Avengers: Infinity War ในความเห็นของคุณ

Avengers: Infinity War ได้เข้าฉายไปแล้วในบ้านเราตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาครับ ที่ถือเป็นบทสรุปของหนังจักรวาลมาร์เวลที่เราติดตามกันมาร่วม 10 ปี เชื่อว่าผู้อ่านเว็บไซต์ของเราจำนวนมากคงได้ดูกันแล้ว เพราะหนังก็ทำเงินในบ้านเราผ่าน 100 ล้านบาทได้ในเวลาเพียง 36 ชั่วโมง ที่ถือเป็นสถิติรายได้ใหม่เลยทีเดียว

คำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ที่ Rotten Tomatoes รวบรวมมา ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ อาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเท่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลหลายเรื่องก่อนหน้านี้ครับ โดยมีนักวิจารณ์ให้สอบผ่าน 84% จาก 269 คน ที่เว็บไซต์วัดคะแนนดังกล่าวรวบรวมมาในตอนนี้ ด้วยคะแนนเฉลี่ย 7.5/10 ส่วนคะแนนของ Metacritic อยู่ที่ 68/100 ครับ ขณะที่คะแนนจากผู้ชมในสหรัฐจะสูงกว่า โดยได้ CinemaScore อยู่ที่ A ซึ่งเป็นเกรดจากการสำรวจความเห็นผู้ชมหลังจากดูจบแล้วโดยบริษัทด้านการตลาด ผมได้เขียนบทวิจารณ์ถึงหนังไปแล้ว ซึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้คะแนนเท่าไหร่ดี แต่น่าจะอยู่ราวๆ 7/10 ครับ

ท่านที่ดูหนังกันไปแล้วรู้สึกยังไงต่อบทสรุป 10 ปีของจักรวาลมาร์เวลเรื่องนี้บ้างครับ เทียบกับเรื่องอื่นๆ ของมาร์เวลแล้วชอบอยู่ในระดับไหน มีตัวละครไหนที่ชอบเป็นพิเศษไหม หรือคิดว่าจุดดีกับจุดเสียของหนังมีอะไรบ้าง มาออกความเห็นกันครับ หากต้องการเผยเนื้อเรื่องสำคัญ โปรดบอกบนหัวความเห็นด้วยว่าเป็นสปอยล์ครับ

 

34 comments

  1. จัดมา2รอบใน1วัน รอบแรกมัน Hype ซะจนอยากให้คะแนนเป็น Infinity พอรอบ2ได้นั่งจับจุดอะไรหลายอย่าง คะแนนที่ให้อยู่ราวๆ8ต้นๆ อย่างที่พี่ยุทธว่าไว้ บางจุดมันเนือย แล้วมันเป็นเหมือนการเอาขนมหลากชนิดมากินต่อกัน มันเลยไม่ไหลลื่น แต่ตอนจบนี่ชอบเอามากๆ แล้วทำให้ชอบธานอสไปเลย เจตนาของธานอสมันคือต้องการ Set Zero จักรวาลนั่นแหละ และก็ทำให้การอยากดูภาคต่อแบบสุดๆนั้นเกิดขึ้น

  2. ยังไม่ให้คะแนนครับ เพราะหนังมันยังไม่จบ และเขาก็ดูจะตั้งใจทำแบบนั้นแต่แรก เพราะงั้นขอยังไม่ให้คะแนนจนกว่าจะถึงภาค4ครับ

  3. ในความเป็นหนัง อาจจะได้คะแนนที่ไม่มากนัก

    แต่ผมว่า ถ้าในความเป็น “หนังมาเวล” ที่ปูพื้นมา 10 ปี แล้วจับทุกอย่างขึ้นมาใช้ในเรื่องนี้
    ผมให้คะแนนสูงนะครับ

  4. 9.7 / 10 กับสเกลใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ ผกก เก่งมากแล้วครับที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้สมดุล

