ไม่เคยมองว่าหนังดาร์คเลย จริงๆไม่ได้ดาร์คตั้งแต่โนแลนที่เป็นแรงบันดาลใจแล้ว มันแค่อยู่ในท่วงท่าจริงจัง แถมแซคยังบอกว่ารับมาแบบไม่เต็มด้วย เพราะไม่งั้นจะใส่ตัวละครแฟนตาซีล้ำๆอย่างกรีนแลนเทิร์นไม่ได้ เท่าทึ่ตามข่าว มันก็เตรียมจะสดใสตั้งแต่ที่แซคทำอยู่แล้ว คือแกวางไว้แบบไตรภาคเก่าสตาวอร์ ที่เรื่องแรกจะฟีลพื้นฐาน พอมาท่อนสอง bvs จะเป็นแบบ the empire strikes back คือหม่นๆชีวิตดราม่าหน่อยๆ แล้วค่อยไปคลี่คลาย สนุกสนานแบบ return of the Jedi ใน jl อีกอย่าง แซค จะเปรียบ ซูเปอร์แมน กับ พระเยซู ที่เจอเรื่องสาหัสแล้วสละชีพ ก่อนที่จะฟื้นคืนชีพมาสว่างไสว แต่ยังไม่ทันจะได้ไปสู่จุดนั้น ก็เจอกระแสคิดว่ามันจะเข้มไปตลอดซะก่อน อีกประเด็น ว่าด้วยเรื่องของโทน บางทีมันก็แปลกๆสำหรับการฟิกเรื่องโทนกับอเมริกันคอมิคที่มีการตีความและโทนค่อนข้างหลากหลายตามแต่ศิลปินมาตั้งแต่เป็นคอมิคอยู่แล้ว ซึ่งต่างกับมังงะญี่ปุ่น และถึงไม่ใช่แฟนแต่ก็พอเคยอ่านมาบ้างเหตุการณ์ช่วงที่เอาไปทำเป็นหนัง ในคอมิคมันก็ไม่ได้สดใสนะ นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องการปรับให้เข้ากับฟอแมทภาพยนตร์ด้วยนะ อย่างโทนที่ไม่ค่อยโดนติติงอย่างที่มาเวลใช้อยู่ผมว่าก็นิ่มกว่าในคอมิคนะ ไม่ถึงกับตรง และมีข้อจำกัดในหลายๆทางที่เล่นไม่ได้ กลับกันมองว่า ดีซี สามารถเล่นโทนได้กว้างกว่าตามจังหวะเหตุการณ์ ไม่ว่าจริงจัง หรือ สดใส ระยะหลังสังเกตหลายข่าว ดีซี/วอเนอร์ค่อนข้างตามน้ำ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ประมาณว่า โอเค ดาร์คก็ดาร์ค ก็ดีนะ จากนี้อะไรก็จะง่ายขึ้นแล้ว จากข่าวที่ค่ายจะแยกให้จักรวาลหนังหลัก เป็นสไตล์มาตรฐานชัดๆไปเลย แล้วมีอีกจักรวาลหนังหนึ่งแบบไว้ให้ศิลปินปล่อยติสท์ได้เต็มทึ่ แยกมา แบบที่โลกคอมิคมี จากก่อนหน้าที่ใช้คอนเซ็ปท์ ตลาด+ติสท์ แล้วมันเกลาให้ลงตัวหรือให้ถูกใจคนหมู่มากได้ยาก