ่งที่โรงหนังมอบให้คุณ ซึ่งคุณอาจคิดว่ามันอาจไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่เมื่อวิฤติกาลนี้ผ่านไป ความจำเป็นของการที่มนุษย์ได้มามีกิจกรรมร่วมกัน ความจำเป็นของการได้ใช้ชีวิต ได้รัก ได้หัวเราะ และร้องไห้ด้วยกัน จะมีพลังแรงกล้ากว่าที่เคยมี”
โรงภาพยนตร์มากมายได้ดับไฟมืดสนิท และคงจะเป็นอยู่เช่นนั้นไปอีกสักระยะ แต่ภาพยนตร์ต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นตรงที่ไม่เคยสูญสิ้นคุณค่า การสูญเสียระยะสั้นนี้จะได้รับการกู้คืนกลับมา เพราะ “เมื่อวิฤติกาลนี้ผ่านไป ความจำเป็นของการที่มนุษย์ได้มามีกิจกรรมร่วมกัน ความจำเป็นของการได้ใช้ชีวิต ได้รัก ได้หัวเราะ และร้องไห้ด้วยกัน จะมีพลังแรงกล้ากว่าที่เคยมี”
จากความต้องการที่ที่ถูกคุมขังนั้น รวมกับหนังใหม่ๆ ที่มีแววน่าสนใจ จะสามารถช่วยผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างเม็ดเงินนับพันล้านให้เศรษฐกิจระดับชาติได้ ซึ่งโนแลนบอกว่าเราต้องช่วยเพราะไม่เพียงติดค้างแก่ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้เท่านั้น “เราติดค้างตัวเราเองด้วย เราต้องการสิ่งที่ภาพยนตร์จะให้เราได้”
โนแลนทิ้งท้ายว่า “บางที คุณอาจเป็นเหมือนผม คุณนึกว่าคุณเข้าไปดูหนังเพียงเพื่อต้องการระบบเสียงรอบทิศทาง ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ป๊อปคอร์น หรือดาราหนัง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เราไปที่นั่นเพื่อกันและกัน”
จดหมายของโนแลน ทำให้นึกถึงบทกวีที่ผมเจอวันก่อนครับ ที่ชวนให้กลับมาคิดว่าบางทีหากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านไป เราอาจเห็นคุณค่าและได้เห็นความสุขจากบางสิ่งบางอย่างในแต่ละวันที่เรามองข้ามมันไปเวลาที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วิกฤติ การได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว การออกไปกินข้าวนอกบ้าน การออกไปดูหนังที่มีคนดูเต็มโรง การได้พูดคุยกันหลังดูหนังจบ การได้สัมผัสชิดใกล้ การคุยกับเพื่อนบ้าน การได้สูดหายใจเต็มปอดนอกบ้าน
ที่มา: The Worshington Post
Exelicor!!