    หนังค่อนข้างยาว แต่ผมไม่มีความเบื่อเลย สนุก ตื่นเต้น ซาบซึ้งไปกับทุกฉาก

    บางช่วงเนือย แต่เข้าใจว่าต้องการให้คนดูพักบ้าง ก่อนจะอัดฉากระทึกต่อไป

    ที่หักไปนิดหน่อยก็เพราะบางจุดเล็กๆน้อยๆที่มันยังไม่หนำใจเท่าไหร่ แต่ก็มองข้ามได้

    สำหรับผมนี่คือหนังมาร์เวลที่ดีที่สุดจริงๆครับ

    • กำลังจะพิมพ์ แต่พอมาอ่านความเห็นของคุณแล้วรู้สึกตรงกันเป๊ะ
      หลายๆอย่างที่โบ๋ไปหรือไม่ละเอียด ก็หวังว่าจะมาเคลียร์ๆให้หายคาใจในภาคถัดไป
      นี่ดูแล้วน้ำตาคลอตื้นตันใจตอนที่แก๊ง steve rogers ออกมาช่วย—กับ— มาก
      รู้สึกอิ่ม แน่น สาแก่ใจอิช๊อยมากค่ะ

      แต่นี่ขอให้ 9/10

  5. โดยรวมชอบการกำกับที่ให้บทบาทของแต่ละตัวละครหลักไม่จม มีเวลาแสดงบทบาทและพลังของตัวเองที่ส่งผลต่อเรื่อง มี Action Sequence ที่สนุกและลื่นไหล ผู้กำกับเก่ง กำกับได้หลายแนวดี เรื่องนี้เป็น Action Sci-Fi Superhero ต่างจาก Winter Soldier ที่เป็น Political Action Thriller

    บทมีการผูกปม คลายปม หักมุม เยอะดี แรงจูงใจของตัวละครก็พอรับได้ ตัวร้ายหลักบทแข็งแรงเก่งจนทำให้คนดูแทบหมดหวังที่จะเห็นทีมฮีโร่เอาชนะได้ จบแบบอยากจะดูภาคต่อไปทันที แต่อย่างไรก็ตามบทบางจุดก็มีช่องโหว่ให้นึกทัน เช่น Spider-Man สามารถใช้งาน Iron Spider Suit ได้เร็วไปหน่อยไหม ต่อให้ Tony Stark สอนให้ใช้ก็เถอะ ตัวร้ายบางตัวมีพลังขั้นเทพ แต่ตายง่ายไปทั้งที่น่าจะสามารถใช้พลังนั้นรักษาชีวิตตัวเองได้

    ให้ 8/10

  6. ผมให้ 8/10 ครับ หนังสนุก ฉากต่อสู้มันส์มาก ฉากเศร้าทำผมน้ำตาคลอ และฉากขำก็ยังฮาเหมือนเดิม แต่เดินเรื่องไวไป ผมดูแล้วอารมณ์มันออกจะหลุดๆลอยๆครับ (ตัดตรงนี้ 2 คะแนน ปล.คสต.)

  7. ให้ 7/10 เหมือนกันครับ ตัวหนังไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าจบในตัวเองอย่างที่ ผกก.เคยบอกตั้งแต่แรก เพราะมันจบแบบค้างคา นอกเหนือจากนั้นก็เห็นด้วยกับคุณเจไดกับเรื่องที่ว่า “หนังไม่มีการใช้ IMAX ในการช่วยเล่าเรื่องใดๆ ให้พิเศษขึ้นเลย”

  8. บทดราม่าระหว่างคู่ชายหญิงกับพ่อและลูกนี่แห้งแล้งมากเพราะไม่ค่อยมีการปูอะไรมามากมาย เหมือนพยายามยัดให้เราอินแต่มันไม่อินเลยแถมรู้สึกยืดยาวน่ารำคาญอีกสำหรับผม กับมุขตลกช่วงท้ายๆที่ใส่มาไม่ค่อยถูกเวล่ำเวลาทำให้รู้สึกว่าใส่มาทำไมตอนนี้ นอกนั้นก็ถือว่าโอเคเพราะเข้าใจว่าหนังเสกลมันใหญ่ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้ว

