ผู้กำกับชาวเยอรมัน อูเวอ บอลล์ จัดเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนศตววรษ แต่ดังในแง่ลบ ในแง่ที่เป็นผู้กำกับหนังแย่ เป็นต้นว่า Alone in the Dark, Bloodrayne, House of the Dead เป็นต้น จากนั้นก็ทำหนังลงแผ่นเป็นหลัก และยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงผลงานเรื่องล่าสุด Rampage: President Down ซึ่งดูเหมือนว่าอาจเป็นงานกำกับเรื่องสุดท้ายของเขาแล้วครับ บอลล์ออกมาบอกว่าจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา และคงอำลาอาชีพผู้กำกับหนังแต่เพียงเท่านี้
เหตุผลที่บอลล์จะเลิกสร้างหนังไม่ใช่ว่าเพราะหมดไฟแล้ว แต่เป็นเหตุผลด้านการตลาดเป็นหลักครับ “ตลาดตายแล้ว เราไม่สามารถหาเงินได้จากการสร้างหนังอีกแล้ว เพราะตลาดดีวีดีกับบลูเรย์ทั่วโลกตกลง 80% ในช่วงสามปีมานี้ นั่นแหละคือเหตุผลจริงๆ ผมไม่อาจลงทุนสร้างหนังได้อีกต่อไป ผมกลับไปเรียนทำหนังไม่ได้ เพราะผมได้สร้างหนังมาหลายเรื่องแล้ว และผมก็ไม่อาจทำหนังที่ถูกลงๆ ได้อีก ด้วยอายุขนาดนี้ของผม ผมน่าละอาย ผมยินดีที่จะได้สร้างหนัง แต่มันไม่ให้กำไรด้านรายได้อีกแล้ว”
บอลล์บอกด้วยว่าเขาเป็นคนออกทุนสร้างหนังของเขาเองในหลายปีมานี้ และไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป “ผมไม่เคยมีใครให้เงินผม ผมใช้เงินตัวเองมาตั้งแต่ปี 2005”
ที่มา: Metro
เย๊
จงใจใส่ภาพนี้ใช่ไม่
คุณเจไดยุทธ
ดีใจสุด
ทำไมแกไม่ไปเป็นพันธมิตรกับตลาดสตรีมมิ่งอย่าง Netflix แทนละครับ
เห็นใจสมาชิก Netflix ด้วยครับ
แกน่าจะบินมาไทย มาแต่งงาน…เอ๊ย ร่วมงาน กับเจ๊ พจน์ อานนท์ น่ะ…..จะได้เรียนรู้ว่า ทำหนังแย่ๆยังไงแล้วได้ตังค์…แถมมีแฟนขับเอ๊ย คลับ
ก็ไม่เคยดูหนังของพี่แกหรอก แต่ทุกทีก็คุยว่าต้องดีหยั่งงั้นหยั่งงี๊…
ขี้โม้ แล้วโดนด่าทีหลังเนี่ย มันจุดขายที่น่าติดตามผลงานจริงๆ เลย
ผมว่าพี่แกน่าจะเลิกไปตั้งแต่มีคนด่าแล้วท้าต่อยปากเค้าอีกโน่นเลย… สับสนกับวิสัยทัศน์พี่แกจริงๆ
อืมม คือไม่มีใครกล้าให้ตังค์มาสร้างหนังเพราะอะไรถามใจดู…
แต่ละเรื่องที่ทำมา….Alone in the Dark, Bloodrayne, House of the Dead
โดยเฉพาะเรื่องสุดท้ายย….คืออบับบ….เกลียดดดดดดดดดดดดดดด
ก็ตรงดี คือต้องเข้าใจก่อนว่าตานี่ทำหนังไม่ได้เพราะรักหนังหรือรักเกม หรืออะไรทั้งนั้น มันทำหนังเพราะประเทศมันจะมีโครงการที่ช่วยออกงบให้สำหรับอุตสาหกรรมหนัง เพราะงั้น มันเลยเอาพวกเกมดังๆ มาทำโครงการเสนอ แล้วมันก็ได้ตังมา มันหากำไรจากตรงนี้ล่ะครับ ซึ่งปัจจุบันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างตามที่มันบอก ผมก็ไม่ทราบ แต่คงเป็นไปตามนั้นแหละคือมันหากำไรจากธุรกิจนี้แบบที่มันเคยทำมาไม่ได้แล้ว มันก็เลยเลิก (พูดอีกอย่าง ถ้ามันสามารถหาเงินด้วยวิธีแบบนี้ต่อไป มันก็จะทำอีก!)
ขนาดผมว่าเกลียดพจน์ อานนท์แล้วนะ แต่ต้องยอมรับว่าเจ๊พจน์แกทำการตลาดเก่งมาก หนังแกกำไรแทบทั้งนั้น แต่ไอ้หมอนี่คือต่ำตมมหานรกแล้ว หนังมันไม่เคยกำไรเลย (อ้อ กำไรบางเรื่องที่หน้าหนังพอจะดูได้หน่อย หลอกคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าไปดู) อย่าง Far Cry นี่ลงทุนไปสามสิบกว่าล้าน ทำรายได้ไปราวเจ็ดแสนเงี้ย เหอะๆ (แต่ตัวมันเองกำไรไง เพราะได้ทุนมาเยอะ)
เท่าที่ผมเคยอ่านบทความเกี่ยวกับตานี่มา
คือ รัฐบาลเยอรมัน เขามีนโยบายช่วยคนทำหนังด้วยการ ยกเว้นหรือคืนภาษีให้กับ ผู้ประกอบการหรือทำหนังใรกรณีหนังที่สร้างมา เจ๊งกระจายหรือไม่ทำเงินครับ
และเห็นว่า มีนักลงทุรกลุ่มหนึ่งที่ฉลาดแกทโกงตะเลี่ยงภาษีก็มักจะให้ทุนอุดหนุน หนังที่ทำท่าว่าจะห่วยหรือเจ๊ง เพื่อใช้ช่องว่างตรงนี้เลี่ยงภาษี แน่นอนว่าต้องเป็นหนังตาอุเว่ ที่อยู่ใรเป้าหมายพวกนักลงทุน
แต่เห็นว่า ปัจจุบัน เยอรมันเปลี่ยนโยบายตรงนี้ไปแล้วครับ ตาอุเว่ เลนหาเงินสนับสนุนมาทำหนังไม่ได้อีก เลยต้องควักตังค์ตัวเอง(น่าจะประมาณปี2005อย่างในหัวบทความน่ะแหละ)
In the Name of the King อีกเรื่องครับที่พี่โล้น Jason Statham ร่วมแสดงด้วย
เคยมีข่าวว่าพี่แกสนใจจะเอา Metal Gear Solid กับ WoW มาสร้างหนังด้วย แต่ค่ายเกมส์ปฏิเสธทันควัน 555
[…] แม้ว่าจะเคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2016 ว่า “Rampage: President Down” จะเป็นผลงานกำกับเรื่องสุดท้ายของเขา แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้กำกับอูเวอ บอล ที่ทำหนังจากวิดีโอเกมมามากมาย เช่น “Postal”, “Bloodrayne” และ “Alone in the Dark” ได้เตรียมกลับมาทำงานหลังกล้องอีกครั้งในหนังเรื่อง “Ness” ที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงของเอริก เนสส์ ผู้รักษากฎหมายเจ้าของฉายา “The Untouchables” ครับ […]