King Arthur: Legend of the Sword ติดอันดับ 1 ของ 5 หนังขาดทุนสูงสุดของปี 2017

ปี 2017 มีหนังใหญ่ทุนสูงหรือที่เรียกว่าหนังบ็อกซ์บัสเตอร์เจ็บตัวกันระนาวหลายเรื่อง และเว็บไซต์เดดไลน์ก็ได้ทำการสรุปตัวเลขรายได้กับต้นทุนออกมาว่ามีหนังเรื่องไหนบ้างที่ขาดทุนสูงที่สุด

การคิดรายได้ของหนังมาจากทั้งรายได้ในตารางหนังในประเทศ ในตลาดจีน และตลาดโลก รวมถึงรายได้จากลิขสิทธิ์ที่ขายให้ฉายทางทีวีและรายได้จากโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ครับ ส่วนต้นทุนของหนังก็มาจากทั้งทุนที่ใช้ในการสร้าง, ทุนที่ใช้ในการปริ้นท์ก๊อปปี้ของหนังส่งไปยังโรงต่างๆ ทั่วโลก ทุนที่ใช้การโฆษณา และทุนที่ใช้ในการทำหนังโฆษณาทั่วโลก ผลปรากฏว่า King Arthur: Legend of the Sword ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ที่นำแสดงโดยชาร์ลี ฮันแนม และกำกับโดยกาย ริชชี่ ขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งเลยครับ

ปัญหาที่หนังไม่ประสบความสำเร็จเลยอย่างแรกก็คือผู้ชมอาจไม่สนใจเนื้อหาหนังที่สร้างจากตำนานอัศวินโต๊ะกลมแล้ว และจากการที่ตัวหนังเองก็มีปัญหา คะแนนจากรอบทดลองฉายออกมาไม่ดี ทำให้วอร์เนอร์ฯ ต้องทุ่มงบถ่ายซ่อมทั้งที่ใช้งบในการสร้างไปก่อนหน้าแล้วถึง 175 ล้านเหรียญ แต่หนังก็ยังเป๋และได้คำวิจารณ์ด้านลบหลังจากออกฉาย ทำให้หนังขาดทุนไปราว 153.2 ล้านเหรียญ

อันดับ 2 ของหนังขาดทุนสูงสุดประจำปี 2017 ก็คือ Monster Truck หนังที่มีการอนุมัติให้สร้างในสมัยของอดัม กู๊ดแมน เป็นประธานของพาราเมาท์ แต่ได้ออกฉายหลังจากกู๊ดแมนออกจากตำแหน่งแล้ว เดิมทีได้วางกำหนดฉายไว้ในปี 2015 แล้วเลื่อนมาจนถึงปี 2017 เป็นที่คาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่าหนังจะขาดทุนแน่ๆ Viacom ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพาราเมาท์ได้ให้หนังเรื่องนี้เป็นหนี้เสีย 115 ล้านเหรียญตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย แต่เมื่อฉายแล้วก็พบว่าหนังที่ใช้ทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญ และรวมกับงบอื่นๆ และดอกเบี้ยอันเกิดจากการที่หนังเลื่อนฉายเป็น 195.70 ล้านเหรียญ ทำเงินทั่วโลกไป 64.49 ล้านเหรียญ รวมกับรายได้จากทีวีและฌฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์อีกไม่มาก ขาดทุนถึง 123.1 ล้านเหรียญ

หนังที่ขาดทุนสูงสุดของปี 2017 เป็นหนังชีวิตรักสามเส้าเคล้าสงครามล้างเผ่าพันธุ์เรื่อง The Promise ที่นำแสดงโดยคริสเตียน เบล, ออสการ์ ไอแซ็ค และ ชาร์ล็อต เลอ บอง จากการกำกับของเทียรี่ จอร์จ และสร้างโดยเคิิร์ก เคอร์โคเรียน มหาเศรษฐีชาวอาร์เมเนีย หนังใช้งบไปทั้งหมด 113.60 ล้านเหรียญ (โดยใช้ไปกับทุนสร้างไปราว 90 ล้านเหรียญ) ทำเงินได้เพียง 11.50 ล้านเหรียญ ทำให้หนังขาดทุนถึง 102.1 ล้านเหรียญ

เรื่องที่ 4 คือ The Great Wall ของลีเจนดารี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่มีแผนการสร้างตั้งแต่ก่อนถูก Wanda Group ของจีนซื้อไป หนังทำรายได้ทั้งหมดทั้งจากการฉายในโรงและจากโฮมเอ็นเตอร์เทนท์เมนท์ 192.4 ล้านเหรียญ แต่ด้วยต้นทุนที่ใช้ไปกับหนังถึง 266.9 ล้านเหรียญ (โดยใช้ไปกับทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญ) ทำให้หนังขาดทุนไปถึง 74.5 ล้านเหรียญ ยูนิเวอร์แซลออกทุนในการสร้างหนังเรื่องนี้ 20% ส่วนที่เหลือเป็นของบริษัทในจีน ไชนา ฟิล์ม กรุ๊ป และ ลี วิชั่น พิคเจอร์ส

อันดับสุดท้ายของ 5 อันดับหนังขาดทุนปี 2017 คือ Geostorm ที่ร่วมกันสร้างโดยวอร์เนอร์ บราเธอร์ส กับสกายแดนซ์ และเป็นหนังจากการกำกับครั้งแรกของดีน เดฟลิน ผู้อำนวยการสร้าง Independent Day ซึ่งตอนที่เสนอแนวคิดในปี 2014 นั้นอาจยังดูเป็นหนังที่สดใหม่อยู่ แต่พอสร้างออกฉายในปี 2017 แล้วไม่ใช่ การกำกับครั้งแรกของเดฟลินยังไม่ดีด้วยจนทำให้มีการสั่งถ่ายซ่อมด้วยงบ 15 ล้านเหรียญ และจ้างเจอรี่ บรัคไฮเมอร์ มาช่วยคุมงานสร้างและกอบกู้หนัง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ หนังขาดทุนไปราว 71.6 ล้านเหรียญ

ในรายงานบอกด้วยว่า Justice LeagueThe Mummy Valerian และ Blade Runner 2049 ก็เป็นหนังที่ขาดทุนของปี 2017 ด้วย แต่ไม่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรก

 

สรุป 5 อันดับหนังขาดทุนสูงสุดปี 2017

King Arthur: Legend of the Sword (WB/Village Roadshow) – ($153.2M)

Monster Trucks (PAR) – ($123.1M)

The Promise (Survival Pictures/Open Road) – ($102.1M)

The Great Wall (Legendary/UNI) – ($74.5M)

Geostorm (WB/Skydance) – ($71.6M)

ที่มา: Deadline

 

3 comments

Leave a Reply to ooCancel reply