    หนังพยายามทำให้เราสะเทือนใจในตอนท้ายแต่ผมกลับเฉยๆเพราะพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ไปแล้วไปลับ เสียดายตัวน่าจะไปจริงๆอย่างน้องข้ากลับไม่ทำให้สะเทิอนอารมณ์เพราะมันมีเรื่องราวมาเยอะน่าจะเรียกน้ำตาได้มากกว่าคู่อื่นในเรื่อง แต่กลับส่งอารมณ์สะเทือนขวัญแทน แต่ก็ถือว่าส่งตัวร้ายได้เกรงขามดี

    ดูจนจบก็มีคำถามในหัวหลายเรื่องหวังว่าถาคหน้าจะตอบได้หมด

  9. ให้ 7/10 ครับ หนังยังขาดอีกหลายส่วนจริงๆ และบางส่วนก็ยังคงไม่สมเหตุสมผลอยู่เยอะ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องภาษาที่ใช้พูดไม่ว่าจะมาจากดาวไหนก็พูดอังกฤษรู้เรื่องกันหมดซะงั้น ในขณะที่ GOTG ภาคแรกก็บอกไว้ว่าทำไม star lord ถึงพูดภาษาต่างดาวได้ และผมคิดว่าถ้าชื่อหนังกลับไปใช้ Part 1 ต่อท้ายเหมือนที่เคยประกาศตอนแรกมันจะช่วยอุ้มหนังได้เยอะ พอตัดออกไปความหมายก็เปลี่ยนกลายเป็น “หนัง 1 เรื่อง” ไม่ใช่ “หนังตอนแรก” ไปซะงั้น

  10. สปอยล์…..

    สนุกมากครับ ไม่อยากให้จบ และพอจบก็อยากดูภาคต่อในทันที เหมือนมาร์เวลจะจงใจรักษารูปแบบของชื่อตอนของภาคนี้ มากกว่าจะใส่เลขตอน3.5ลงไปในชื่อ เพราะคนดูบางส่วนรู้สึกไม่ดีที่หนังจบแบบค้างคาและทิ้งปมไว้เพียบ แต่แฟนหนังที่ติดตามข่าวจะทราบดีอยู่แล้วว่าภาคนี้ถูกแบ่งเป็น2ตอน สงสารปาร์คเกอร์ตอนสลายร่าง
    ในระหว่างที่หนังดำเนินเรื่องอยู่ หนังมันทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวมันสะกดให้ดูได้โดยไม่มีช่องว่างให้จับผิดหรือตั้งคำถาม แต่เมื่อดูจบแล้วจึงมานึกเรื่องการจับได้ทีหลัง

    เตือนว่า สปอยล์อีกที

    เรื่องควาสัมพันธ์พ่อลูกของทานอสผมว่าผ่าน แต่ที่ดูแล้วขัดความรู้สึกก็คือ ความสามารถของ แวนด้า แม็กซิมอฟฟ์ที่มีเหนือมนุษย์มากแต่ยังสู้ลูกๆของทานอสไม่อยู่หมัด แต่เมื่อโรมานอฟเป็นมนุษย์ธรรมดากลับสู้ลูกๆของทานอสได้ถึงเนื้อถึงตัวมากกว่า
    แอบแหม่งๆบทแปลไทยด้วย ตอนที่ ธอร์คุยเรื่องก๊อปปี่หนวดกับกับตัน สรรพนามแทนตัว ธอร์ใช้คำว่า ‘ฉัน’ แต่ กับตันใช้คำว่า ‘ข้า’ มันสลับยังไงแปลกๆ
    และไปจนถึงที่ว่า ทำไมหมอแปลกไม่ใช้ประตูวงแหวนตัดแขนทานอสข้างที่สวมถุงมือออกซะเลย แต่นั้นก็เป็นการจับผิดที่สนุกครับ
    และจากที่เราเดาความหน้าจะเป็นของภาค4 เชื่อว่า มาร์เวล ต้องมีจัดเซอร์ไพรซ์ให้เราคาดเดาไม่ได้แน่นอน

