Batman v Superman ฉบับตัดต่อดั้งเดิมยาวเกือบ 4 ชั่วโมง มีตัวละครกับเส้นเรื่องมากกว่านี้

BVS cutเรารู้กันอยู่แล้วว่าฟุตเตจของหนัง Batman v Superman: Dawn of Justice มีมากกว่าที่เราได้ชมกันในโรงแน่ๆ ผู้ชมหลายคนรู้สึกได้ตั้งแต่หนังจบว่ามีหลายส่วนที่ยังอธิบายน้อยเกินไป แต่ส่วนไหนบ้างที่หายออกไป เดวิด เบรนเนอร์ ผู้ตัดต่อของหนังให้สัมภาษณ์แก่ Provideo Coalition ในฐานะผู้ตัดต่อภาพยนตร์ Batman v Superman: Dawn of Justice ว่าหนังมีเส้นเรื่องมากกว่าที่เราได้ดู และมีเรื่องราวของตัวละครอื่นอีกมากกว่าที่เราได้ชมกันในโรงอีกครับ “ในบทหนัง มีเส้นเรื่องมากกว่าที่คุณเห็นในหนังวันนี้ น่าจะถือว่าเป็นปัญหาด้านการตัดต่อที่ใหญ่ที่สุดของเราในการพยายามตัดต่อหนังให้ได้ความยาวที่สมเหตุผล สำหรับเราแล้ว ส่วนที่ยากที่สุดก็คือช่วงต้นเรื่อง จนกระทั่งถึงจุดที่บรูซ เวย์น บอกอัลเฟร็ดว่าอะไรอยู่บนเรือไวท์โปรเตอร์กีส…ความจริงเกี่ยวกับแผนของเขา ช่วงนี้แหละที่ทุกอย่างเริ่มเดินไปข้างหน้าจริงๆ จนจบเรื่อง แต่จนกว่าจะถึงจุดนี้ หนังจะเล่าเส้นทางเดี่ยวๆ ของหลายตัวละคร บ้างมาสวนทางกัน บ้างไม่ ในที่สุดจนถึงฉากนี้ ทุกเส้นทางได้มาบรรจบเป็นถนนเส้นเดียวกัน

นอกจากในแง่ของเส้นเรื่องแล้ว โครงเรื่องรองก็มีมากกว่าที่เราได้เห็นในหนังด้วย “ในบทหนัง มีโครงเรื่องรองกว่าที่คุณได้เห็นในหนังตอนนี้ นอกจากนี้แล้ว ในแง่ของการปูจุดเริ่มต้นของหนังขึ้นมา เราต้องปรับเปลี่ยนจากบท ในบทหนัง ตัวละครเล็กซ์จะได้รับการแนะนำในภายหลังนานกว่านี้ แต่เราพบว่าในการดูหนังแล้ว เพราะเขาเป็นตัวละครที่สำคัญมาก จึงควรใส่เขาเข้ามาเร็วขึ้นอีก นอกจากนี้ ก็ปรากฏตัวของเขายังเต็มไปด้วยพลัง ที่ช่วยเพิ่มความคึกคักให้แก่หนัง โดยหลักๆ แล้ว BvS เป็นความท้าทายที่พิเศษมากๆ ที่เราไม่เพียงมีตัวเอกแค่ตัวเดียว แต่มีถึงสองตัว ซึ่งแต่ละตัวยังมีอีกร่างอีก หนังจึงมีทั้งคลาร์ก เคนท์ กับซูเปอร์แมน, บรูซ เวย์น กับแบทแมน และยังมีตัวละครที่รายล้อมพวกเขา ได้แก่ลูอิส เลน, เล็กซ์ ลูเธอร์, วอลเลซ เคฟฟี, เพอรี่ ไวท์, มาร์ธา เคนท์, ตัวละครของฮอลลี่ ฮันเตอร์ และยังมีตัวละครอื่นๆ อีกที่โคจรรอบพวกเขา

แปลว่างานนี้จึงยากมากในการรับบมือ “มันมีหลายอย่างให้เราต้องจัดสรรไปมา เส้นเรื่องของบางตัวละครจึงต้องถูกตัดออกไป ตัวละครเหล่านี้อยู่ในหนังอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ติดตามนำเสนอเรื่องราวของพวกเขา และมันก็ไม่เป็นไร

