Suicide Squad – ความเห็นหลังชม

suicide squad new pic 02Suicide Squad อาจไม่แย่ขนาดคำวิจารณ์ แต่เป็นหนังที่มีนักแสดง แนวคิด การออกแบบซีน และตัวละครที่มีศักยภาพจะเป็นหนังฮีโรที่เปรี้ยว เผ็ด เข็ดฟันได้ แต่กลับเล่าเรื่องได้”งั้นๆ”

หนังบู๊ควรเป็นเหมือนรถไฟเหาะที่ค่อยๆ วิ่งแรงขึ้นๆ จนพุ่งสู่จุดสูงสุด แต่ Suicide Squad คือรถหวานเย็นที่วิ่งแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง จอดแวะทุกปั๊มเพื่อให้ตัวละครมาตั้งคลับฟรายเดย์ เล่าเรื่องน้ำเน่าๆ คลีเช่ๆ ให้เสียขบวน ซึ่งน่าเบื่อมาก และแทบไม่เกิดผลอะไรกับโครงเรื่องหลักเลย

หนังบู๊ควรมีฉากบู๊ให้รู้สึกตื่นเต้น ลุ้น หรือมันส์ แต่หนังเรื่องนี้กลับเป็นหนังบู๊แบบขายภาพสวย แทนที่จะตัดต่อฉับๆ แต่กลับใช้ภาพสโลว์โมชั่น ให้ผู้คนได้ชมกันว่าฉากนั้นวางองค์ประกอบภาพมางามแค่ไหน หรือเหมือนภาพในคอมมิกแค่ไหน เป็นการโฟกัสที่ผิดจุดมากๆ

เด๊ดช็อตของวิล สมิธ เป็นตัวละครที่เท่ที่สุด แต่เด่นสุดคงต้องเป็นฮาร์ลี ควินน์ ที่บ้ามาจากข้างใน ทำให้ทุกการกระทำของเธอน่ามอง น่าติดตาม เดายาก และเป็นสีสัน แต่คนที่กินรวบทุกคนคืออแมนดา วอลเลอร์ ของวิโอลา เดวีส ที่ต่อให้ปะทะตัวประหลาดอีก 7 ก็ข่มเธอไม่ลง ที่เหลือไม่มีอะไรให้น่าจำเท่าไหร่ โจ๊กเกอร์ของจาเรด เลโต ไม่ได้บ้าจากอินเนอร์ เหมือนทำท่าบ้า เลยดู”พยายาม”

แล้วโดยแนวคิดของหนัง มันควรเป็นหนังรวมดาวร้ายดาวบ้าดาวเพี้ยนไม่ใช่หรือ แต่มีแค่มาโกต์ ร็อบบี้ กับ วิโอลา เดวีส สองคนเท่านั้นที่อินเนอร์ได้ ที่เหลือแค่ดูเป็นพระเอก เป็นสุภาพบุรุษ หรือไม่ก็”พยายาม”จะร้าย

แต่ถ้าถามว่าควรดู Suicide Squad ไหม ถ้าใครจะติดตามจักรวาลดีซีต่อไปก็ควรดูแหละครับ มันเหมือนมาช่วยเปิดจักรวาล ถ้าไม่ได้ดูก็อาจจะตามหนังเรื่องอื่นๆ ที่จะสร้างในภายหน้าไม่ทัน เพราะมันมีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน

ยังไม่รู้ว่าจะให้คะแนนหนังเท่าไหร่ แต่โดยส่วนตัวชอบ Batman v Superman: Dawn of Justice League มากกว่า อย่างน้อยก็มีฉากบู๊ที่ตื่นเต้นของแบทแมน และงานภาพยิ่งใหญ่ๆ ส่วนความสนุกของหนังก็รู้สึกว่าใกล้เคียงกับ  Independence Day: Resurgence ครับ

