Schindler’ s List ฉบับบูรณะเข้าฉายแล้วสุดสัปดาห์นี้ และจะฉายเพียงสัปดาห์เดียว

ต้องแจ้งอีกรอบสำหรับผู้ที่อยากชม Schindler’ s List ฉบับบูรณะเป็นดิจิตอล 4K ครับ เพราะหนังได้เลื่อนจาก 17 มกราคม มาเข้าฉายสัปดาห์นี้แทน และจะฉายให้ชมเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น นี่เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ชมหนังอมตะเรื่องนี้ของสตีเวน สปีลเบิร์ก ในแบบจอใหญ่ๆ ฟังดนตรีประกอบแน่นๆ ครับ

ผมเพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เคยมีดีวีดีหรือวิดีโออยู่ไหนสักแห่ง แต่ไม่เคยนำมาเปิดดูเลย รู้สึกว่าอยากให้เป็นหนังที่ประสบการณ์การรับชมครั้งแรกควรเป็นโรงหนัง สิ่งที่รู้สึกก็คือนี่เป็นหนังที่คู่ควรคำว่าหนังอมตะโดยแท้จริง เชื่อว่าหากนำกลับมาฉายอีกใน 25 ปีข้างหน้า มันก็จะยังตราตรึง ทรงพลัง สะเทือนใจไม่เสื่อมคลาย ด้วยวิธีการเล่าของสปีลเบิร์กและแก่นที่ดีงามของหนัง จะยังสร้างมนตร์ขลังให้ผู้ชมทุกรุ่น หนังยาว 3 ชั่วโมง แต่ไม่รู้สึกเบื่อเลย สปีลเบิร์กเล่าเรื่องได้น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบด้วยวิธีการเล่าระดับเซียนด้วย

ผมได้คุยกับนักดูหนังรุ่นน้องซึ่งเคยชมสมัยเป็นม้วนวิดีโอ และพบว่าฉบับ 4K นี้ให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า ไม่เพียงในด้านคุณภาพของการบูรณะและการได้ชมในโรงเป็นครั้งแรก แม้เป็นหนังที่รู้เรื่องอยู่แล้วก็ยังประทับใจอยู่ แถมการที่เติบโตขึ้นก็มีมุมมองต่อเนื้อเรื่องในหนังได้ลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก เพราะตอนที่ชมครั้งแรกยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจบางเนื้อหา

หนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากงานเขียนของโธมัส เคนีลลีย์ โดยสตีเวน เซลเลียน ได้รางวัลออสการ์มาถึง 7 สาขา รวมถึงในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และทำให้สปีลเบิร์กได้รับรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับเป็นครั้งแรกด้วยครับ บอกเล่าเรื่องราวของการที่อ็อสคาร์ ชินด์เลอร์ ชายชาวออสเตรียผู้มั่งคั่ง เป็นสมาชิกพรรคนาซีและนักแสดงหาผลประโยชน์จากสงคราม ได้ช่วยเหลือชาวยิวร่วมหนึ่งพันคนให้รอดพ้นจากการถูกนำไปสังหารโหดที่ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ ด้วยการจ่ายสินบนย้ายชาวยิวเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในรายชื่อคนงานโรงงานของเขา

เลียม นีสัน เป็นผู้รับบทอ็อสคาร์ ชินด์เลอร์ ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายในหนังเรื่องนี้ด้วย (แต่พ่ายให้แก่ทอม แฮงก์ ที่ได้ชิงจาก Philadelphia ) สมทบด้วยเรล์ฟ ไฟนส์ ในบทเจ้าหน้าที่เอสเอสจอมโหดของนาซีที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบทบาทที่ดีที่สุดของเขา และไฟนส์ก็ได้ชิงออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบเช่นกัน (แต่พ่ายให้แก่ทอมมี่ ลี โจนส์ จาก The Fugitive)

หนังยังมีจอห์น วิลเลียมส์ มาทำดนตรีประกอบให้ ซึ่งวิลเลียมส์ก็ได้รางวัลออสการ์ตัวที่ห้าจากหนังเรื่องนี้ และยังเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของสปีลเบิร์กกับผู้กำกับภาพ จามุซ คามินสกี้ ซึ่งได้รางวัลออสการ์มาครองเช่นกัน และกลายเป็นผู้กำกับภาพเจ้าประจำของสปีลเบิร์กมาตลอด 25 ปี

 

3 comments

  1. ดูครั้งแรกนี่ บอกเลยหนังสุดยอดมาก แต่หดหู่มาก ยิ่งสร้างจากเรื่องจริง อินหนัก โคดเศร้าเลย

Leave a Reply to WiningZCancel reply