Batman v. Superman: Dawn of Justice จะปิดรอบการฉายด้วยรายได้ทั่วโลก $875 ล้าน

batman v superman intl trailerดูเหมือนว่า Batman v. Superman: Dawn of Justice จะไม่ได้ขึ้นทำเนียบหนังพันล้านเหรียญ และไม่น่าจะทำรายได้ถึง 900 กว่าล้านเหรียญตามเป้าที่ผู้บริหารของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส คาดไว้ครับ รายงานจากเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ บอกว่าหนังน่าจะทำรายได้ทั่วโลกอยู่ที่ราว 875 ล้านเหรียญ เมื่อปิดรอบการฉายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายได้ล่าสุดของหนังตอนนี้อยู่ที่ 864 ล้านเหรียญจากทั่วโลก โดยมีรายได้ในอเมริกาเหนืออยู่ที่ 326.2 ล้านเหรียญ และรายได้ในตลาดโลกอยู่ที่ 538.2 ล้านเหรียญ จะเท่ากับว่าจะเป็นหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำเงินทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลอยู่อันดับ 7 โดยที่ไม่ได้เทียบอัตราเงินเฟ้อ

ถ้าเทียบกับรายได้เฉพาะของหนังในอเมริกาเหนือ รายได้ในตอนนี้ถือว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลอยู่อันดับที่ 11 ซึ่งถ้าสามารถปิดตัวได้เกิน 333.2 ล้านเหรียญ ก็จะขึ้นมาอยู่ในอันดับสิบของหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลแทน Guardians of the Galaxy ได้ แต่คงไม่มีทางแซงรายได้ในบ้าน 361.8 ล้านเหรียญของ Deadpool และเมื่อเทียบในแง่ของหนังที่ทำเงินสูงสุดของปี 2016 แล้ว Batman v. Superman ยังห่างไกลจาก Zootopia ของดิสนี่ย์ที่ทำเงินทั่วโลกไปแล้วในตอนนี้ 933.9 ล้านเหรียญ และยังคงทำเงินต่อเนื่องอยู่อีกต่อไป

หากเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่เครือดีซีด้วยกัน รายได้ทั่วโลกของ Batman v. Superman: Dawn of Justice ยังเป็นรองสองภาคสุดท้ายของไตรภาค The Dark Knight ของคริสโตเฟอร์ โนแลน และหากมีการปรับค่าเงินตามอัตราเงินเฟ้อ ก็จะถือว่าทำเงินน้อยกว่า Batman ของทิม เบอร์ตันด้วย

ดูตารางเปรียบเทียบจาก THR ได้ที่ด้านในครับ

Superhero BoxOffice by THR

ที่มา: THR

 

12 comments

  1. ถ้าตัดต่อดีๆนะให้คนรู้เรื่องนะ ผมว่า 1200-1300 ล้านสบาย นี่ตัดไปตัดมาคนดูไม่รู้เรื่อง นอกจากพวก อ่านการ์ตูนมา เหมือน harrypotter ภาค 1 หนะที่หนังคนไม่เคยอ่านหนังสือเหมือนมันไม่ใช่หนังเลย

    • คือไม่ค่อยเห็นด้วยว่าดูไม่รู้เรื่องอ่ะครับ เพราะผมดูมาสองรอบก็ไม่เห็นว่ามันจะมีตรงไหนไม่เข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ แต่ถ้าบอกว่าเพราะหนังมันน่าเบื่อทำให้คนไม่ค่อยอยากเก็บรายละเอียดหนังเท่าไหร่นี่เห็นด้วย

  2. “รักมันแผ่วปลาย เธอมาทิ้งฉันไป” ปากต่อปากเลยเรื่องนี้ มีแต่คนบ่นว่า ไม่หนุก หลายคนเลยไม่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ นี่แหละ เหตุผล และย้อนดูปัญหาของหนัง ก้อคงอย่างที่พูดกัน บลาๆๆ สรุป เห้ย งานเข้าเฮียแซค!

