Site icon JEDIYUTH

10 หนังฮอลลีวู้ดขาดทุนประจำปี 2018 จนถึงตอนนี้

เหลืออีกเพียงเดือนเศษๆ ก็จะสิ้นปี เว็บไซต์ข่าวหนังของฮอลลีวู้ดก็มักมีการสรุปภาพรวมในปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าจะยังมีหนังออกฉายไม่ครบ แต่ก็พอสรุปได้ว่ามีหนังจำนวนหนึ่งของฮอลลีวู้ดที่ไม่โชคดีเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ ที่สร้างสถิติด้านรายได้กันเป็นว่าเล่น เพราะกลายเป็นหนังที่ทำเงินน่าผิดหวังครับ

เว็บไซต์ The Wrap ได้ทำการสรุป 10 หนังฮอลลีวู้ดที่ขาดทุนประจำปี 2018 ออกมา บางเรื่องก็เป็นหนังแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดของฮอลลีวู้ดด้วยซ้ำ และบางเรื่องก็เป็นหนังที่ได้คำวิจารณ์ด้านดีมากมาย แต่ไม่อาจดึงผู้ชมเข้าไปดูหนังได้

การสรุปที่ออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นการเรียงลำดับอะไรหรือไม่ แต่เหมือนไม่ได้มีการสรุปว่าน่าจะขาดทุนเท่าไหร่ เพียงแต่ได้นำรายได้กับทุนสร้างมาเทียบให้ดู บางเรื่องอาจทำเงินสูงกว่าทุนสร้าง แต่ก็อย่างที่เรารู้ว่าหนังต้องแบ่งรายได้อย่างต่ำ 50% ให้แก่โรงหนังครับ และยังไม่รวมงบด้านการตลาดด้วย ซึ่งทั้ง 10 เรื่องมีดังนี้

London Fields : ใช้ทุนสร้าง 8 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินทั่วโลกไปถึงล้าน ทำไปได้เพียง $295,435 เหรียญ หนังฉายรอบปฐมทัศน์โลกในเทศกาลหนังโตรอนโตเมื่อปี 2015 พร้อมคำวิจารณ์ที่ไม่ดี แต่ใช้เวลากว่าสามปีที่หนังจะได้ฉายเพราะมีการฟ้องร้องกันระหว่างแอมเบอร์ เฮิร์ด นักแสดงนำของเรื่องและผู้กำกับแมทธิว คัลเลน กับทีมผู้อำนวยการสร้าง หลังจากที่ตกลงกันได้ หนังก็ออกฉายในสหรัฐตุลาคมที่ผ่านมา และกลายเป็นหนังที่เปิดด้วยรายได้แย่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์บนตารางทำเงินของสหรัฐ

Nutcracker and the Four Realms : ทุนสร้าง $120 ล้าน แต่ทำเงินทั่วโลกไปในตอนนี้เพียง $117.5 ล้าน หนังเปิดตัวสัปดาห์แรกในสหรัฐไปแค่ $20 ล้าน กลายเป็นหนังที่เปิดตัวต่ำสุดของดิสนีย์นับตั้งแต่ The BFG ในปี 2016 หนังยังไม่หมดรอบฉาย แต่ดูแล้วก็น่าจะขาดทุนแน่ๆ เพราะฉายมาพักใหญ่แล้วและคำวิจารณ์ก็ไม่สู้ดี

Early Man : จากทุนสร้าง $50 ล้าน รายได้ทั่วโลกตอนนี้ทำไปเพียง $54 ล้านครับ แม้ว่าคำวิจารณ์อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ก็ตาม และสร้างจากทีมงานที่เชื่อถือได้อย่าง Aardman Studios ผู้สร้าง Wallace & Gromit แต่งานหนังสตอปโมชั่นในระยะหลังก็ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นที่สนใจของผู้ชม หนังทำเงินในสหรัฐไปเพียง 8.2 ล้านเหรียญ โดยมีสหราชอาณาจักร บ้านของผู้สร้าง เป็นประเทศเดียวที่หนังทำเงินเกิน 10 ล้านเหรียญ นั่นคือทำเงินไป 15 ล้านเหรียญครับ

