ดิสนีย์มีแผนลดขนาดฟ็อกซ์ จะโละหนังที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของค่าย

ในเมื่อดิสนีย์ได้กิจการหนังของฟ็อกซ์มาอยู่ในเครือแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการควบรวมกิจกการเรียบร้อยในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ มีรายงานจาก The Wall Street Journal ออกมาที่พอสรุปได้ดังนี้ครับ

อย่างแรกก็คือดิสนีย์จะจัดจำหน่ายหนังทุกเรื่องที่ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หรืออยู่ระหว่างการถ่ายทำตอนที่การเข้าซื้อกิจการเรียบร้อย แต่สำหรับหนังที่อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการหรือยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำเลย ชะตากรรมยังไม่แน่ชัดในตอนนี้ และก็ยังไม่แน่ชัดว่าดิสนีย์จะคงชื่อแบรนด์ของฟ็อกซ์เอาไว้ด้วยไหม หรือจัดจำหน่ายในชื่อของดิสนีย์เอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือจะมีการเลิกจ้างพนักงานนับพันในปีหน้าเพื่อเป็นการลดขนาดบริษัทลง

หนังที่ดิสนีย์จะรับเข้าไปอยู่ในการจัดจำหน่ายของตนอย่างแน่นอนก็คือภาคต่อ Avatar กับ X-Men หรือ Fantastic Four ด้วย และน่าจะรวมถึง Call of the Wind ของแฮริสัน ฟอร์ด ที่มีภาพลักษณ์เป็นหนังครอบครัวด้วย แต่หนังที่ไม่ตรงกับภาพความเป็นมิตรแก่ครอบครัว ดิสนีย์อาจจะไม่จัดจำหน่ายให้ ซึ่งได้แก่ Ford vs Ferrari ของเจมส์ แมนโกลด์ อาจต้องหาที่อยู่ใหม่ รวมถึงหนังสยองขวัญจากนิยายเยาวชนอีก 3 เรื่อง

หนังภาคต่อ Death on the Nile ของเคนเนธ บรานาห์ กับหนังเขย่าขวัญ The Woman in the Window ที่จะออกฉายปลายปีหน้า ก็อาจได้อยู่ในการจัดจำหน่ายของดิสนีย์เหมือนกันครับ

คาดว่าบริษัทลูกของฟ็อกซ์อย่าง Fox Searchlight และ FOX 2000 ที่สร้างหนังนอกกระแสก็จะได้ไปต่อหลังจากการควบรวมกิจการ

ที่มา: Digital Spy

4 comments

  1. เป็นปกติอยู่แล้วครับ บริษัทที่ถูก Take Over มาจะต้องถูกจัดระเบียบใหม่ให้ lean ขึ้น ส่วนหนังรุนแรงทั้งหลายที่ทำเงินมากๆ ก็ต้องมาลุ้นอีกทีว่าจะเก็บไว้ หรือจะทำยังไงกับมัน

  2. ชาว X คงถูกรีเซ็ทใหม่อีกรอบซินะ เสียดาย เอเลี่ยน ชะตากรรม ยังไงต่อนี่ ส่วน Fox Searchlight กับ FOX 2000 ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าจะไปได้ยาวไหม อันนี้ก็น่าเสียดาย

  3. ภาพประกอบนะหนังรุนแรงเลยนะนั่น Deadpool แต่ไม่เห็นแก่เงินเหรอ ทุนสร้าง 58ล้าน รายได้ 783ล้านเหรียญเชียวนะ ตลกร้ายทำไม่ยากหรอกแค่ไม่เห็นเลือดนองฆ่าเฉือนกันชัดๆทิ่มแทงทะลุเสียดแทงจนเนื้อปลิ้นแหวะเวอะหวะ แต่ถ้าระเบิดเป็นผงเป็นฝุ่นกระจุยยังพอได้ สลายแบบเบาๆนิ่มๆ เขียนไปก็ขำไป ….บ้าไปแล้ว

Leave a Reply