ผู้กำกับร่วมโจ รุสโซ เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์แก่เดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ ครับว่า หลังจากที่ดีซี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ประกาศสร้าง Batman v Superman เมื่อสามปีก่อน ทำให้มาร์เวลตัดสินใจที่จะให้ซูเปอร์ฮีโร่มาปะทะกันบ้าง
“ในส่วนหน้าที่ของเรา เราทำหนัง Winter Soldier จบสองปีก่อน และเราก็คุยกันถึงเรื่องต่อไป สิ่งเดียวที่เราเห็นว่าน่าสนใจก็คือการรื้อจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเสียใหม่ เพราะเราจะเล่าเรื่องอะไรได้อีกหลังจากนี้แล้ว”
โจขยายต่อว่า “ตอนนี้มาร์เวลมีหนังออกมา 11-12 เรื่องแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ในขนบโครงสร้างเดิมๆ สิ่งที่เรานำเสนอต่อพวกเขาก็คือ ผู้คนจะบอกว่าพวกเขาชอบไอศกรีมรสช็อกโกแลต แต่ก็จะเบื่อหลังจากเราให้กินสัปดาห์และห้าวัน ถึงเวลาให้ลองกินรสเรนโบว์เชอร์เบตบ้างได้แล้ว เควิน ไฟกี เป็นคนหัวนอกคอก และก็อ่อนไหวต่อความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อเนื้อหาของเขา เขาบอกว่าเราอาจพูดถูก และหลังจากมีการประกาศสร้าง Batman v Superman เขาก็มาบอกว่า พวกคุณพูดถูกเผงเลย เราต้องทำหนังที่ท้าทายเนื้อหา ไม่เช่นนั้น เราจะเริ่มสูญเสียผู้ชมไป”
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน โจบอกด้วยว่าสื่อสังคมออนไลน์ก็มีส่วนอย่างมากในการทำให้เนื้อหาของหนังซูเปอร์ฮีโร่เปลี่ยนไป “แต่ผมคิดว่าสื่อสังคมออนไลน์ได้มีส่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชมภาพยนตร์และรสนิยม คุณภาพของหนังใหญ่ออกมาดีมากและแข่งขันกันมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ เพระาสื่อสังคมออนไลนืและการพูดคุยในสังคมนั้น ผู้ชมแสดงออกชัดเจนมากขึ้นในเรื่องของรสนิยม และเราคงซี้แหงตั้งแต่หนังเข้าฉายตอนหกโมงเย็นวันศุกร์หากเราไม่สร้างหนังที่ดี และพวกเขาเริ่มเชียร์หนังที่มีหนังสือสุดโต่งแหวกแนวมากขึ้น Deadpool เป็นตัวอย่างที่ดี หนังเรื่องนี้ทำเงินทั่วโลก 750 ล้านเหรียญเลยนะ”