Site icon JEDIYUTH

ความสัมพันธ์ของฉากท้ายเครดิต Black Panther ต่อจักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวล

เนื้อหาเปิดเผยฉากสำคัญของหนัง ไม่แนะนำให้อ่านถ้ายังไม่ได้ดูหนังก่อน

มาร์เวลมักใช้ฉากท้ายเครดิตเป็นตัวเชื่อมโยงกับหนังในอนาคตอื่นๆ ของมาร์เวลที่จะตามมา หรือเพื่อปูบางอย่างสู่เนื้อหาในอนาคต นับตั้งแต่ฉากท้ายเครดิตใน Iron Man ที่ปูเข้าสู่ Avengers ด้วยฉากที่นิค ฟิวรี่ (แซมมวล แอล. แจ็คสัน) มาชวนโทนี่ สตาร์ก (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) ตั้งกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ หนังเรื่อง Black Panther ที่แม้โดยตัวของมันเองค่อนข้างมีความเป็นเอกเทศจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ ก็ตาม แต่ก็มีฉากท้ายเครดิตที่ทำหน้าที่คล้ายๆ กันนั้นเช่นกัน หรือบอกใบ้บางอย่างถึงสิ่งที่จะมาในอนาคตครับ

ฉากท้ายเครดิตแรก

เราได้เห็นทีชาล่า (แชดวิค บอสแมน) ได้ไปยังตึกสหประชาชาติเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ ปมขัดแย้งสำคัญหนึ่งของ Black Panther คือการที่จะเปิดเผยตัวตนจริงของวาคานด้าให้ทั้งโลกรู้ดีหรือไม่ และควรที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยเหลือชาวโลกหรือไม่ ซึ่งในการกล่าวสุนทรพจน์นี้ก็คือการที่วาคานดาตัดสินใจที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับโลกภายนอก และเสนอความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ต้องการ แม้ว่าจะมีตัวแทนสหประชาชาติของบางประเทศไม่เข้าใจก็ตามว่า “ประเทศเกษตรกรรมจะเสนอความช่วยเหลืออะไรแก่โลกได้

ความสัมพันธ์ของฉากนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือโลกใน Avengers: Infinity War เมื่อธานอสยกกำลังพลมาบุกโลก วาคานด้าจะใช้เทคโนโลยีที่สั่งสมมานับศตวรรษ รวมถึงอาวุธไฮเทคต่างๆ ในการเป็นทัพหน้าช่วยชาวโลก อย่างที่เราได้เห็นในตัวอย่าง Avengers: Infinity War ว่าวาคานด้าได้ทำโล่แบบใหม่ให้สตีฟ โรเจอร์ส (คริส เอแวนส์) เป็นต้น เราน่าจะได้เห็นอาวุธอื่นๆ ที่ช่วยอัพเกรดให้ตัวละครอื่นๆ เช่นกันที่ยังไม่เปิดเผยออกมาครับ

นอกเหนือจากความสัมพันธ์ต่อจักรวาลหนังมาร์เวลแล้ว ฉากดังกล่าวนี้ ก็เป็นอีกฉากของหลายๆ ฉากใน Black Panther ที่แตะประเด็นสำคัญของโลกในตอนนี้ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบายของสหรัฐต่อปัญหาผู้ลี้ภัย หรือต่อปัญหาคนต่างด้าว อย่างที่ประโยคสำคัญได้บอกว่า “แต่เมื่อถึงยามวิกฤติ คนฉลาดจะสร้างสะพาน ขณะที่คนเขลาจะสร้างกำแพง” (But in times of crisis the wise build bridges, while the foolish build barriers.) ประโยคนี้น่าจะพุ่งไปที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยตรงที่มุ่งจะสร้างกำแพงกีดกันคนต่างด้าว และผู้ลี้ภัยที่เดือดร้อน

อย่างไรก็ดี ในประเด็นดังกล่าวนี้ แม้ผู้คนจะมองว่าช่างเหมาะเจาะกับยุคสมัยเหลือเกิน ผู้กำกับไรอัน คูกเลอร์ ก็บอกว่าที่จริงแล้วเขียนเอาไว้ตั้งแต่ก่อนยุคโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีอีก “เมื่อผู้คนบอกว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังการเมือง ถูกต้องเลย แบล็คแพนเธอร์เป็นนัการเมืองคนหนึ่ง มันเป็นหนัง MCU เรื่องแรกที่เกี่ยวกับนัการเมือง มันจึงควรเป็นหนังที่มีเรื่องราวการเมืองมากที่สุด และหากตัวละครนี้จะต้องกล่าวอะไรในนามของรัฐบาล เขาควรจะกล่าวอะไรแบบไหน” ซึ่งประโยค “แต่เมื่อถึงยามวิกฤติ คนฉลาดจะสร้างสะพาน ขณะที่คนเขลาจะสร้างกำแพง” ก็คือสิ่งที่ผู้กำกับให้ตัวละครกล่าวออกมาครับ “นั่นเป็นสุภาษิตแอฟริกันที่ภรรยาของผมพบเข้าขณะที่เราคิดหาคำพูดกัน เราเขียนบทตรงนี้ขึ้นมาขณะที่โอบามาเป็นประธานาธิบดี

