No Time to Die อาจสูญเสียเงินราว 30-50 ล้านเหรียญ จากการเลื่อนฉาย

การที่โคโรนาไวรัสระบาดในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ภาพยนตร์ เพราะผู้ชมไม่กล้าเข้าโรงหนัง หรือในบางประเทศก็ปิดโรงหนังไปเลย เอ็มจีเอ็ม ผู้สร้างหนัง 007 No Time to Die จึงได้ตัดสินใจเลื่อนฉายหนังไปก่อนถึง 7 เดือน หรือเลื่อนจากเมษายนไปเป็นพฤศจิกายนเพื่อรอช่วงที่ตลาดหนังอาจสดใสกว่า แต่การทำเช่นนั้นก็ใช่ว่าไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายครับ เพราะได้ทุ่มงบการตลาดไปแล้วพอสมควร

รายงานจากเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ บอกว่าเอ็มจีเอ็มอาจต้องยอมสูญเงินไปราว 30-50 ล้านเหรียญ จากการเลื่อนฉายหนัง No Time to Die ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายที่แดเนียล เครก มารับบทเป็นเจมส์ บอนด์ ซึ่งส่วนหนึ่งคืองบค่าฉายหนังโฆษณาในช่วงการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลที่ทุ่มไปถึง 4.5 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนที่แล้ว ยังดีว่าบริษัทยังไม่ได้ทุ่มงบโหมประชาสัมพันธ์หนังอย่างเต็มอัตรา ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หนังใหญ่ในระดับนี้มักใช้งบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญ

การตัดสินใจในนาทีสุดท้ายเพื่อเลื่อนฉายหนังออกไปมาจากการที่การประเมินว่ารายได้สุดท้ายหลังจากหนังหมดรอบแล้ว หากยังคงยืนยันฉายในกำหนดเดิม อาจน้อยกว่าที่หนังควรได้ถึงราว 30% หรือราว 300 ล้านเหรียญ

เมื่อหนังใช้ทุนสร้างถึงราว 250 ล้านเหรียญ กว่าจะเท่าทุนได้ก็ต้องทำเงินถึงราว 600-700 ล้านเหรียญ การที่หนังอาจขาดรายได้ถึงราว 300 ล้านเหรียญ อาจกระทบต่อผลกำไรตรงนี้

ตอนที่ Spectre ออกฉายนั้น หนังทำเงินทั่วโลกราว 880.7 ล้านเหรียญ รายได้ 10% ของหนังมาจากตลาดในจีน และอีกราว 15% มาจากสหราชอาณาจักรที่เป็นบ้านของหนังชุดนี้ พูดง่ายๆ ก็คือยอมเสีย 30-50 ล้านเหรียญ จากการเลื่อนฉายหนัง ยังดีกว่าอาจต้องเสียถึงราว 300 ล้านเหรียญ จากการที่ยังคงกำหนดฉายเดิมไว้

แดเนียล เครก ได้เดินสายประชาสัมพันธ์หนังบ้างแล้ว ส่วนหนึ่งคือการไปทำหน้าที่พิธีกร “Saturday Night Live” ซึ่งเครกอยู่ระหว่างการซ้อมการแสดงรายการตอนที่มีข่าวว่าจะเลื่อนฉาย ทำให้ไม่สามารถเลื่อนคิวออกรายการได้ เครกจึงต้องออกรายการตามแผน

ส่วนหนึ่งของการออกรายการก็คือร่วมแสดงละครตลกสดๆ ที่เป็นละครล้อเลียน โดยมีตอนหนึ่งล้อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับวงการทีวีหากโคโรนาไวรัสระบาดรุนแรงในสหรัฐด้วย ซึ่งสามารถชมได้ที่ด้านล่างนี้

 

One comment

Leave a Reply