  11. ให้ 10/10 ครับ เห็นด้วยกับจุดบอดของหนังที่ทุกคนกล่าวถึงครับ แต่ไม่แน่ใจว่าแก้มาแล้วมันจะดีขึ้น การบริหารหนังที่มีนักแสดงหลัก 30 กว่าคนมันยากชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มองข้ามความผิดพลาดเล็กน้อยไปหมดครับ

  12. 8.5/10
    “ไม่ใช่หนังที่ดีที่สุด แต่เป็นหนังที่ชอบที่สุด”

    ในระหว่างที่หนังดำเนินเรื่องไป หากมองรายละเอียดในส่วนต่างๆ ตัวหนังมีบาดแผลตามรายทาง แต่พอถอยออกมามองหนังในองค์รวม หนังกลับมีความสนุกและบันเทิงอยู่มาก หลากหลายอารมณ์ และมีหลายๆ ฉากที่ประทับใจ ซึ่งก็เพียงพอให้มองข้ามข้อผิดพลาดเหล่านั้นไปได้ เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกเต็มอิ่ม คุ้มค่า และมีความสุขที่ได้ดูหนังเรื่องนี้

    ป.ล. ในส่วนของคำถามที่มีอยู่มากมายหลังจากดูจบ ก็เก็บไว้ก่อน เพราะอาจได้คำตอบจากหนังภาคถัดไป หรือ หนังในจักรวาลเรื่องต่อไป การที่หนังมีตอนจบแบบนี้ ก็เหมือนเป็นการฉีกขนบของมาร์เวลอยู่เหมือนกัน (เพราะปรกติแล้วหนังทุกเรื่อง ทุกภาคจะจบในตอน) แต่ก็ไม่แปลกอีกเหมือนกัน ที่มาร์เวลจะทำแบบนี้ เพราะหากดูจากหนังทั้ง 18 เรื่อง ที่ผ่านๆ มา มาร์เวลก็มักจะพาหนังของตัวเอง ไปยังพรมแดนใหม่ๆ พยายามพาหนังไปให้ไกลกว่าเดิม หรือ สร้างความแปลกใหม่อยู่เสมอ ทำให้เราคาดเดาได้ยาก และยังเป็นเสน่ห์อีกอย่างของมาร์เวลที่มักจะเล่นกับความคาดเดาของคนดู

  13. เป็นหนังที่ชอบ ในเรื่องแอกชั่นมากที่สุดครับ ส่วนในตัวเนื้อเรื่องผมยกให้ กัปตัน 2 ดีที่สุด (พูดแค่ของมาเวลนะครับ)เรื่องนี้อย่างที่บอกไปตอนแรกครับ ถ้าเล่าที่มาของอุดมการณ์ หรือความรักต่อลูกสาวมากกว่านี้ซัก 10-20 นาที ผมจะยกให้อันดับ 1 ของมาเวลเลย หนังควรจะ 3 ชม.ครับ มันจะอิ่มกำลังดี เกือบอินละถ้ารู้ที่มามากกว่านี้ครับ

    • การนำตัวละครมากมายขนาดนี้มาใส่ในหนังเรื่องเดียว ทำได้ขนาดนี้ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว ฉากเซอร์ไพร์สมากมาย 9.5/10