  3. ผมว่าคนที่เล่นเกมส์อย่าง Batman Arkham knight, batman Origin ในps4 หรือXbox one มาหรืออ่านการ์ตูนมาน่าจะเข้าใจหนังเรื่องนี้ไม่ยากน่ะ เพราะมีEaster eggs ซ่อนอยู่เยอะมาก อย่างสัญลักษณ์เล็กๆเครื่องหมายคำถามของ Riddler ตัวร้ายในเกมส์ของ Batman Arkham knight ที่ปรากฎอยู่ในหนัง กับคนที่ไม่เคยทั้งเล่นเกมส์และอ่านหนังสือกา์ตูนอาจจะงงได้ว่านั่นมันคืออะไร แล้วนี้มันมายังไง เลอะเทอะไปหมด ผมว่ามันคนละฟีลคนละอารมณ์กัน คนเล่นเกมส์อ่านการ์ตูนมาก็อาจจะสนุกกับอะไรที่หนังซ่อนไว้

  4. เริ่มเห็นด้วยกับที่มีคนพูดว่า ” BvS มาเร็วไป” เพราะอีกฝั่ง (ขออนุญาตพูดถึง “อีกฝั่ง” แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าไม่อยากให้เอาไปเปรียบเทียบกัน แต่ก็อดเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ ) มีหนังออกมาหลายเรื่องหลายปีแล้ว คนดูรู้จักตัวละครเหล่านี้(ในฉบับภาพยนต์)ดี ถึงออกภาครวม/ปะทะกัน ผู้สร้างอาจคิดว่าแบทแมนและซูปเปอร์แมนคือสองผู้ยิ่งใหญ่ที่(เกือบ)ทุกคนทั่วโลกต้องรู้จัก แต่เอาเข้าจริงคนที่รู้จักแบทแมนและซูปเปอร์แมนจริงๆ ไม่ได้มากขนาดนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักแค่สองตัวละครนี้ชื่ออะไร แต่ไม่ได้รู้ประวัติ รู้ลึก รู้จักแบทแมนและซูปเปอร์แมนจริงๆ พอหนังออกมาแนวนี้เลยทำให้คนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้งงกันไป ไม่อิน และไม่ว้าว… ผลเลยออกมาแบบนี้

  5. เริ่มเห็นด้วยกับที่มีคนพูดว่า “BvS มาเร็วเกินไป”
    เพราะเมื่อเทียบกับอีกฝั่ง (ขออนุญาตเทียบกับอีกฝั่ง เพราะอดเอาไปเทียบไม่ได้จริงๆ) มีหนังออกมาหลายเรื่อง หลายปี ถึงออกภาคปะทะ/รวมพลกันออกมา ผู้ชมต่างรู้จักตัวละครเหล่านี้ในฉบับภาพยนต์เป็นอย่างดี แต่วอร์เนอร์อาจคิดว่า Batman และ Superman เป็นสองตัวละครผู้ยิ่งใหญ่ที่(เกือบ)ทุกคนทั่วโลกรู้จักดี การจะนำเรื่องสองตัวละครนี้มาปะทะกันไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่เอาเข้าจริง มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักแค่ “หน้าตาแบบนี้คือ Batman” หรือ “หน้าตาแบบนี้คือ Superman” แต่ไม่ได้รู้จักประวัติ หรือเรื่องราวของสองฮีโร่นี้จริงๆ พอหนังออกมาแนวนี้ ผลเลยออกมาแบบที่เห็น

  6. ว่าแต่เห็นการ์เดี้ยนทำเงินตั้งเยอะใน USA ทำไมรายได้ตลาดโลกมันถึงได้ไม่ไปโลดบ้างหว่า ดูแล้วก็สนุกดีกว่าหนังไอรอนแมน 3 ตั้งเยอะ

Leave a Reply to mr robotCancel reply