ข้ามไปยังเนื้อหา

Midsommar – พิธีกรรมตัดใจ

(เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญของหนังประมาณหนึ่ง)

 

การที่พูดหญิงคนหนึ่งอย่างแดนี่ (ฟลอเรนซ์ พิว) ซึ่งค่อนข้าง self-esteem ต่ำ แถมครอบครัวก็มีปัญหาสุขภาพจิต เวลาที่เธอรักกับใครและคบกันมาถึง 4 ปี เธอก็อาจเหมือนเอาชีวิตและความสุขไปผูกไว้กับเขา เมื่อมีเรื่องทะเลาะกัน เขาก็มักเป็นฝ่ายพูดหรือทำให้เธอรู้สึกผิด หรือรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นเพราะความแย่ของตัวเธอเอง จนเธออาจไม่ยอมมองเห็นด้านแย่ในตัวของเขาเลย การที่ผู้หญิงอย่างแดนี่จะกล้ามองหรือยอมมองเห็นเนื้อแท้จริงๆ ของผู้ชายคนนั้นอย่างคริสเตียน (แจ็ค เรย์เนอร์) ว่าในคำพูดจาที่เหมือนรักและใส่ใจเธอนั้น ก็เหมือนขนมหวานที่สอดไส้ยาสั่งยาเมา การที่จะมองออกว่าเขาก็แค่ผู้ชายห่วยๆ คนหนึ่งที่ปลิ้นปล้อน เจ้าเล่ห์ ปั่นหัวเก่ง อ่อนแอ และไม่ซื่อสัตย์ แล้วตัดเขาออกไปจากชีวิตได้ เหมือนที่เพื่อนที่เธอโทรไปปรึกษาว่า “ถือซะว่ากำจัดคนไม่ดีออกไปจากชีวิต” ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็อาจเหมือนการผ่านพิธีกรรมที่ทรมาน ผะอืดผะอม กระอักกระอ่วน เหมือนที่เธอเองเผชิญระหว่างเทศกาลวันกลางฤดูร้อนในหมู่บ้านห่างไกลและปิดตัวเองของสวีเดน และหนังเรื่องนี้ก็พยายามใช้วิธีการต่างๆ มากมาย ทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งองค์ประกอบศิลป์ และทั้งเหตุการณ์ในเรื่อง ให้เราเข้าใจความรู้สึกที่แดนี่เผชิญ ผมมองว่านี่คือความต้องการหลักที่ผู้กำกับแอริ แอสเตอร์ ต้องการจะสื่อถึงผู้ชมด้วยหนัง Midsommar ครับ จึงเป็นไปได้ที่ผู้ชมจะรู้สึกประสาทแดก หรืออยากอาเจียน หรือปวดหัว หรือทรมาน ขณะที่ชมหนังเรื่องนี้ เพราะนั่นคือความตั้งใจของผู้กำกับ อาจมีผู้ชมบางคนที่เคยผ่านสิ่งที่แดนี่ผ่านแล้วขื่นขมหรือปลาบปลื้มในการหลุดพ้นของแดนี่ และก็อาจมีผู้ชมบางคนที่รู้สึกว่า แล้วไง ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเลิกกับแฟน เรื่องธรรมดามาก

แล้วขณะที่หนังเล่าเรื่องราวรักขมของแดนนี่ที่ไม่ต่างจากความรู้สึกที่ต้องผ่านพิธีกรรมอันทรมานแล้ว พิธีกรรมในหนังเองก็ชวนให้นึกถึงเรื่องสั้น The Lottery ของ Shirley Jackson ที่ว่าด้วยการปฏิบัติตาม “ขนบ ธรรมเนียม ประเพณี” ของมนุษย์ เพราะเราจะเห็นอยู่บ่อยๆ ว่ามนุษย์ยังคงสืบสาน “ขนบ ธรรมเนียม ประเพณี” หลายอย่างจนถึงทุกวันนี้ เพียงเพราะว่ามันเป็นประเพณีที่ต้องสืบทอด โดยไม่เคยพิจารณาก่อนว่ามันเพี้ยน หรือน่าขำ หรือโหดร้าย หรือล้าสมัยแล้วแค่ไหน ประเพณีหลายอย่างในหนังเองก็มีอยู่จริงในพื้นที่สแกนดิเนเวียร์โบราณ ซึ่งชุมชนในหนังที่อยู่กันอย่างปิดตัวและมีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมยังคงยึดมั่นสืบทอด และหนังก็ได้ขยายให้เห็นถึงอันตรายกับความน่ากลัวของการที่เราทำตามประเพณีเพราะมันเป็นประเพณี

