โซนีได้ออกแถลงการและส่งตรงไปยังเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ ครับ โดยโทษดิสนีย์ว่าเป็นฝ่ายตัดบทการร่วมงานกันของสองค่ายยักษ์ใหญ่ และบอกว่า “ผิดหวัง” ที่เควิน ไฟกี ประธานของมาร์เวล สตูดิโอ ไม่อาจกลับมาเป็นหัวหอกหลักให้หนังชุดนี้ได้อีก อันเป็นผลมาจากการตัดสินใจของดิสนีย์
“ข่าวส่วนใหญ่ในวันนี้ของ Spider-Man นั้น รายงานผิดพลาดเกี่ยวกับการพูดคุยกันเร็วๆ นี้ว่าด้วยความเกี่ยวข้องของเควิน ไฟกี ในหนังชุดนี้ เรารู้สึกผิดหวัง แต่เคารพในการตัดสินใจของดิสนีย์ที่จะไม่ให้เขามาทำหน้าที่ต่อในฐานะผู้อำนวยการสร้างหลักให้หนัง Spider-Man ฉบับคนแสดงภาคต่อไปของเรา”
โซนีเสริมอีกว่าเควิน ไฟกี ซึ่งสร้างจักรวาลหนังมาร์เวลที่ดิสนีย์ครอบครองอยู่ อาจไม่มีเวลาพอมาดูแลหนัง Spider-Man แล้วด้วย เพราะได้ตัวละคร X-Men กับ Fantastic Four จาก 21st Century Fox เข้ามาดูแลเพิ่ม
“เราหวังว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่ก็เข้าใจว่าดิสนีย์ได้มอบความรับผิดชอบใหม่ให้แก่เขามากมายอย่างมาก รวมถึงการได้ลิขสิทธิ์ใหม่ของมาร์เวลเพิ่มเข้ามา อาจทำให้ไม่มีเวลามาดูแลลิขสิทธิ์ที่พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของ เควินเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก และเราซาบซึ้งใจที่เขาได้ช่วยและนำทางให้ และซาบซึ้งที่เขาช่วยปูทางให้เรา ซึ่งเราจะดำเนินไปข้างหน้าต่อ”
แถลงการมาหลังจากรายงานสดๆ ร้อนๆ ว่าดิสนีย์กับโซนีเจรจาข้อตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับอนาคตของ Spider-Man รายงานบอกว่าอลัน ฮอร์น ของดิสนีย์ กับ ทิม ร็อธแมน ตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับการร่วมทุนสร้าง ซึ่งดิสนีย์ต้องการแบ่งกันสร้างและแบ่งกำไรกัน 50-50
ที่มา: THR
(=_=)
ข่าวเรื่องการเจรจาที่ออกมา ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก เป็นเรื่องการต่อรองกันล้วนๆ
แต่สำหรับเรา คนดู ผู้บริโภค ซวยครับ
หวังว่าจะกลับมาเจรจาใหม่กับได้โดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของคนดูล้วนๆเลย
ผมมองว่าถ้าเป็นจบแบบนี้ไปเลยจริง Sony น่าจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์มากกว่า เพราะถ้า Spider-man ไม่อยู่จริง Marvel ก็แค่ไม่พูดถึงไปเฉยๆเลยก็ได้ เพราะมันจบไปในตัวของมันแล้ว แต่ Sony จะจัดการกับปมที่ทาง Marvel ทิ้งไว้มากมายยังไงต่างหาก และจะตัดตัวละครของ Marvel ออหยังไงไม่ให้ดูแปลก
ผมคิดเหมือนกันเลยครับ ตอนจบ far from home ตั้งโจทย์ไว้สูงมาก แล้วถ้า sony ทำต่อเอง มันจะทำได้อย่างที่เราหวังมั้ย แถมยังต้องตัดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ mcu ออกไปอีก สไปดี้ต้องมานั่งทำชุดเลียนแบบไอร่อนสไปดี้เองละมั้ง 😆😆😆
[…] […]
เคยคิดเล่นๆ อยู่ ตอน far from home ได้ 1,000 ล้าน ส่วนตัวคิดว่า โซนี โหดไปที่ตั้งเงื่อนไขตั้งแต่แรกว่า far from home ต้องทำรายได้ถึง 1000 ล้าน ไม่งั้นไม่ไปต่อ เลยตั้งข้อสังเกตเล่นๆ ว่า อ้าว! แล้วงี้ถ้าภาค 3 โซนีขยับเพดานตั้งเงื่อนไขรายได้ขึ้นไปอีกละ ดิสนีย์จะทำไง?