Annihilation : ทุนสร้าง $40 ล้าน แต่ทำเงินทั่วโลกไป $43 ล้าน ทั้งที่ได้คำวิจารณ์ว่าเป็นหนังไซไฟที่มีเนื้อหาฉลาด มีทีมนักแสดงชั้นยอดรวมถึงนาตาลี พอร์ตแมน และเป็นผลงานกำกับของอเล็กซ์ การ์แลนด์ จาก Ex Machina โดยทำเงินในสหรัฐไปเพียง 32 ล้านเหรียญ และจากจีนอีก 10 ล้านเหรียญ พาราเมาท์ได้ขายลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายในส่วนอื่นของโลกแก่เน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเราไม่รู้ว่าขายไปเท่าไหร่ แต่นั่นอาจทำให้คุ้มทุนหรือเจ็บตัวน้อยลงก็ได้

The Darkest Minds : ยังคงเป็นหนังจากนิยายแฟนตาซีวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จได้แบบเดียวกับ The Twilight Saga, The Hunger Games และ The Maze Runner ครับ หนังใช้ทุนสร้าง $34 ล้าน แต่ทำเงินทั่วโลกไปเพียง $41 ล้าน ฟ็อกซ์เองก็ไม่ได้ทุ่มงบด้านการตลาดให้หนังมากด้วย อาจเพราะพอเดาได้ว่าอาจไม่ช่วยให้รายได้หนังดีขึ้นเท่าไหร่ครับ

The Hurricane Heist : ทุนสร้าง $35 ล้าน ทำเงินทั่วโลกไปเพียง $31 ล้าน หนังมีแนวคิดสุดโต่งแบบหนังเกรดบีว่าด้วยพี่น้องที่ต้องขัดขวางการปล้นเงินท่ามกลางหายนะพายุเเฮอริเคนระดับ 5 ที่กำลังเข้าถล่มเมือง ผู้ชมอาจเบื่อเนื้อหาที่เคยใช้ได้ดีในยุค 90 แบบนี้แล้ว

Death Wish : ทุนสร้าง $30 ล้าน ทำเงินทั่วโลก $48 ล้าน หนังล้างแค้นที่ได้บรูซ วิลลิส มาสวมบทที่เคยสร้างความโด่งดังในชาร์ลส์ บรอนสัน อาจเป็นหนังที่ชาวอเมริกันไม่มีอารมณ์อยากชมเพราะมีเหตุร้ายยิงกันตามเมืองต่างๆ อยู่บ่อยมากในปีที่ผ่านมาครับ หนังย้ายวันฉายจากพฤศจิกายน 2017 ในช่วงที่มีเหตุกราดยิงในลาสเวกัส มาฉายมีนาคม 2018 แต่ก็บังเอิญมีเหตุยิงกันในโรงเรียนมัธยมปาร์คแลนด์ก่อนหน้านั้น 3 สัปดาห์พอดี

Gotti: ทุนสร้าง $10 ล้าน ทำเงินทั่วโลกไปเพียง $4.1 ล้าน หนังชีวประวัติเจ้าพ่อมาเฟียที่มีจอห์น ทราโวลตา นำแสดง หนังได้คำวิจารณ์เป็นเอกฉันท์จากนักวิจารณ์ว่าเป็นหนังแย่ และจะว่าไปแล้ว หนังชีวประวัติมาเฟียแนวนี้ก็ดูเหมือนไม่สดใหม่สำหรับผู้ชมแล้ว

The Happytime Murders : ทุนสร้าง $40 ล้าน ทำเงินทั่วโลก $27 ล้าน เป็นผลงานการแสดงในหนังที่ได้คำวิจารณ์ติดลบของเมลิสซา แมคคาร์ธี ที่กำลังเป็นที่คาดการณ์ว่าอาจได้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง Can You Ever Forgive Me? ซึ่งได้คำวิจารณ์ดีมากของเธอ นักแสดงคนหนึ่งสามารถมีทั้งหนังดีและแย่ออกฉายในปีเดียวกันได้

Solo: A Star Wars Story : ทุนสร้าง 250 ล้าน ทำเงินทั่วโลกไป $392 ล้าน ไม่ถึง 500 ล้านที่เป็นจุดคุ้มทุนโดยไม่รวมค่าการตลาดด้วย กลายเป็นหนัง Star Wars เรื่องแรกที่ขาดทุนหรือทำเงินไม่ถึง 400 ล้านเหรียญ ก็ว่าได้ และทำให้ดิสนีย์กับลูคัสฟิล์มต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ในการสร้างหนังด้วยเนื้อหาของจักรวาลนี้ หนังมีแววว่าจะแป้กนับตั้งแต่ปัญหาระหว่างการถ่ายทำที่ฟิล ลอร์ด กับ คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ถอนตัวจากการรับหน้าที่ผู้กำกับกลางครัน และต้องทุ่มงบถ่ายทำใหม่โดยผู้กำกับรอน ฮาวเวิร์ด


Exit mobile version