ผู้ชมหลายคนดูหนังเรื่องนี้ก็มีบางครั้งที่หัวเราะหรือตกใจให้ประเพณีแปลกประหลาดและน่ากลัวที่เห็นในหนัง เพราะผู้ชมมองด้วยสายตาของคนนอกเหมือนกลุ่มตัวละครหนุ่มสาวจากเมืองใหญ่ ในทางกลับกัน ถ้าผู้ชมมองด้วยสายตาของคนในหมู่บ้าน ผู้ชมก็จะเข้าใจถึงการปฏิบัติตามประเพณีอย่างเคร่งครัด จริงจัง บูชา เมื่อใดที่คนนอกมาขบขัน ทำอะไรขัด หรือลบหลู่ เราก็จะบอกคนนอกว่าโปรดเคารพประเพณีของเรา โปรดทำตามประเพณีของเรา อย่ามาดูหมิ่น มันเป็นวัฒนธรรมของเรา มันมีสิ่งที่เทียบเคียงได้จากเวลาที่เราไปดูประเพณีท้องถิ่นบางอย่างแล้วเราอาจเห็นว่าน่าขันหรือทารุณ เช่นประเพณีแห่นางแมว แต่คนท้องถิ่นก็จะมองว่ามันเป็นความเชื่อของพวกเขา อย่าได้ลบหลู่ แล้วเราก็ได้เห็นให้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของชะตากรรมของชาวหมู่บ้านที่ยึดมั่นในประเพณีโดยไม่พิจารณามัน และได้เห็นชะตากรรมของคนนอกที่หลงเข้าไปร่วมประเพณี มันมีความตลกตลกร้ายมากๆ ในแฝงอยู่ในประเด็นนี้ด้วย เพราะการที่เราขำหรือเหวอกับประเพณีที่เห็นในหนัง อาจมองว่าตัวละครเหล่านั้นบ้าบอ ไร้เหตุผล ความรู้สึกแบบนั้นก็อาจเกิดขึ้นได้กับคนนอกที่มองประเพณีหรือวัฒนธรรมบางอย่างของเรา

Midsommar ยังมีด้านสยองขวัญด้วย เหมือนหนังสยองขวัญแบบ Texas Chainsaw หรือ Friday the 13th ที่ตัวละครเข้าไปติดกับอยู่ในสถานที่ของฆาตกร และถูกฆาตกรฆ่าทีละคน เราได้เห็นบางองค์ประกอบที่คล้ายกันอยู่ เช่นตัวละครที่เสพยาหรือบ้าเซ็กซ์ก็จะต้องตกเป็นเหยื่อคนแรกๆ ตัวละครที่ก่อเรื่องไม่ดีก็ต้องกลายเป็นเหยื่อด้วย แล้วฆาตกรหรือในกลุ่มฆาตกรก็มักเป็นผู้ที่มีปัญหาทางสมอง มีใบหน้าไม่สมประกอบ เราจะเห็นความคล้ายกันแบบนี้ในหนังแนวเชือดสยอง หรือ slasher อยู่ แทบไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ในแง่เนื้อเรื่องเลย

แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือวิธีการนำเสนอ ผู้กำกับแอริ แอสเตอร์ ใช้วิธีการที่แทบจะตรงกันข้ามกันกับหนังที่เคยทำมาแล้วทั้งหมด ผมคิดว่าผู้กำกับตั้งใจทดลองว่าในหนังสยองขวัญแบบเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่หากเล่าด้วยวิธีการที่แทบจะตรงกันข้ามกันเลย จะสร้างความสยองขวัญออกมาให้มีรสชาติยังไง นั่นก็คือไม่มีฆาตกรสวมหน้ากาก ไม่มีความมืด ไม่มีการฆ่าเหยื่อแบบโหดๆ เลือดกระฉูด ฆาตกรล้วนยิ้มแย้ม เป็นมิตร ท่าทางใจดี พูดจาไพเราะ ร้องรำทำเพลง สิ่งแวดล้อมก็สว่างสดใส เต็มไปด้วยสีขาวและดอกไม้ ฆาตกรในหนังเรื่องนี้ไม่ได้ถือมีดมาไล่ฆ่า ไม่ได้คุกคามแบบเจสันหรือไมเคิล ไมเยอร์ แต่เชื้อเชิญคุณไปสำเริงสำราญแล้วแอบฆ่าโดยไม่ให้รู้ตัว วิธีการแบบนี้จะยังทำให้คุณขนลุกได้หรือไม่ ซึ่งสำหรับผมแล้วอาจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นในทีแรก หรือขณะที่เรื่องราวดำเนินอยู่ อย่างมากสุดก็คงรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล หรือประหลาด แต่จะรู้สึกว่าน่ากลัวหรือขนลุกมากขึ้นเมื่อมองย้อนกลับไปครับ

