วอร์เนอร์ฯ เล็ง แมทธิว วอห์น จาก Kingsman: The Secret Service กำกับ Man of Steel 2

ดูเหมือนว่าวอร์เนอร์ฯ อาจจะไม่ใช้บริการของแซ็ค สไนเดอร์ ผู้ที่เปิดจักรวาลภาพยนตร์ดีซีให้ และกำกับ Man of Steel ภาคแรก มารับหน้าที่กำกับภาคต่อไปครับ ถ้าตามรายงานนี้ถูกต้อง

Collider หนึ่งในเว็บข่าวหนังชั้นนำรายงานว่า วอร์เนอร์ฯ กำลังเล็งแมทธิว วอห์น จากหนัง Kingsman: The Secret Service มารับหน้าที่กำกับภาคต่อ Man of Steel ที่กำลังวางแผนที่จะสร้างอยู่ในตอนนี้ครับ ยังไม่ได้แน่ชัดว่าวอห์นจะได้กำกับหรือไม่ เพราะยังอยู่ในขั้นพูดคุยเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอให้ แต่หากวอห์นไม่ได้กำกับเรื่องนี้ วอร์เนอร์ฯ ก็ยังอยากให้เขามารับหน้าที่กำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ในเครือดีซีเรื่องอื่นต่อครับ พูดง่ายๆ คือเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก และขอให้ได้ตัวมาไม่ว่าจะมาทำหนังเรื่องไหน

ถ้าใครติดตามผลงานของวอห์นดีก็คงรู้ว่า เขากำกับหนังจากนิยายภาพหรือหนังสือการ์ตูนมาเป็นส่วนใหญ่ และยังเป็นผู้รับหน้าที่ยกเครื่องใหม่ให้จักรวาล X-Men ด้วย X-Men: First Class ภาคที่หลายคนยกให้เป็นหนัง X-Men ที่ดีที่สุดครับ

ในปี 2010 หลังจากประสบความสำเร็จร่วมกันกับมาร์ค มิลลาร์ ในหนัง Kick-Ass วอห์นกับมิลลาร์ได้นำเสนอแนวคิดหนัง Superman ฉบับใหม่ให้วอร์เนอร์ฯ แต่วอร์เนอร์ฯ เลือกแนวคิดของคริสโตเฟอร์ โนแลน กับ เดวิด โกเยอร์ แทน ในการนำไปสร้าง Man of Steel และได้พูดถึงซูเปอร์แมนในฉบับที่เขาอยากทำว่า “ผมคิดว่าอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทำสำหรับ Superman ก็คือทำออกมาแบบแนวจริงจังเหมือนหนัง The Dark Knight เพราะ Superman เป็นเรื่องของสีสันและความสนุก หรือควรเป็นแบบนั้นสำหรับผม

วอร์เนอร์ฯ พยายามเน้นให้หนังซูเปอร์ฮีโร่เครียดน้อยลงในพักหลังนี้ ดูได้จากแนวทางต่อ Justice League และอาจเป็นเหตุนี้ก็ได้ครับที่กลับไปหาวอห์นในการทำภาคต่อ Man of Steel

วอห์นยังมีโครงการหนังจากหนังสือการ์ตูนอยู่อีกหลายเรื่อง และงานล่าสุดที่จะออกฉายในปีนี้ก็คือ หนังสายลับภาคต่อ Kingsman: The Golden Circle

8 comments

  1. ผมกล้าพูดเลยว่าหนัง Kick-Ass ของแมตทิว วอนน์ สนุกกว่าต้นฉบับการ์ตูนของมาร์ค มิลล่าซะอีก โดยเฉพาะตอนท้าย ๆ ที่ฉบับการ์ตูนทำให้มันกลายเป็นตลกร้าย แต่แมตทิวทำให้มันดูเมคเซนส์ในแง่การเล่าเรื่อง ไม่งั้นขืนจบแบบการ์ตูนคงได้มีปาขวดในโรงหนังกันแน่

  2. แมทธิว ชอบอะ เคยนึกอยากให้มาทำหนังดีซีพอดี สามารถทำด้านสดใสออกมาได้มีรสนิยม คือไม่ใช่สดใสแบบจังหวะป๊อปวัยรุ่น แถมยังมีความหนักแน่นจริงจังผสมอยู่กับความสดใสได้อย่างไม่น่าเชื่อ. ส่วนเรื่อง jl เท่าที่ ติดตามข่าวมา ไม่ได้เป็นการปรับให้สดใสขึ้นทีหลัง แต่วางมาแต่แรกๆแล้ว คือกำหนดให้ bvs เป็นช่วงเวลามืดมนของชีวิตของแบทกะซุป พอใน jl ก็เป็นเหมือนฟ้าหลังฝน การเกิดความหวังใหม่ ส่วนหนังหลัง jl สดใสขึ้น ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ขอเพียง สดใสโดยไม่เสียความเท่ หนักแน่นของ ฮีโร่ และสไตล์ของความสดใสขอแบบคลาสสิคหน่อย ไม่ใช่แบบติ๋มๆ ซึ่งก็คือสิ่งที่ แมทธิว วอห์น น่าจะทำได้ ว่าแต่โอกาสได้ตัวจะเท่าไหร่่นะ อยากให้ได้จริงๆ

  3. ดีครับ ไม่อย่างงั้นหนัง Super Hero ของ DC เข้าสู่ยุคมืดแน่…ไม่รู้จะต้องลงทุนกับฉากใหญ่โตมโหฬารที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่มอีกเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ผกก.ที่ปูอารมณ์คนดูได้ดีอย่างวอนเข้ามาช่วย
    ชอบที่แกทำ Kick Ass ตอนจบรู้สึกพีคสุดๆ (ฉากที่พระเอกบินขึ้นมาบนตึกแล้วยิงผู้ร้าย)

Leave a Reply to hunsatimeCancel reply