    • ต้องขออภัยจริงๆ ที่ต้องลบครับ
      เพราะที่จริงแล้ว การเปิดพื้นที่นี้ก็เพื่อให้ผู้ชมลองฝึกวิจารณ์ด้วยครับ ดังนั้น หากใครชมมาแล้วจะมีแง่มุมอะไรกว่าคนดูหนังทั่วไป ก็เป็นสิ่งที่พื้นที่นี้ต้องการ
      และผมเชื่อว่าการวิจารณ์ยังส่งผลต่อการพัฒนาที่ดีขึ้นของผลงาน
      และเมื่อมีการวิจารณ์ การไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องปกติ แต่ให้แย้งกันได้ที่เหตุผลของแต่ละคน ไม่ใช่พุ่งไปที่ตัวผู้เขียนเป็นหลัก ซึ่งค่อนข้างผิดกฎของเว็บ

  14. ในความเป็นหนัง 1 เรื่องมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ในความเป็นบทสรุปของ 10 ปี MCU ผมให้ 10/10 ครับ อาจจะมีติดๆขัดๆในพฤติกรรมบางตัวละครบ้าง แต่ก็เข้าใจได้ครับ

  15. รีวิวแบบเทียบเคียงของคุณ เจไดยุทธนะครับ ยาวนิดนึง
    ส่วนที่ดีของหนังคือ
    เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เน้นไปที่การบรรยายตัวตนและเหตุผลของ Thanos ซึ่งก็สมควรจะทำแบบนั้นครับ และถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะไม่อิน ยังไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆของ Thanos ว่าเป็นไปได้ด้วยรึที่จะมีคนทำอะไรแบบนี้ แต่ลองมองย้อนกลับไปที่อาชญากรโรคจิตต่างๆตามข่าวที่เราพบเจอครับ หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด หลายคนคิดว่าตัวเองกำลังช่วยเหลือ ไถ่บาปให้ผู้อื่นอยู่ กรณี Thanos ถือว่าแรงจูงใจเป็นไปได้ครับ ผมค่อนข้างเข้าถึง

    การที่ทำให้บทบาทของตัวละครยังคงบุคคลิกของตัวละครนั้นๆอยู่ผมว่าทำได้ดีนะครับในหลายๆตัวละคร กรณีที่คุณเจไดยุทธบอกว่า Star Loard มีความหุนหันพลันแล่นผิดจากปกติ ถ้าเทียบเคียงกับตอนที่ ทันทีที่ Ego หลุดปากว่าใส่เชื้อมะเร็งลงในหัวแม่ของ Star loard พี่แกก็ควักปืนขึ้นมายิงพ่อตัวเองแบบไม่ยั้งเลย ถ้าเทียบแบบนี้ผมก็ว่าน่าจะยังคงบุคคลิกอยู่นะครับ

    ฉาก Action ชอบทุกฉากเลย ตื่นเต้น เร้าใจ พิลึกพิลั่น อลังการ มุกตลกยามหน้าสิ่วหน้าขวานยังสู้ Guardian ไม่ได้ แต่โอเคครับ แต่เห็นด้วยครับ ที่ฉาก action ช่วงท้ายมักจะ drop ลง

    การกระจายบทให้ฮีโร่แต่ละตัวทำได้ดีครับ ทุกคนได้พูด ได้มีบทบาทสำคัญกันหมด มีฉากโชว์กันครบคนละนิดละหน่อย และก็เน้นไปที่บางคนมากหน่อย คนที่ไม่อยู่ในหนังก็มีการพูดถึงให้หายสงสัยด้วย กรณีความหวานของ Bruce กับ Natasha ที่ไม่มีนั้นเข้าใจได้ครับ หนังคงไม่มีพื้นที่จริงๆ แต่สำหรับ Vision กับ Maximoff มันสำคัญกับเนื้อเรื่องหลักเลยเน้นมากจนอินได้เลย

    ส่วนภารกิจของแต่ละกลุ่มดูเป็นก้อนๆมาต่อกัน อันนี้สำหรับผมผมว่ามันก็เข้ากันอยู่นะครับ ก็ดูเป็นเนื้อเดียวกันดี ไม่ได้ดูโดดมากเท่าไหร่ มีภารกิจของ Thor ที่ดูน่าเบื่อนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าไปเทียบกับ Loard of the ring แล้วละก้อ ยังไม่ถึงขั้นนั้นจริงๆครับ (อีกหน่อยเดียวเอง)

