เจ.เจ. เอบรามส์ พูดถึงการกล้าพาหนัง The Rise of Skywalker ออกจากความคุ้นเคยเดิม

การกลับมากำกับ Star Wars: The Rise of Skywalker ของเจ.เจ. เอบรามส์ น่าจะถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ในทีแรก เพราะเดิมทีแล้ว ลูคัสฟิล์มวางตัวคอลิน เทรโวร์โรว์ เอาไว้ หน้าที่ของเขาเพียงแค่เปิดไตรภาคด้วย The Force Awakens เท่านั้น แต่การกลับมาทำหน้าที่ในครั้งนี้ เขามาด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปครับ ตามที่ให้สัมภาษณ์แก่ Total Film

ในภาคนี้ อย่างน้อยแล้ว ผมยอมให้ตัวเองทำตามแนวทางที่ผมมักทำอะไรๆ นั่นก็คือมีอิสระมากขึ้น” เอบรามส์ขยายความว่า “ในภาค 7 ผมคล้ายกับทำตามแนวทางความรู้สึกในหัวว่า Star Wars ควรเป็นยังไง มันคือการค้นหาภาษาทางภาพ เช่นถ่ายทำนอกโรงถ่าย และการใช้วัสดุจริงในการทำเทคนิคให้มากที่สุด และเราก็ยังทำแบบนั้นอยู่ในภาค 9 แต่ผมยังพบว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะกล้าทำเท่าตอนที่ทำภาค 7 ไหม

ฟังดูแล้วเหมือนรับลูกต่อจากไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับของ The Last Jedi เลย ที่เพิ่มความสดใหม่ลงไปในจักรวาลสตาร์วอร์ส “ไรอันช่วยเตือนผมว่าทำไมเราถึงทำหนังพวกนี้ นั่นก็คืออย่าทำสิ่งที่เราเคยเห็นมาก่อน ผมไม่ได้จะบอกว่าผมรู้สึกขาดอิสระหรือถูกจำกัดในการทำภาค 7 แต่ผมพบว่าตัวเองอยากทำสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นในแนวเดียวกับไตรภาคดั้งเดิมมากกว่า ส่วนภาค 9 ผมพบว่าตัวเองรู้สึกว่าผมจะออกไปไกลจากเดิมอีกนิด

ไปไกลจากเดิมแค่ไหน เราต้องรอดูกันเมื่อหนังออกฉายในเดือนธันวาคมครับ

 

3 comments

  1. ต้องยอมรับในความอินดี้และกล้าที่จะแตกต่างของ Rian Johnson ที่สร้างความแปลกใหม่และแนวทางใหม่ให้กับ Star Wars มันมีความเป็น Star Wars ในแบบที่แฟนๆและคนดูคุ้นเคย แต่ก็มีแนวทางที่แตกต่างออกไป มันมีความสดใหม่ที่คนดูบางกลุ่มอยากจะเห็นใหนหนังภาคต่อมากกว่าทีจะเห็นแนวทางที่พวกเขาเคยเห็นมาแล้ว แต่ก็จะมีคนดูบางกลุ่มที่ยังอยากให้แนวทางของหนังเป็นไปในแบบที่พวกเค้าคุ้นเคย ซีน Throne Room ที่เปลี่ยนมุมมองของด้านสว่างและด้านมืด จากห้ำหั่นกันกลายมาเป็นประสานกัน จะกลายเป็นหนึ่งซีนในตำนานที่แฟนๆและนักดูหนังจะต้องจดจำและถูกพูดถึงไปอีกนาน

Leave a Reply to Knight of RenCancel reply