X-Men: Dark Phoenix ทำให้ดิสนีย์เสียเงินไป $170 ล้าน และมีแผนลดหนังโรงของฟ็อกซ์
แม้ว่าดิสนีย์จะเป็นค่ายหนังที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในปี 2019 นี้ และมีหนังที่อยู่ภายใต้สังกัดของตนทำเงินทั่วโลกในระดับพันล้านไปแล้วถึง 4 เรื่อง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีหนังที่ไม่ขาดทุน หรือทำให้เสียเงินไปแบบไม่ได้กำไรกลับมา ซึ่งในจำนวนนั้นคือหนังของฟ็อกซ์ที่ค่ายซื้อกิจการมา
บ็อบ ไอเกอร์ ประธานกรรมการผู้บริหารของดิสนีย์ได้เปิดเผยในที่ประชุมผู้ถือหุ้นในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทได้เสียเงินไปราว 170 ล้านเหรียญ ในไตรมาสล่าสุดเพราะหนังที่ไม่ทำเงินบางเรื่องที่รับสืบทอดมาจากการควบรวมกิจการของฟ็อกซ์ ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากผลประกอบการของหนัง X-Men ภาคสุดท้ายที่ฟ็อกซ์สร้าง หรือ Dark Phoenix
ไอเกอร์บอกว่า “ผลการดำเนินงานของค่ายฟ็อกซ์อยู่ต่ำกว่าที่เคยเป็นและต่ำกว่าที่เราคาดหวังให้เป็นตอนที่เราเข้าซื้อกิจการ” ไอเกอร์ยืนยันด้วยว่า อลัน ฮอร์น กับ อลัน เบิร์ก แมน ประธานของดิสนีย์ จะทำงานร่วมกับเอ็มมา วัตต์ ผู้บริหารของฟ็อกซ์ ในการ “รวบรวมและตัดลดจำนวนหนังที่จะออกฉายของฟ็อกซ์ เพื่อพุ่งความสนใจไปที่หนังซึ่งเราคาดหวังว่าควรจะออกมาจากค่ายนั้น”
ตีความจากคำพูดก็คือ จะมีการลดจำนวนหนังที่ฟ็อกซ์จะนำออกฉายโรงครับ ซึ่งหนังที่น่าจะรอดแน่ๆ ก็คือ Avatar ภาคต่อ, Kingsman ภาคต้นและภาคสาม, Death on the Nile และ Ford v. Ferrari ส่วนหนังที่ดิสนีย์อาจเห็นว่าเป็นภาระ ก็จะนำออกฉายทาง Hulu หรือ Disney+ แทนครับ
ที่มา: Indie Wire
ไม่ว่าจะเซฟโซน หรือกล้าทำอะไรใหม่ๆ ก็ล้วนแต่เจ็บตัวกันทั้งนั้นแฮะ