ในหนังสยองขวัญแนว Slasher ฆาตกรแบบเจสันหรือไมเคิล ไมเยอร์ ไม่ได้รู้สึกผิดในการฆ่า อาจรู้สึกดีด้วยซ้ำ แต่รู้สึกดีเพียงเพราะได้ฆ่า ส่วนฆาตกรใน Midsommar ก็อาจไม่ได้รู้สึกผิดเช่นกัน และอาจรู้สึกดีเพราะเป็นการสืบสานประเพณี เหมือนชาวบ้านทั่วไปที่ล่าวาฬ ล่าโลมา ฆ่าวัวกระทิง เราได้เห็นพวกเขาสอนเด็กๆ ทำด้วยซ้ำ เด็กๆ ในเรื่องอาจได้หัดถลกหนังหรือคว้าเครื่องในยังไงให้ออกมาสวยงาม เหมือนที่ฮันนิบาล เล็คเตอร์ สามารถเฉือนสมองมนุษย์มากิน มันเป็นความสยองและน่ากลัวคนละแบบ แบบหนึ่งคือน่ากลัวจะๆ แต่อีกแบบซึ่งอยู่ในหนัง Midsommar คือความน่ากลัวและชวนขนลุกเมื่อได้มองเข้าไปในวิธีการคิดและพฤติกรรมเวลาฆ่าเหยื่อของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้มีท่าทางโรคจิต หรือมีรังสีอำมหิตอะไรเลย แต่แล้วก็ทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตหรือตัวชาแล้วจับฆ่าเหมือนพ่อค้าเนื้อที่เชือดสัตว์เลี้ยงเอาไปทำอาหารอย่างเป็นเรื่องปกติ

จะว่าไปแล้ว วิธีการฆ่าเหยื่อของฆาตกรด้วยวาจาที่ไพเราะ ท่าทางใจดี ยิ้มแย้ม และชวนให้ดูเป็นมิตร ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยดอกไม้และแสงแดด ก็อาจเหมือนสิ่งที่ผู้ชายอย่างคริสเตียนทำกับแดนี่เหมือนกัน

Midsommar

ชื่อไทย: เทศกาลสยองขวัญ

ผู้กำกับและเขียนบท: แอริ แอสเตอร์

นักแสดง: วิล พอลเตอร์, วิลเลียม แจ็คสัน ฮาร์เปอร์, ลิฟ มโยนส์ และ อิสซาเบล กริลล์

ความยาว: 2 ชั่วโมง 27 นาที

วันฉายในไทย: 15 สิงหาคม 2562

เรตอายุผู้ชม: ฉ.20

1 ความเห็น »

  1. เพื่อนผมบอกเป็นความบันเทิง
    แต่ผมบอกว่า มันเป็นความหดหู่

    เพราะความหดหู่ไม่เหมาะกับคนที่หดหู่อยู่แล้ว
    หรือผ่านวิกฤต มาก่อนหน้านั่น

    คนดูใช่ว่ามีวุฒิภาวะพอที่จะเข้าใจ
    และแยกแยะไปได้ทุกประเด็น

    คนที่คิดเยอะคิดมากไม่เหมาะจะดู_เดี๋ยวจะเยอะไม่หยุด
    คนที่ตลกบ้าๆบอๆ ตลกโปกฮา_เหมาะจะดู เพราะจะดูไปฮาไป
    ไม่ขบคิดนาน แถมอาจจะด่าให้คนรอบข้างได้ฮาอีก เพราะคนแบบนี้
    ไม่พาเรื่องเครียดเรื่องรกสมอง ใส่สมองนาน..

    ส่วนคนที่ดูหนังเอ็กซ์ อาจจะขอฉากเพิ่ม เพราะเซงเป็ดที่มันยังไม่สุด

    อ้อมีฉากที่สงสัยนิดนึง คนที่ใส่หน้ากากมนุษย์แล้วเดินเข้า มาด้านหลังในห้อง คัมภีร์ของกลุ่มลัทธินี้ ที่ตัวละครคนดำแอบไปถ่ายรูปในตอนกลางคืน
    แล้วเข้าใจผิดคิดว่า เพื่อนของตัวเอง
    หมอนี่เป็นใครกัน ตีหัวคนดำซะสลบเมือด สรุปกี่คนกันที่จัดการคนดำ
    ฉากนี่ไวไปนิด

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.