ใครชมหนังแล้วก็มาใส่ความเห็นกันเลยครับ บอกแต่ความรู้สึกก็พอ ไม่ต้องเล่าฉากหรือเนื้อเรื่อง เพื่อไม่เป็นการสปอยล์

13 comments

  1. สงสัยทาง DC จะมีปัญหากับการเล่าเรื่องจริงๆซะแล้ว ถัดจาก BvS ก็มา Suicide Squad
    นี่สองเรื่องติดๆแล้วนะ
    เริ่มหวั่นๆกับ WW และ JL ซะแล้ว

    นี่ยังไม่ได้ไปดูนะครับ แต่ฟังที่คุณยุทธบรรยายฉากบู๊มา ก็รู้สึกเสียดาย ถ้าเรื่องนี้ได้ Matthew Vaughn มากำกับล่ะก็ เคมีคงจะเข้ากันกับธีมเรื่อง

  2. ยังไม่ได้ดูครับ แต่ดูใน animation มา รู้สึก ทึ่งกับโครงเรื่องมากๆ ดูสนุกตื่นเต้น เพราะไม่ได้เล่าปูมหลัง ของตัวละคร จุดพลาด น่าจะเป็น เอาเวลาไปเล่าปูมหลัง เหมือน B V S ก็หลับกัน เพราะ ไม่ FOCUS ที่ การปะทะ ระหว่าง B & S รู้สึกเสียดาย ทั้ง 2 เรื่องเลย ที่ แกนหลัก ของเรื่อง น่าตื่นตาตื่นใจ กว่า CW แต่ทำจาก วรรณกรรม มา เป็น บทสวดมนต์ ซะงั้น

  3. มองในมุมคนไม่ได้ติดตาม DC สายหลัก แต่เป็นคนดูหนังฮีโร่ทุกประเภท งานฮีโร่ที่หยาบที่สุดและไม่สนุกเลยเท่าที่ดูมา คือ THOR the dark world เนื้อเรื่องเส้นตรง เดาง่าย ไม่มีอะไรให้น่าค้นหา ส่วนที่ต่ำกว่าคงรู้่อยู่แล้วว่าเรื่องอะไรไม่ต้องพูดถึงมัน BVS เพิ่งได้ดู ซึ่ง มันก็โอเคนะ แม้ตัวร้ายจะถูกดัดแปลงไปเยอะ แต่ก็ยังพอไปวัดไปวาได้บ้าง การวางโครงเรื่องหลัก คงเป็นปัญหาสำหรับ DC แล้วล่ะ อาจจะปล่อยให้ผู้บริหารมีอำนาจมากไป หรือ การหาบทและ นักแสดงแม่เหล็กอาจจะต้องเจ้าระเบียบมากกว่านี้เพื่อไม่ให้โดนด่า (ยังไม่ได้ดู 55555+)

  4. ปัญหาคือโทนหนังมันควรที่จะเป็นเรต R ความรุนเเรง คำพูด มันทำให้หนังสมจริงมีคุณภาพในตัวมากขึน BVS ถ้าลองได้เรต R คุณภาพมันจะสูงกว่านี้มาก เพราะเข้ากับโทนเลย เเละเรื่องนี้ก็เหมือนกันหนังได้เรต pg-13 ทำให้หนังดูไม่สมจริง อย่าง อินเซฟชั้น ดาร์คไนส์ ทั้ง 2 ภาค ผมว่าผู้กำกับเก่ง ทำให้หนังเรต pg-13 ความกดดันภาพเหมือนดูหนังเรต R เลย

  5. ทีมงานของดีซี กับหนังซุเปอร์ฮีโร่ นี่บุคคลากรยังมีกึ๋นไม่พอครับ หนังอย่าง suicide squad นี่ต้องเป็น แนวของ ผกก. McG หรืิไม่ก็ Rawson Marshall Thurber ครับ หนังดูได้ แต่ไม่มีไรน่าจดจำ ทั้งๆ ที่ตัวละครรวมกันแบบนี้ เล่าอัดๆเน้นๆเอามันส์ แบบไม่มีที่มาที่ไปยังสบายเลย…เพราะนี่ไม่ใช่ dark knight trilogy นะครับ…

