เควิน ไฟกี พูดถึงคำวิจารณ์ที่ว่าหนังมาร์เวลเกือบทุกเรื่องคล้ายกัน

พูดถึงหนังมาร์เวลแล้ว ตั้งแต่ Iron Man ที่ออกฉายในปี 2008 ผู้ชมมักเดาได้ว่าเมื่อซื้อตั๋วเข้าไปดูแล้ว จะได้หนังรสชาติแบบไหนออกมา เพราะมาร์เวลค่อนข้างยึดสูตรที่คล้ายกันในเกือบทุกเรื่อง อาจมีบางเรื่องที่ลองเปลี่ยนส่วนผสมกับเครื่องปรุงบ้างนิดหน่อย แต่โดยโครงสร้างของหนังแล้วก็ยังมุ่งเน้นในการสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชมหมู่มากและแฟนคลับเป็นหลักครับ
ช่วงที่เดินสายประชาสัมพันธ์ Thor: Ragnarok เควิน ไฟกี หัวหน้าของมาร์เวลสตูดิโอได้พูดถึงคำวิจารณ์เหล่านี้ว่า หนังมาร์เวลเริ่มจะคล้ายกันเกินไปจนผู้ชมมองออกว่าคล้ายคลึงเหล่านี้ว่า “ผมคิดว่าคงเพราะวิถีทางในการสร้างหนังของเราเป็นแบบนั้น ผมคิดว่าหนังทุกเรื่องมีความแตกต่างกันอย่างมีสัมพันธ์ต่อกัน ผมคิดว่ามันมีการเล่าเรื่องที่ผู้คนอยากเขียนถึง เพราะทุกเรื่องล้วนสร้างโดยทีมงานเดียวกัน และทั้งหมดอยู่ในจักรวาลที่แต่งขึ้นมาเดียวกัน ที่เรามองหาความคล้ายคลึงเดียวกัน
อย่างไรก็ดี “ผมไม่ได้จะบอกว่าทุกเรื่องมีความคล้ายคลึงกันไปจนหมด ผมมองว่า Thor: Ragnarok กับ Spider-Man: Homecoming เป็นหนังคนละชนิดกัน ทั้งคู่เป็นหนังที่สนุก ผู้ชมชอบกันทั้งคู่ ถ้านั่นเป็นความคล้ายกัน งั้นผมก็ยอมรับ ถ้านั่นเป็นคำติเตียน ผมก็ยอมรับด้วย แต่จริงๆ แล้ว ตั้งแต่ Homecoming, Ragnarok, Black Panther จนถึง Infinity War, Ant-Man and the Wasp หลังจากนั้น และ Captain Marvel ที่มีฉากเป็นยุค 90 ทั้งหกเรื่องนี้เป็นหนังที่แตกต่างกัน ถ้าทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกันในแง่เป็นหนังที่สนุก และบันเทิงในการรับชม ผมก็ยอมรับ
จะว่าไปแล้ว แม้หนังของมาร์เวลจะค่อนข้างมีสูตรของมันแบบที่ผู้ชมเดารสชาติออก แต่จากความสำเร็จด้านรายได้ในตอนนี้ทั้งจาก Thor: Ragnarok และกระแสของ Avengers: Infinity War ก็เหมือนจะบอกครับว่าผู้ชมส่วนใหญ่ยังไม่เบื่อสูตรนี้กัน
ที่มา: Uproxx

 

8 comments

  1. คือถ้าสูตรที่ว่ามันคล้ายมันเหมือนกันนี้มันขายได้ มันเอนเตอร์เทนคนได้ คนไม่เบื่อ มันก้ยังไม่มีเห็นผลที่จะเปลี่ยนนะผมว่า

