ผลการศึกษาบอกว่า Rotten Tomatoes ไม่มีผลต่อรายได้หนังในสหรัฐ

รายได้หนังซัมเมอร์ในสหรัฐปีนี้ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งไม่เคยต่ำขนาดนี้มาตั้งแต่ปี 2006 ครับ บรรดาผู้บริหารของค่ายหนังบางค่าย หรือคนทำหนังบางกลุ่มโทษไปที่มาตรวัดหรือการประเมินวิจารณ์หนังของเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่ทำให้ผู้ชมไม่อยากออกมาดูหนังกัน โดยเฉพาะกับหนัง Emoji Movie และ Baywatch ที่มีรายงานจากวงในว่าผู้บริหารฉุนมากๆ แต่ปรากฏว่าผลวิจัยของศูนย์เทคโนโลยีบันเทิงแห่งมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย กลับได้ข้อสรุปตรงกันข้ามว่า การประเมินคะแนนของเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลถึงรายได้ภาพยนตร์ในสหรัฐเลย
อีฟ เบอร์ควิสต์ ผู้อำนวยการของโครงการข้อมูลและการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้นำตัวเลขรายได้ภาพยนตร์ในสหรัฐตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2017 มาวิเคราะห์กับคะแนนของ Rotten Tomatoes และสรุปว่า “คะแนนของ Rotten Tomatoes ไม่เคยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ภาพยนตร์ ไม่ว่าทั้งในทางบวกหรือในทางลบ
แค่เฉพาะรายได้ของหนังซัมเมอร์ปี 2017 ก็เห็นได้ถึงค่าความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนมะเขือเน่าหรือสดว่าไม่ส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อรายได้หนัง ความจริงแล้ว หนังที่ทำเงินทั่วโลกเกิน 300 ล้านเหรียญในปีนี้จะได้คะแนนอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีคะแนนอยู่ราวๆ 77.5% สูงกว่าปี 2013 ที่ได้ราวๆ 73%
แล้วเคยมีไหมที่ผู้ชมกับนักวิจารณ์มีความเห็นสวนทางกันต่อหนังเรื่องหนึ่งๆ ในรายงานบอกว่าไม่มี ผลการวิเคราะห์บอกว่าคะแนน Rotten Tomatoes ของฝั่งผู้ชมค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกับฝั่งนักวิจารณ์ “คะแนนของผู้ชมกับคะแนนของนักวิจารณ์ไม่ได้แตกต่างกันจนเห็นได้ชัด ยิ่งที่หนังทำเงินมากบนตารางหนังทำเงิน คะแนนระหว่างสองฝั่งยิ่งแตกต่างกันน้อย ซึ่งแปลว่าผู้ชมเริ่มกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเดาออกว่าหนังเรื่องไหนแย่ และหนีห่างออกมา
เบอร์ควิสต์บอกด้วยว่า การทุ่มเงินให้งานสร้างหนังและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกหนักๆ ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าหนังจะทำเงินสูงตามด้วย ยิ่งทุนสร้างเพิ่มสูงมากก็ยิ่งเสี่ยงด้านการเงินมาก และเป็นเหตุผลที่วอลสตรีตค่อนข้างโหดร้ายต่อหุ้นของธุรกิจบันเทิงในระยะหลัง
ที่มา: Variety

3 comments

  1. ไปดูโรงหนังค่าตั๋วก็แพง ราคาอาหารป็อบคอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนก็เยอะเดี๋ยวลุกเข้าลุกออก ตอนนี้ยิ่งมีพวก Netflix หรือว่าจะ torrent ด้วยคนก็เลยขี้เกียจออกจากบ้านกัน จากสาเหตุเหล่านี้จึงสามารถสรุปได้ว่าเว็บมะเขือเน่าก็ยังเน่าอยู่ดี

  2. จริงๆแล้วตาม sense น่าจะมีผลนะครับ ไม่รู้ว่างานวิจัยนี้ลึกขนาดไหน ทุกแง่มุมรึเปล่า แต่มันแค่ไม่แปรผันกันตรงๆในทุกรณีเท่านั้น มันจะมีหนังบางประเภทที่ต้องดูคะแนนวิจารณ์ก่อนเสียเงินเข้าโรง แต่มันก็มีอีกประเภทเช่นหนังฟอร์มใหญ่ ครอบครัว ภาคต่อ แฟนคลับเหนียวแน่นไรงี้ที่จะต้องดูแน่นอนไม่อ่านรีวิว สรุปคือผมว่ามันมีเปอร์เซ็นต์ที่มีผลแน่นอนครับ แต่จะว่ากันทำไมเพราะสิ่งที่สตูดิโอควรทำคือทำหนังดีๆออกมาสิ

Leave a Reply