โฮมสเตย์ – ความเห็นหลังชม

โฮมสเตย์” ของภาคภูมิ วงศ์ภูมิ น่าจะเป็นหนังที่งานสร้างเฉียบที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาของจีดีเอช ฉากเปิดเรื่อง 15 นาทีแรกที่มาพร้อมเทคนิคพิเศษที่ชวนให้เรานึกถึง Inception กับ Doctor Strange ให้เราว้าวแล้วว้าวอีก รวมไปถึงฉากอื่นๆ ตามมาหลังจากนั้นก็มีงานกำกับภาพที่สวย คมกริบ มีการเล่นกับแสงสีที่เพลินตามากราวกับมองดอกไม้ไฟ

หนังยังมีทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะนักแสดงนำ เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ที่ได้บทที่ท้าทายอีกครั้ง บางขณะชวนให้นึกถึง SOS skate ซึม ซ่า แต่มาพร้อมมุมที่สดใสกว่า และก็ทำออกมาได้ดี สู่ขวัญ บูลกุล เป็นอีกคนที่ได้บทซึ่งได้แสดงศักยภาพการแสดงและมีฉากปล่อยของให้เราน้ำตานองตาม ขณะที่เฌอปราง อารีย์กุล ก็ถือว่าเกินคาดสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ บทบาทที่ได้รับชวนให้เห็นภาพของเฌอปรางในสารคดี Girls Don’t Cry ซ้อนทับอยู่ลางๆ

แนวคิดตั้งต้นของหนังก็สร้างสรรค์ดีด้วย สารจากหนังก็ประเทืองสติปัญญาว่าด้วยการให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตและรู้จักมองแง่งามของชีวิต แทนที่จะมองได้ที่มืดอย่างเดียว ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวด้วย ยิ่งไม่ยากเกินที่จะมีความรู้สึกร่วมด้วย แต่น่าเสียดายที่แม้มีองค์ประกอบที่ดีงามตามที่ร่ายมายาวขนาดนั้น การเล่าเรื่องของหนังทำให้เรารู้สึกร่วมได้น้อย มันเหมือนเวลาเรามองที่แต่ละฉาก มันเป็นฉากที่ดีๆ ทั้งนั้น แต่เมื่อนำฉากเหล่านั้นมาร้อยต่อกันแล้วไม่อาจส่งให้กราฟของอารมณ์ไต่ไปในระดับที่ควรไปถึงได้เลย หรืออาจเป็นที่การถ่ายทำน้ำหนักของเนื้อเรื่องว่าควรเน้นประเด็นไหนกว่าประเด็นไหนก็ได้ ฉากช่วงสุดท้ายควรเป็นฉากที่ทำให้เราร้องไห้เละเทะได้เลย แต่ทำได้แค่น้ำตาซึมๆ

ด้านล่างนี้เป็นความเห็นจากทวิตเตอร์เพิ่มเติมของนักดูหนังและคนในวงการจากรอบปฐมทัศน์ครับ

https://twitter.com/1616Goodjob/status/1055132913774157824

https://twitter.com/Nangdee/status/1055131800400351232

https://twitter.com/ALLNEWAOD/status/1055135396919537664

5 comments

  1. ชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงาม
    การมีชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
    ใช่กูเกลียดมึง กูเกลียดตัวเอง
    สารพัดเรื่องเลวร้ายมรสุมชีวิต
    เกิดมาต้องปะทะอารมณ์
    ร้ายๆ จากคนรอบข้าง
    แต่ถ้ามีพื้นฐานจิตใจที่ดี
    ก็มองให้ขาดว่าเรา
    อาศัยร่างกายเขาอยู่ Homestay
    ชีวิตมันจะเร็วร้ายแค่ไหน
    จะเกลียดตัวเองจะเกลียด
    คนรอบข้างมากแค่ไหน
    สุดท้ายการมีชีวิตมันก็ไม่เคย
    โรยด้วยกลีบกุหลาบ
    ชีวิตมันมีหนามกุหลาบ
    แจมด้วยเสมอ
    สิ่งที่ทำได้ก็แค่ต้อง “ตั้งสติ”
    คิดให้ได้ ยอมรับสิ่งที่มันเกิด
    ..
    ..
    ทุกเรื่อง
    ..
    ..
    แล้วเดินต่อไป
    ..
    ..
    ถ้าจิตคนๆนั้น
    คิดไม่ได้
    ตีโจทย์ไม่แตก
    มันก็ฆ่าตัวตาย.

  2. หนังค่ายนี้รับอิทธิพลหนังอื่นๆ
    มาพยายามทำในแนวตัวเอง
    จนบ่อยครั้งก็ทำได้แค่สอบผ่าน
    เพราะไม่สามารถสร้างความลึกซึ้ง
    หรือกลมกล่อมได้เท่างานต้นฉบับที่รับอิทธิพลมา

    ปีนี้ทำ น้องพี่ที่รัก ด้วยค.ดราม่าคอมมิดี้ญี่ปุ่น
    แล้วหลุดหนักมาก ไม่ลงตัว ไม่แหวกแนว
    จังหวะไม่ได้เลย

    งานนี้หนักกว่านั้นในแง่ที่หยิบมาเต็มๆ
    ในโครงเรื่อง แก่นสาร แล้วก็มาตายที่
    สูตรฟีลกู้ดอันไม่ค่อยจะลึกของค่ายนี้
    เล่าแก่นใน อารมณ์ ของงานแบบญี่่ปุ่น
    ที่พื้นฐานของชาติเค้าลึก นิ่ง อึ้ง น้อยแต่แรง
    ได้ถนัดกว่าหนังไทย (ที่ถนัดโฉ่งฉ่าง ไม่เน้นลึก)

    ผลที่ได้เลยอย่างที่หลายคนบอก
    เล่าเรื่องได้ แต่เล่าอารมณ์ไม่ออกเท่าที่ควร

    แล้วยิ่งพล็อตมันไม่มีอะไรให้เล่นชั้นเชิงเยอะขนาดนั้น
    แต่อารมณ์ที่มันควรจะล้น นิ่ง กลับแบนเกินไป
    มันเลยก้แค่สอบผ่านเหมือนปกติ แต่ด้วยคะแนนที่ต่ำหน่อย
    (ส่วน น้องพี่ที่รัก นั่นให้ตกเลย ประดักประเดิกจนน่าเกลียด)

Leave a Reply