    แต่ถ้ามองในแง่ความคิดสร้างสรรค์ ส่วนนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงที่คนคาดหวังว่าเราจะได้รับอะไรแปลกใหม่ไปจากเดิม มันจึงไม่ผิดที่คนดูจะอยากได้ความรู้สึกนี้ แต่ลองนึกภาพถึงพวกแฟนบอยเดนตาย(เพิ่มหมวดให้คือชอบเอาคอมมิกเป็นหลัก)ดูสิ ถ้าเปลี่ยนการเล่ารึอะไรต่างๆ ไปจากเดิม คนพวกนี้จะออกมาโวยวายแล้วทำรายได้รึอะไรที่ทำให้กระแสหนังมันดูแย่ลงมั้ย งงมะ 5555 นั่นแหละ เค้าเบื่อๆก็คงลองทำแบบดาร์คๆอย่างดีซีเองมั้ง รึไม่ก็ตลกสามช่าแบบธอร์ไปเลย

  2. ผมว่าที่คนส่วนหนึ่งวิจารณ์ว่าคล้ายกัน คงเป็นเพราะว่ามันคือหนังซุปเปอร์ฮี่โร่ ซึ่งมันก็ต้องมาเดียวกันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเขาจะวิจารณ์แบบนั้นทำไม ถ้าคนวิจารณ์จะเอาไปเทียบกับหนังดาร์คๆ มันก็ไม่เข้านะ เพราะแนวทางทั้งหมดของ MCU มันไปทางเดียวกัน ถ้าฉีกเกินไปหนังจะเข้ากันไม่ได้

  3. แต่ผมว่านี่แหละคือจุดเด่นของ MCU หนังแต่ละเรื่องมีเนื้อหาที่ต่างกัน แต่ทุกเรื่องก็มีแนวทางในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่สะเปะสะปะมั่วไปหมด

  4. ผมว่ามันเป็น signature มากกว่า ว่าโทนโดยภาพรวมของจักรวาลหนังมันเป็นแบบนี้ โอเค เรามุมของคนนอก มันคงดูเหมือนกันจริงๆ แต่ในเมื่อไอ้สิ่งนี้มันเป็นเสาเข็มที่แข็งแรงดีอยู่แล้ว ทำออกมาทีไรก็ได้เงินมหาศาลทุกที แล้วจะหาเรื่องไปเปลี่ยนมันทำไมล่ะ ^ ^ (ถ้ามองในแง่ธุรกิจ)

    อย่างฝั่งซีรีส์ netflix มาร์เวลก็กำหนดโทนให้ต่างจากฝั่งหนังใหญ่แบบชัดเจนเหมือนกัน ฝั่ง netflix นี่ตั้งแต่แดร์เดวิลจนถึงพันนิชเชอร์ ผมก็ว่าโทนมันคล้ายกันไปหมดเลยนะ (บรรยากาศหม่นๆ เรียลๆ เดินเรื่องด้วยแนวทางแบบ suspense) แต่มันก็เป็นจุดที่ลงตัวและสำหรับภาพรวมทั้งหมด

    นี่ล่าสุดมาร์เวลก็หันไปเจาะตลาด Young Adult แล้วใน Runaways กับ Cloak & Dagger ไอ้สองเรื่องนี้ก็มีโทนที่คล้ายกันมากๆ เหมือนกัน (ยังไม่ได้ดูเรื่องหลัง แต่ดูจาก trailer แล้ว เชื่อว่ามันไม่น่าจะต่างกันมาก)

  5. เหมือนทำข้าวมันไก่มาขาย ขายดีมาก ขายดีมาตลอด 10 ปี แต่ก็มีคนบ่นว่าเดิมๆ
    แล้วไง.. จะให้เปลี่ยนไปขายผัดไทงี้เหรอ ?

  6. เหมือนอิจฉา เลยพยายามดิสเครดิตว่าคล้ายกัน…
    ก็ไม่ใช่อีกฝั่งนึงรึ ทีพยายาม ทำให้คล้ายของมาาร์เวล…ด้วยวิธีการต่างๆนาๆ จนหนังตัวเอง หาทางไปไม่เจอ
    หาทางออกไม่ได้…//เอามือป้องปากหัวเราะ

Leave a Reply