  6. Marvel จ่ายเงินให้คุณ Jediyuth เท่าไร? (แซวเล่นขำๆจ๊ะ) ต่อให้หนังแย่แค่ไหน มันก็ยังทำเงินอยู่ดี เพราะกระแสแรงมากกกกจนน่ารำคาญ คงเป็นเพราะWill Smith กับ Margot Robbie นี่ล่ะที่เป็นตัวเรียกผู้ชมได้. แต่คิดว่าส่วนตัวแล้วถ้า Harley Quinn เปลี่ยนคนเล่นอาจจะสนุกกว่านี้ก็ได้

  7. พึ่งดูจบมาตะกี้ครับ เรื่องฉากแอ๊กชั่นธรรมดาเกินไปนี่ก็พูดกันไปแล้ว แต่สำหรับผมแม้ว่ามันจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่เมื่อมีองค์ประกอบเป็นตัวละครพิลึก ๆ มากมายมันก็ช่วยให้หนังมีความน่าสนใจขึ้นบ้างไปจนจบเรื่อง และจุดพลิกผันช่วงกลางเรื่องก็ทำได้เซอร์ไพรส์พอสมควร (ตอนนั้นเหลือบไปดูนาฬิกาพร้อมอุทาน อ้าว แค่เนี้ย !? แต่จริง ๆ ยังมีต่อ) ส่วนเรื่องตัวร้ายไม่ดีนี่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะเจอไอ้ที่แย่กว่านี้หลายเท่ามาแล้ว เช่น เมเลคิท ในทอร์ 2 หรือ Whiplash ในไอรอนแมน 2 และที่สำคัญเราคงได้เห็นอะไร ๆ มากกว่านี้อีกเยอะจากจุดที่เรื่องนี้เปิดเผยขึ้นมา

    ถ้าจะบอกปัญหาของหนังเปิดจักรวาล DC ที่ผ่านมาคืออะไร ก็คงต้องบอกว่าวอร์เนอร์อาจจะเชื่อมั่นในตัว แซค สไนเดอร์ ในการเป็นผู้กุมบังเหียนทั้งหมดมากไปหน่อย เพราะ Man of Steel เขาฝากผลงานไว้ดีพอสมควร ซึ่งจากที่เห็น ผมคิดว่า แซค สไนเดอร์ ไม่ได้เป็นผู้แตกฉานด้านการ์ตูน และ ภาพยนต์ ในคนเดียวกัน แบบ เควิน ไฟกี้ ของมาเวล ทำให้การจับเอาตัวการ์ตูนมาลงจอจากสองเรื่องในปีนี้มันเลยดู “เป็นตัวละครของสไนเดอร์” มากกว่าจะ “เป็นตัวการ์ตูนของ DC” ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่า การสลับเอา เจฟฟ์ จอห์น ซึ่งเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับ เควิน ไฟกี้ มากุมบังเหียนแทน จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง แต่ไม่เห็นด้วยกับที่ว่าถ้าทำแบบมาเวลคือทำหนังแยกก่อน จะออกมาดีกว่า เพราะดีซี ทำหนังแยกของฮีโร่มาหลายเรื่องแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย นอกจากแบทแมน ตัวเดียว การเอาแนวทางแบบหนังซีรี่ย์ ที่จะค่อย ๆ คลี่คลาย ประเด็นไปเรื่อย ๆ จากจำนวนตอนฉายที่เพิ่มขึ้น อาจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าก็ได้ เพราะอย่างน้อย ๆ หนังทั้งสองเรื่องในปีนี้คงไม่คว่ำสนิทจนต้องยกเลิกทั้งหมดแน่ ๆ อยู่แล้ว รับประกันว่าเราคงได้ดูหนังดีซีไปอรกอย่างน้อย ๆ ก็ 3 – 4 ปี แน่ ๆ ล่ะครับ