ดิสนีย์ไม่รอให้ถึงวันนั้น ดิสนีย์ไม่ยอมให้โซนี มามีอิทธิพลเหนือตัวเองอยู่นาน ในเมื่อดิสนีย์เองก็มี power มากขนาดนั้น ถ้าการเจรจาจะล่มมันก็สมเหตุสมผล เพราะผลประโยชน์มหาศาลขนาดนั้น โซนีไม่ยอมแบ่งให้ดิสนีย์ง่ายๆ อยู่แล้ว และคงมีการเจรจา รอบ 2 รอบ 3 ตามมา
แต่เชื่อว่าสุดท้ายเขาจะหาทางออกที่สมประโยชน์กันจนได้ และ spider-man ก็ยังอยู่ในจักรวาล marvel ต่อไป
ส่วนตัววิเคราะห์ว่า ดิสนีย์ต้องการจะบอกโซนีให้รู้จักตำแหน่งของตัวเองมากกว่า ว่าอยู่จุดไหนกับดิสนีย์ อย่าเหิมเกริมหลงระเริงให้มากนัก การที่ marvel อยากได้ spider-man ก็ไม่ได้หมายความว่า โซนีจะใช้ข้อได้เปรียบนี้มาเบ่ง ตั้งเงื่อนไขบ้าบอ แล้วดิสนีย์ต้องยอมอย่างเดียว ดิสนีย์เลยทำบางอย่างเพื่อบอกว่า “คุณคิดผิด”
ดิสนีย์ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอยู่แล้ว อย่างเก่งก็แค่ spider-man ไม่ได้อยู่ในจักรวาล แค่ฮีโร่ตัวเดียว ยังมีในค่ายอีกเป็นกองทัพ โซนีต่างหากที่ต้องกลับไปคิดทบทวนใหม่หลายๆ รอบ ว่าใครกันแน่ที่จับ spider-man ใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ ถึง โซนีจะอ้างว่าก็ยังมี venom กับ into the spider verse แต่ถ้าคิดในแง่ของความแข็งแกร่งของแบรนด์และผลประโยชน์ที่จะได้จากการมีส่วนร่วมกับจักรวาล marvel 2 แฟรนไซต์ที่โซนีมีนี้ เทียบกันไม่ติดเลย
คุณต้องลองมองในมุมของโซนี่บ้างนะ ว่าดีลนี้มีผลได้ผลเสียอย่างไรกับบริษัท เนื่องจากเขาทำธุรกิจไม่ได้ทำการกุศล
1. หนังสไปเดอร์แมนภาคหลักทุกเรื่อง โซนี่ ออกทุน 100% ในขณะที่ ดิสนีส์เพียงแค่โปรดิวให้ และรับ 5%
2. หนังทุกเรื่องของดิสนิส์ จักรวาล MCU ที่สไปเดอร์แมนไปปรากฎ โซนี่ ได้รับส่วนแบ่ง 0%
3. ลิขสิทธิ์ของเล่นทุกอย่าง และ คอมมิคที่เกี่ยวข้องกับ สไปเดอร์แมน ดิสนีส์ได้รับ 100% เต็ม การได้รับ 0%
4. โซนี่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
ลองพิจารณาดูว่า เป็นคุณจะรับดีลไหม สมมุติคุณเป็นเจ้าของและลงทุนกับมัน คุณจะมอบเงินรายได้ครึ่งนึงของคุณ ให้กับลูกจ้างที่เราจ้างมาทำงานให้ หรือเปล่า?
