เน็ตฟลิกซ์ซื้อลิขสิทธิ์ฉาย Mowgli ทั่วโลก จากวอร์เนอร์ บราเธอร์ส

หลังจากซื้อลิขสิทธิ์ The Cloverfield Particle กับ Annihilation มาฉายแทนค่ายใหญ่ของฮอลลีวู้ด เน็ตฟลิกซ์ก็ได้ Mowgli มาอยู่ในมือ ซึ่งเป็นผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของแอนดี้ เซอร์กีส ที่นำแสดงโดยโรฮัน จันทร์ จาก The Hundred-Foot Journey ในบทเมาคลี และสมทบด้วยเบเนดิคต์ คัมเบอร์แบตช์, เคต แบลนเชตต์, คริสเตียน เบล, นาโอมิ แฮริส และ ฟรีดา พินโต โดยเน็ตฟลิกซ์ได้ซื้อหนังเรื่องนี้มาจากวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เพื่อจัดจำหน่ายทั่วโลก

วอร์เนอร์ฯ วางกำหนดฉายไว้ตุลาคมปีนี้ และปล่อยตัวอย่างแรกออกมาแล้ว แต่หลังจากที่เน็ตฟลิกซ์ได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายไป หนังจะฉายในปี 2019 แทน โดยจะเป็นโปรแกรมหนังใหญ่ทุนมโหฬารของเน็ตฟลิกซ์อีกเรื่องที่เคียงคู่กับ Six Underground ของไมเคิล เบย์

เดิมที โครงการหนังสร้างมาไล่เลี่ยกันกับ The Jungle Book ของดิสนีย์ แต่เพราะใช้เทคนิคโมชั่นแคปเชอร์ทำให้หนังเสร็จช้ากว่า เมื่อ The Jungle Book ออกฉาย เซอร์กีสก็เลิกเร่งถ่ายทำหนัง และใช้เวลาถ่ายทำเพิ่มเติมและได้มีโอกาสปรับแต่งหนังมากขึ้น

เซอร์กีสยังรู้สึกโล่งใจที่เน็ตฟลิกซ์ได้หนังไปจัดจำหน่าย ตามที่เขาบอกในการให้สัมภาษณ์แก่เดดไลน์ครับ “ผมตื่นเต้นที่เน็ตฟลิกซ์ได้ Mowgli ไป ทำให้เราเลี่ยงกันถูกเปรียบเทียบกับหนังอีกเรื่องได้แล้ว และโล่งใจที่ไม่ต้องรู้สึกกดดันแบบนั้น ผมได้เห็นหนังฉบับ 3D แล้ว และมันพิเศษอย่างยิ่ง มีมุมมองที่แตกต่างจากฉบับ 2D มีสีที่สดและมีความลึกอย่างมาก เราจะมีการฉายโรงคู่กันไปด้วย

เซอร์กีสบอกอีกว่า “สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นที่สุดก็คือความคิดก้าวหน้าของเน็ตฟลิกซ์ในการนำเสนอหนังเรื่องนี้ และสาระจากหนัง พวกเขาเข้าใจว่านี่เป็นการเล่าเรื่องที่มีด้านมืดกว่า และไม่เหมาะที่จะฉายให้ทุกวัยได้ชม มันไม่ใช่หนังสำหรับเด็ก แม้ผมจะคิดว่าเด็กที่ 10 ขวบ หรือมากกว่าจะดูหนังเรื่องนี้ได้ก็ตาม

เน็ตฟลิกซ์คงฉายฉบับ 3D ของหนังให้ชมไม่ได้ จึงมีโอกาสที่ Mowgli จะได้ฉายโรงควบคู่กันไปด้วยแน่ๆ ซึ่งคงเข้าฉายแบบจำกัดโรงในสหรัฐ ส่วนในบ้านเราก็คงยากที่จะมีค่ายหนังไหนซื้อมาฉายเมื่อต้องฉายพร้อมกับเน็ตฟลิกซ์ครับ

ที่มา: Deadline

 

7 comments

  1. แสดงว่าหนัง น่าจะ คุณภาพย่ำแย่ จนต้อวปล่อยให้ เน็ตฟลิกซ์ รึเปล่าครับเนี่ย?

    แบบเคสเดียวกับ Cloverfield Paradox?

    • อาจเป็นกรณีเดียวกับ Annihilation ก็ได้ครับ หนังได้คำวิจารณ์ด้านดีมากๆ แต่ฉายโรงไปก็ไม่ทำเงิน ซึ่งก็ไม่ทำเงินจริงๆ

  2. WB กลัวขาดทุนครับ ก็เลยขายให้ Netflix ไป ซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ดูจากตัวอย่างหนังบวกความตั้งใจ หนังน่าจะออกมาดีนะครับ เพียงแต่มันจะถูกเปรียบเทียบแน่ๆ เพราะ Disney ทำออกมาได้ปังมาก แบบนี้ก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน win win

  3. WB คิดถูกแล้วล่ะ
    ถ้าหนังทำออกมาสนุกเฮฮา (ซึ่งไม่น่าใช่) ก็ถูกเปรียบเทียบกับของ Disney
    ถ้าทำออกมา Dark Drama ก็มีโอกาสขาดทุน
    ขายให้เน็ตฟลิกก็กำไรแน่นอน

Leave a Reply to mr robotCancel reply