  8. รู้สึกแปลกใจที่หนังสนุกกว่าคำวิจารณ์มากครับ เป็นอีกเรื่องที่ทำให้แน่ใจว่าควรไปดูเอง อย่าเชื่อคำวิจารณ์มากครับ ไปแบบเปิดใจให้เป็นอิสระไม่ตั้งความหวังมากแล้วคุณจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้มีดีกว่าหนังมาร์เวลหลายเรื่องแต่ผมก็ให้ยังเป็นรอง CAP2 CAP3 อยู่ครับ

  9. ฉากเปิดตัวละครสนุกดี เท่ทุกคน เดตชอตเยื่ยม ฮาร์ลี่ ควิน ยอด โจ๊กเกอร์ ดิบ เถื่อน

    บอกตรงว่า 3 คนนี้ทำให้หนังไปรอด

    ติมากตรงบทหนังที่เป็นแบบวิ่งๆ หยุดๆ ทำให้เสียอรรถรส แต่ยังดีที่มีเรื่องอื่นๆ ให้เซอร์ไพส์

    ฉากแอคชั่นทำได้ดี

    บทตัวละคร แม่มดเอนชาเทดไม่แข็งแรงพอ ทำให้ดูบทอ่อนแอเกินไป ไม่หนักแน่นเท่าที่ควร เทียบได้กับตัวร้ายใน Thor ภาค 2 ที่เป็นเอลฟ์มืดอะไรนั้น จำชื่อไม่ได้

    ถามว่าสนุกไหม ส่วนตัวหนังมันสนุกในตัวของมันเอง

    มันเป็นหนังรักแท้ อย่างแท้จริง ถึงมันจะเกิดขึ้นกับคนบ้าสองคน แต่มันก็คือรักแท้ ดูแลไม่ได้
    hahahaha

    6.5/10 กำลังดี

  10. เห็นด้วยกับคูณ Sati ครับ

    เพราะฉะนั้นจะวิจารณ์ส่วนที่ไม่ชอบเพิ่มเติม (555)
    ส่วนที่ต่างกันนิดนึงคือ ผมเฉยๆกับโจ๊คเกอร์เวอร์ชั่นนี้ มันมีส่วนที่ดูดีกับแย่ๆปนกัน
    ส่วนหนึ่งคงเป็นที่บทมันน้อยทำให้ไม่เห็นการแสดงอะไรมากด้วย

    ฉากช่วงต้นเรื่องน่าเบื่อ ถ้าเป็นการแนะนำตัวละครแบบดำเนินไปเรื่อยๆ มันจะโอเค แต่พอเน้นการย้อนความหลังแล้ว มันทำให้รู้สึกว่าเรื่องมันอึด ผมไม่เข้าใจที่บางคนเอาเรื่องนี้ไปเปรียบกับ The Avengers ซึ่งมันคนละอย่างกัน ถ้าจะเปรียบกับหนังมาร์เวล ผมว่า GOTG จะเหมาะกว่า ซึ่ง GOTG นั้นสามารถทำให้คนดูรู้จักตัวละครใหม่ๆได้ ด้วยตัวหนังภาคเดียวเช่นกัน และตัวละครก็เป็นแนว Anti-hero เช่นกัน แต่ทำได้ดีกว่ามาก

    ส่วนฉากแอคชั่นของ SS สำหรับผม มันดูธรรมดาไป และบทที่อ่อนทำให้กลุ่มพลีชีพพวกนี้ดูไม่ร้ายพอ
    ไม่เหมาะกับคำว่าพวก มหาวายร้ายเท่าไหร่

    สุดท้ายที่นึกออกคือ ฉากสู้กับตัวร้ายช่วงสุดท้ายของเรื่อง มันดูไม่สมเหตุผลเอาซะเลย

Leave a Reply to usaneeCancel reply