เมื่อมีการคาดการณ์ว่าจะมีหนังฉบับเรต R ออกมา เบรนเนอร์ได้เล่าถึงการใส่ฉากที่ตัดออกกลับเข้าไป ทำให้รู้ว่าความยากของหนังนั้นไม่ธรรมดาเลย “สิ่งที่รู้สึกก็คือเมื่อเรากลับไปทำฉบับตัดต่อยาวพิเศษที่เรานำหลายฉากกลับเข้ามา แล้วเราก็เกลามันให้ได้ในจังหวะการดำเนินเรื่องแบบเดียวกับฉบับโรงหนัง แล้วพบว่าจากเดิมที่ยาวเกือบ 4 ชั่วโมง โดยใส่ทุกฉากเข้ามาหมด เราตัดเหลือประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อมีการเล็มส่วนที่เกินออกไปหมดแล้ว

9 comments

  1. มี 2 เรื่องที่หนังไปเสียเวลาซะเยอะ หนึ่ง เรื่องของลูอิส ที่เที่ยววิ่งไปทั่วเพื่อตามหาที่มาของกระสุน แล้วมันไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย กับสอง แนวกำกับภาพของแซ๊ค ที่ไม่รู้ว่า ทำไมต้องสโลโมชั่น อะไรเยอะขนาดนั้น ทำเป็นหนังจอร์นวูไปได้

    • เหตุเพราะ ก่อน BvS ไม่ได้ทำ แบท ของ อัฟเฟล็ค และ/หรือ WW ของสุดสวย ก่อน จึงทำให้ บทหนัง กระชับไม่ได้ สรุป คือ ผิดพลาด เพราะ BvS มาเร็วไปเกือบ 2 ปี และไม่ต้องกระเสือกกระสน รีบ สร้าง JL เพราะมันจะดับ แน่นอน ถ้าปูพื้นไม่ สมูท…

  2. +1 ทุกความเห็นครับ 5555

    คือถ้าฉบับเต็มมันมีเนื้อเรื่องที่ดี มีโครงที่ดี ทำไมทีมงานไม่ตัดต่อให้มันดีนะ ถึงจะบอกยาก มันก็ทำให้ดีได้นี่นา
    แบบนี้รู้สึกสงสัยว่าถ้าดู4ชม.จริง จะดีหรือเปล่า เพราะตัดต่อมาได้แย่ขนาดนี้ ใส่ขยะไว้ในหนังเยอะเกิน

  3. ***มีสปอยล์บางส่วนนะครับ ยังไม่ได้ดูข้ามไปนะ***
    หนังไปให้ความสำคัญกับฉากที่ไม่จำเป็นซะเยอะ
    เน้นฝันของแบทแมนเยอะเกินไป เอาที่พอควรก้อได้
    บางอย่างน่าจะเน้นกว่านี้ ก้อตัดออก บางอย่างน่าจะผ่านๆ ก้อเน้นซะเหลือเกิน
    ดู 2 รอบ ผมยังคิดว่าฉากมาธา มันฮาอยู่นะ สื่อสารไม่ค่อยดี หยุดสู้กันง่ายเกินไป กลายเปนเหมือนว่า ล้อชื่อแม่รึเปล่า แทนที่จะบอกว่า “ช่วยแม่ฉันที ช่วยมาธา”
    และการที่ไม่มีหนังของแต่ละตัวมาก่อน ไม่มีการปูเรื่อง ทำให้ต้องมาเล่าเรื่องกันใหม่ ไหนจะเส้นเรื่องหลักอีก มองว่าเอาไม่อยู่จริงๆ…ตอนนี้เป็นห่วง JL มากๆ 2 ชม.ครึ่ง จะเอาอยู่มั้ย…แบ่ง 2 ภาคก้อเถอะ

  4. เอา10ช.ม ไปเลยครับลวกพี่ …….

    เเล้วยกมาทั้งจักรวาลดีซี เลยนะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาปูพื้นก่อนไปดู JLA (ฮา)

  5. ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้มันมาเป็น “ข้ออ้าง” ที่หนังเวอร์ชั่นโรงออกมาแบบนี้ครับ ถ้าออกสามชั่วโมงกกว่ามาจริงก็จะรอดู

Leave a Reply to Anusuk S. JaideejungCancel reply