คูกเลอร์ยังบอกอีกว่าฉากท้ายเครดิตแรกนี้ ตั้งใจที่จะเปรียบเทียบกับฉากท้ายเครดิตแรกของ Iron Man ที่ผู้กำกับจอน เฟฟโร ทำไว้ เพื่อให้ผู้ชมได้คิดว่า “ให้ตายสิ อยากให้หมอนั่นอยู่ด้วยจริงๆ เพราะโลกในหนังเรื่องนี้เหมือนโลกจริงๆ อยากให้มีไอร์ออนแมนใส่ชุดเกราะโผล่มาแล้วทำอะไรเท่ๆ พูดอะไรเท่ๆ ในการแถลงข่าว สำหรับเราแล้ว ผมพบว่าตัวเองมองไปที่ทีชัลลาและเกิดความต้องการนั้นขึ้นมา

 

 

ฉากท้ายเครดิตที่สอง

ในฉากนี้ เราได้กลับมาเห็นบัคกี้ บาร์นส์ (เซบาสเตียน สแตน) อีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่ามีชูริ (เลลิเทีย ไรท์) คอยดูแลเขาอยู่ และดูเหมือนเธอน่าจะเตรียมอัพเกรดบางอย่างให้เขา รวมถึงช่วยให้เขาพ้นจากการถูกสะกดจิตเพื่อให้เป็นนักฆ่าของไฮดราด้วย

ฉากนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ Avengers: Infinity War ด้วยเช่นกัน เพราะมีตอนหนึ่งในหนังสือการ์ตูน Avengers Infinity War Prelude #1 ที่เล่าเหตุการณ์ก่อนหนังที่เราจะได้ชมกัน ชูริได้บอกพี่ชายของเธอว่า “ฉันได้ใส่ระบบอัลกอริธึ่มที่จะช่วยลบล้างอิทธิพลของรหัสคำพูดสั่งการออกไปจากสมองของเขา ขณะเดียวกันก็ยังคงบริบทกับเนื้อหาหลักของความทรงจำดั้งเดิมไว้ได้ พูดชัดๆ ก็คือฉันน่าจะรีบู๊ทเขาใหม่ได้” นั่นแปลว่าบัคกี้ที่เราจะได้เห็นใน Avengers: Infinity War จะไม่อยู่ในอิทธิพลของรหัสคำพูดที่จะบังคับให้เขากลายเป็นนักฆ่าอีกแล้ว

ยังมีอีกคำพูดที่น่าสนใจในฉากท้ายเครดิตนี้ก็คือคำว่า “White Wolf” หรือ “หมาป่าขาว” ที่เด็กๆ ในฉากท้ายเครดิตนี้ใช้เรียกบัคกี้ บาร์นส์ คำพูดนี้มีความหมายเฉพาะถึงตัวละครหนึ่งในเรื่องราว Black Panther ฉบับหนังสือการ์ตูนครับ

White Wolf เป็นชื่อฉายาของฮันเตอร์ ชาวต่างชาติผิวขาวที่เครื่องบินมาตกในวาคานด้าแล้วพ่อแม่ของเขาเสียชีวิต ฮันเตอร์ได้รับการเลี้ยงดูในฐานะลูกบุญธรรมของทีชาคา พ่อของทีชาลา เมื่อโตขึ้นก็ได้เป็นหัวหน้ากองกำลังตำรวจลับจอมโหดที่มีชื่อว่าหน่วย  Hatut Zeraze ซึ่งใช้วิธีการรุนแรงในการปราบปรามข้าศึกของวาคานด้าจนทำให้ทีชาล่าต้องยุบหน่วยดังกล่าวนี้ ทำให้ฮันเตอร์หันไปเอาดีทางการเป็นทหารรับจ้างแทน แต่ฮันเตอร์ซึ่งมีเกราะไวเบรเนียมในแบบของตัวเองก็ยังจงรักภักดีต่อวาคานด้า และกลับมาช่วยเหลือเสมอเมื่อวาคานด้าต้องการ

เรายังไม่รู้ว่าเฟส 4 ของจักรวาลมาร์เวลจะเป็นยังไง แต่จากฉากท้ายเครดิตนี้ก็อดทำให้เดาไม่ได้ว่า บัคกี้อาจเปลี่ยนจากวินเทอร์โซลด์เยอร์มาเป็นหมาป่าขาวแทนก็เป็นได้ แม้ตามหนังสือการ์ตูนนั้น บัคกี้ได้มีโอกาสสวมหน้าที่กัปตันอเมริกาต่อจากสตีฟ โรเจอร์ส แต่จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของเซบาสเตียน สแตน ก็ดูเหมือนว่าจะบอกเป็นนัยว่า มันอาจไม่ง่ายที่บัคกี้ในจักรวาลภาพยนตร์จะได้ทำเช่นนั้นก็ได้ เพราะเขาอาจไม่เป็นที่เชื่อใจพอ หน้าที่ของการเป็นกัปตันอเมริกาอาจถูกส่งต่อให้ตัวละครอื่นแทน เช่นฟัลคอน (แอนโธนี แม็คกี้) และบัคกี้อาจมาเป็นหมาป่าขาวอยู่ในวาคานด้าและคอยช่วยเหลือทีชาลากับชูริก็เป็นได้

ที่มา: Entertainment Tonight

 


Exit mobile version