ดีลสัญญาฉบับใหม่ที่ดิสนีย์เสนอให้โซนี่คือในหนังสไปเดอร์แมนภาคหลักจะขอร่วมทุนสร้าง 50/50 แล้วก็แบ่งรายได้ 50/50 ไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้ให้โซนี่ออกเองทั้งหมดเหมือนสัญญาฉบับเดิม
ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าโซนี่ไม่มีทางเลือกครับ
2. หนังทุกเรื่องของดิสนิส์ จักรวาล MCU ที่สไปเดอร์แมนไปปรากฎ โซนี่ ได้รับส่วนแบ่ง 0%
เนื่องจากผมหาข้อมูลในส่วนนี้ไม่เจอ เลยสงสัยข้อนี้ครับว่า มันเป็นขนาดนั้นเลยจริงหรือ???
ถ้าใช่ โซนี่ ได้อะไรจากการอนุญาตให้ใช้สไปเดอร์แมนล่ะครับ??
หรือว่ารอรับผลประโยชน์ในข้อ
1. หนังสไปเดอร์แมนภาคหลักทุกเรื่อง โซนี่ ออกทุน 100% ในขณะที่ ดิสนีส์เพียงแค่โปรดิวให้ และรับ 5%
เพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว???
ผมเชื่อว่า deal นี้ยังไม่จบจริงๆ
แล้วถ้าแยกทางกันจริงๆ ตัวละครอย่าง นิค ฟิวรี่ หรือแฮปปี้ จะยังสามารถมาอยู่ในหนังเวอร์ชั่นของโซนี่ได้ไม๊อ่ะ รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ในจักรวาล MCU โซนี่จะเอาไปอ้างถึงในเนื้อเรื่องได้ไม๊ล่ะ ไหนจะชุดสไปดี้ที่โทนี่เป็นคนสร้างให้อีกล่ะ ถ้าไม่ได้ก็บอกเลยว่าโซนี่เจ๊งแน่นอน เพราะทุกความสำเร็จถูกถอดออกหมดแล้ว โดยเฉพาะอานิสงส์จาก Iron man
ข่าวนี้น่าจะเป็นการเรียก feedback จากแฟน ๆ หนังมากกว่า ถ้าคนเข้าข้าง Disney เยอะ ทาง Sony ก็คงจะหวั่น ๆ แต่โดยรวม ๆ แล้ว แฟน ๆ ไม่ค่อยไว้ใจให้ Sony ทำหนัง Spiderman มากเท่าไหร่ เพราะดูจากประวัติที่ผ่านมามันไม่เข้าตาเลยจริง ๆ
เป็น conspiracy theory ของสองยักษ์ ล้วนๆ ครับ แยกงานกันไปทำก่อน เพราะ ไฟกี คนเดียว ล้นครับ… ประสาทเสีย เอา สไปเดอร์ แมน ไป ต่อยอด วีนอม ที่ฝั่งโน้น ก่อน อีก 3 ปี ค่อย กลับ mcu ,ที่สำคัญ mcu ต้องการขายตัวละคร ตัวใหม่ๆ mcu ไม่อยากผู้ชมไป โฟกัส กับ สไปเดอร์ แมน
สรุป – แยกงานใหญ่ ไปทำกันก่อน เพราะยังงัย ก็ วินๆ ทััััััั้งคู่…
อธิบายใหม่
ในดีลเก่านั้น โซนี่เป็นผู้ออกทุน 100% ให้ดิสนีส์โปดิวส์ แลกกับรายได้ 5%
1. ประโยชน์ที่โซนี่ได้
1.1 หนังทำกำไร
1.2 ได้โปรโมทตัวละคร ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์
1.3 ต่อยอดจักรวาลหนัง Spider-verse
1.4 ต่อยอดเกม Marvel Spider-Man ซึ่งยอดขายล่าสุด 13 ล้านชุด
1.5 โซนี่มีลิขสิทธ์แค่หนังสไปเดอร์แมน
2.ประโยชน์ที่ดิสนีส์ได้
2.1 สามารถนำตัวละครสไปเดอร์แมน ไปใช่ใน MCU ได้ เป็นการแลกเปลี่ยน