    มาถึงส่วนเสียของหนังนะครับ
    เริ่มต้นเลย ฉากตายของโลกิดูไม่คุ้มค่าเลยครับ ถ้าจะเศร้าก็เศร้าเพราะเป็นตัวละครสำคัญแต่มาตายแบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ นึกถึงตอนที่พลพรรคของ Thor ที่ถูก Hela ฆ่าตายแบบง่ายๆทันทีที่มาถึง Asgard ส่วนตัวไม่ชอบเลย ไม่คุ้มเลย

    ผมไปดู IMAX มาครับ และก็คิดเหมือนคุณเจไดยุทธทุกประการ ไม่ได้มีการใช้ความใหญ่ยาวของ IMAX ให้เป็นประโยชน์ ไม่ได้เน้นฉาก 3D อะไรมากด้วย รอบหน้า A4 ว่าจะเปลี่ยนไปดูโรง 4K บ้างดีกว่าครับ

    ถึงผมจะอินกับเหตุผลความเมตตาแบบโหดๆของ Thanos แต่ไม่อินเรื่องการแสดงความรักครับ อันนี้ไม่อินเท่าที่ควร ผมอินกับอารมณ์ของ Gamora มากกว่า

    ในแง่ของการเป็นบทสรุปของหนังทั้ง 10 ปีที่ผ่านมา ผมว่าก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีความพยายามใส่บทพูด หรือบรรยากาศที่ทำให้นึกถึงหนังเรื่องเก่าๆมาบ้าง แต่มันยังไม่มากพอทำให้นึกถึงหนังทุกๆเรื่องบางทีอาจจะต้องดูแบบสองภาคต่อกันถึงจะสมบูรณ์ก็ได้

    การจบแบบ Cliffhanger ทำให้ผมรู้สึกว่าที่ผ่านมา drop ลงทันที อย่างที่คุณเจไดยุทธบอกไว้ครับ หนังถึงจะแบ่งออกมาสองภาคต่อกัน มันก็ควรมีภารกิจอะไรก็ได้ที่ทำสำเร็จจบในภาคที่ 1 ก่อน มีคนตายครึ่งทีมก็ได้ Thanos ยังไม่ตายก็ได้ ยังจบด้วยความเศร้าน่ากลัวได้ แต่มันต้องมีภารกิจอะไรซักอย่างที่ทำร่วมกันแล้วสำเร็จ คือพอจบแบบนี้มันไม่อิ่มครับ มันรู้สึกว่าดูหนังไม่จบ ความเป็นหนัง 1 เรื่องมันยังไม่บรรลุครับ

    โดยรวมแล้วหนังสนุกมาก อลังการมาก ถ้าให้คะแนนจากความที่เป็นหนังที่ต้องรวบรวมตัวละครสำคัญไว้เยอะมากๆ มีความยากในการดำเนินเรื่อง กระจายบท ให้คะแนน 9.5/10 ครับ แต่ถ้าให้คะแนนในฐานะหนังเรื่องนึง ให้ 8/10 ครับ

    ขอบคุณครับ

  16. ผมให้ 9/10 นะ ตอนจบนี้อึ้งเลย ว่าตัวหนังกล้าที่จะจบแบบนี้ และไม่อยากจะเชื่อแถมขอคำนับเลยว่า เป็น cinematic universe ที่ทีม marvel production ทำได้จริง ๆ สุดยอดครับ

  17. 8.5 ละกัน เห็นใจที่หนังทำค่อนข้างยาก หักคะแนนตรงที่ไม่มีภาค Thanos : Infinity Stone ตามที่รู้สึกก่อนหน้านะครับ

Leave a Reply to diawCancel reply