2.2 ดิสนีส์ได้รับเต็ม 100% จากสินค้าสไปเดอร์แมน ซึ่งทำกำไรเกิน 1,000 ล้าน ทุกปี
2.3 ดิสนีส์มีลิขสิทธิ์สไปเดอร์แมนทุกอย่างที่ไม่ใช่หนัง ตั้งแต่ เกม การ์ตูน ของเล่น ฯลฯ
สัญญาใหม่ คือ ต้องการออกทุนสร้าง 50% เพื่อขอรับส่วนแบ่ง 50% ในสิทธิ์ตัวละครสไปเดอร์แมน(ของโซนี่)
ในขณะที่กำไรหลักของโซนี่คือ หนังอย่างเดียว
ทีนี้ลองเทียบดูระหว่าง
The Amazing Spider-Man 2 ที่เป็นหนังสไปเดอร์แมน ที่ทำเงินได้น้อยสุดของโซนี่ ได้ 709 ล้านเหรียญ
Spider-Man ภาคล่าสุด ที่เป็นหนังทำเงินสุงสุดตลอดกาลของโซนี่โค้นแชมป์เก่าอย่าง Skyfall ได้ 1,110 ล้านเหรียญ
หากโซนี่ยอมให้สัญญานี้กับข้องตกลง 50% โซนี่จะได้รับเงินจากสไปเดอร์แมนภาคล่าสุด เพียง 500 ล้านเหรียญ กลายเป็นว่าหนังที่ทำเงินแย่ที่สุดยังได้กำไรมากกว่าตั้ง 200 ล้านเหรียญ
ในขณะที่ ดิสนีส์ได้ลิขสิทธิ์ทุกทาง ทั้งจากยอดขายสินค้า กว่า 1000 ล้านเหรียญ ทุกปี
เป็นคุณจะเลือกแบบไหน
ลิงค์อธิบายดีลเก่าที่ดิสนีส์สามารถใช้ตัวละครสไปเดอร์แมนใน MCU เมื่อไรก็ได้ แลกกับต้องโปรดิวส์หนังให้โซนี่
https://www.indiewire.com/2019/08/spider-man-leaves-mcu-disney-sony-deal-falls-through-1202167478/amp/
https://screenrant.com/spiderman-marvel-studios-sony-exit-explained/amp/
ยอดรายได้หนังสไปเดอร์แมนทุกภาค
https://www.boxofficemojo.com/franchises/chart/?id=spiderman.htm
ยอดขายสินค้าสไปเดอร์แมนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ร่วม MCU ในปี 2015
https://comicbook.com/amp/2015/03/11/spider-man-merchandise-sales-picked-up-when-he-joined-marvel-cin/
ผมว่าประเด็นมันอยู่ที่ข้อ 1.5 โซนี่มีลิขสิทธ์แค่หนังสไปเดอร์แมน แล้วขอบเขตของสัญญามันก็อยู่แค่ตรงนี้
ซึ่งการที่ดิสนีย์ได้ประโยชน์จากส่วนอื่นเช่นสินค้า เกมส์ หรือหนังสือการ์ตูน จะว่าเกี่ยวมันก็เกี่ยวอยู่
แต่โซนี่จะมาอ้างว่าดิสนีย์ได้ประโยชน์ตรงส่วนนี้มากอยู่แล้วก็คงไม่ถูกนัก
โซนี่ต้องกลับไปทำการบ้านมาใหม่ ในเมื่อข้อเสนอของดิสนีย์ ทางโซนี่ไม่เอา ก็ต้องหาจุดร่วมกันใหม่
เพราะดูโซนี่จะมีทางเลือกไม่มากนัก หรือแทบไม่มีเลย
ผมว่าโซนี่เดินเกมส์พลาดตั้งแต่แรกที่เอาสไปดี้เข้ามาใน MCU เพราะมันเชื่อมโยงกับจักรวาล MCU ไปเยอะมาก
การที่จะเอาออกไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว กลับกันทางดิสนีย์ที่จะเขี่ยสไปดี้ออกไป 1 ตัว จักรวาล MCU ก็ยังแข็งแรงอยู่ดี