คำวิจารณ์เบื้องต้นต่อหนัง Batman v Superman: Dawn of Justice

batman v superman criticการปะทะกันครั้งแรกของซูเปอร์ฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Batman กับ Superman เป็นสิ่งที่ผู้ชมตั้งตารอคอย มันคือศึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ แต่ความเห็นชุดแรกของนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ต่อศึกครั้งนี้ใน Batman v Superman: Dawn of Justice ดูเหมือนจะบอกว่ายังเป็นการชกที่ไม่สมศักดิ์ศรีตัวละครครับ

คะแนนจากการประเมินเริ่มแรกของ Rotten Tomatoes บอกว่ามีนักวิจารณ์ชอบ 37% และคะแนนอยู่ที่ 5.4/10 จาก 53 บทวิจารณ์ (จำนวนนักวิจารณ์อาจจะชอบน้อย แต่คะแนนวิจารณ์เกินครึ่งนิดหน่อย) ขณะที่การประเมินของ Metacritic อยู่ที่ 47/100 จาก 24 นักวิจารณ์ชั้นนำ (คะแนนต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง)

ความชมโดยรวมอยู่ที่สเกลและความตื่นตาของฉากต่างๆ ในหนัง และเกือบจะทุกคนปรบมือให้ Wonder Woman ยกย่องว่าเธอคือตัวขโมยซีนในหนัง ขณะที่คำติแทบทั้งนั้นพูดถึงบทหนังที่ขาดความสมเหตุผล การเล่าเรื่องที่น้ำเยอะและนอกประเด็นมากเกินไป ขณะที่ความเห็นแบบก้ำกึ่งอยู่ที่ตัวละครเล็กซ์ ลูธอร์ ของเจสซี ไอเซนเบิร์ก กับแบทแมนของเบน แอฟเฟล็ค ครับ

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคำวิจารณ์จะออกมาแย่แค่ไหน นี่ยังเป็นหนังที่ผู้ชมส่วนใหญ่อยากชมกัน และรายได้ของหนังจะถล่มทลายแน่ๆ เว็บไซต์จองตั๋วหนังออนไลน์ของสหรัญอย่าง Fandango ระบุว่ามียอดจองตั๋วล่วงหน้าทุบสถิติหนังทุกเรื่องที่เคยมีมา สูงกว่า Avengers ภาคแรก และ Furious 7 ด้วย

ด้านในมีความเห็นบางส่วนครับ

ความเห็นจาก SlashFilm ชมฉากเปิดเรื่องของหนัง “แซ็ค สไนเดอร์ รู้ว่าจะเปิดหนังยังไงให้ปัง ส่วนใหญ่ด้วยการตัดต่อภาพที่เท่เหลือร้าย Batman v Superman ก็ไม่ต่างกันกับงานก่อนๆ ของสไนเดอร์ ในการให้เราได้ตื่นตากับฉากเทคนิคพิเศษก่อน” แต่เมื่อหนังดำเนินไป “ถ้าคุณอยากจะไปชมแบทแมนสู้กับซูเปอร์แมน คุณอาจผิดหวัง หนังมีฉากแค่ไม่กี่นาทีที่ให้เราเห็นสองซูเปอร์ฮีโร่ของดีซีสู้กัน และกว่าจะได้เห็นก็ต้องดูหนังอีกนานกว่าจะถึง” และให้คะแนนหนังที่ 6/10

Den of Greek เปรียบเทียบกับ Man of Steel ว่า “เหมือนกับ Man of Steel ที่เสียงแตก Batman v Superman เป็นหนังที่จัดหนักจัดเต็ม ซึ่งจะสร้างความตื่นเต้นให้บางคน และทำให้บางคนตกใจ เป็นอีกครั้งที่สไนเดอร์ใช้ปืนมาสู้ในการรบด้วยมีด” บทวิจารณ์ให้ 3/5 ดาว

แต่ก็ต่างจาก ปีเตอร์ แทรเวอร์ส จาก Rolling Stone ที่ให้ 3/4 ดาว และบอกว่า Batman v Superman ดีขึ้นกว่า Man of Steel แต่ยังห่างชั้นจากไตรภาค The Dark Knight ของคริสโตเฟอร์ โนแลน และแม้ว่าการปะทะกันของแบทแมนกับซูเปอร์แมนจะเป็นสิ่งที่แฟนคอมมิครอคอยมายาวนานที่จะได้เห็นในหนัง คนที่มากอบกู้หนังทั้งหมดคือสาวน้อยมหัศจรรย์สุดอัศจรรย์ที่รับบทโดยแกล กาโดท์

คำวิจารณ์ของ Empire ก็ให้ 3/5 ดาว และสรุปว่า “มีบางช่วงเวลาที่ทำให้หนังทั้งเรื่องคุ้มค่า และยังได้แนะนำแบทแมนคนใหม่ที่น่าสนใจ แต่มันยังมีการเล่าเรื่องระเกะระกะและโงนเงน และก็มีบางมุขตลกที่ไม่เข้าท่าด้วย

ท็อด แม็คคาร์ธี จากเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ ไม่ชอบเล็กซ์ ลูธอร์คนใหม่ “ผู้ร้ายในหนังเรื่องนี้คือเล็กซ์ ลูธอร์ ของเจสซี ไอเซนเบิร์ก เป็นตัวละครที่น่ารำคาญสุดๆ ตั้งแต่เริ่มแรก จนเราอยากให้แบทแมนกับซูเปอร์แมนหันมาจับมือกันแล้วรวมพลังจัดการไอ้ตัวป่วนน่ารำคาญนี้ให้พ้นๆ ทุกข์ไปซะ” และพูดถึงหนังโดยรวมว่า “ตูมตาม แต่ไม่สนุก

คำวิจารณ์จาก EW ที่ให้เกรด C+ บอกว่า “Dawn of Justice เป็นหนังใหญ่แน่ๆ การชกกันนั้นรัวเร็วและหนักหน่วง เนื้อเรื่องยืดยาด เทคนิคพิเศษมีการใช้พิกเซลหนักจนเฟ้อ ส่วนการแสดงนั้น (อย่างน้อยในบางส่วน) ก็หลวมสุดๆ ถ้าขนาดคือสิ่งที่คุณตามหา คุณจะไม่ผิดหวัง แต่ ณจุดนี้ของวงจรหนังซูเปอร์ฮีโร่ในฮอลลีวู้ด มันยังไม่พออีกหรือ

แต่กระนั้น ริชาร์ด โรเปอร์ จาก Chicago Sun-Times ก็แย้งด้วยการให้หนัง 4/5 และชื่นชมว่า “เมื่อมันโดน มันโดนอย่างจัง เมื่อมันยืด มันก็ยังดูดี และบอกใบ้เราว่ากำลังจะได้ชมฉากที่ดีขึ้นในอีกไม่ช้า

ในแง่ฉากแอ็คชั่น คำวิจารณ์จาก The Wrap บอกว่า “สไนเดอร์ทำฉากบู๊ให้มาอยู่ในระดับเดียวกับงานที่เทคนิคพิเศษที่อีรุงตุงนังแบบไมเคิล เบย์ ที่ไม่มีใครแน่ใจว่าใครทำอะไรกับใคร แล้วแสงเลเซอร์พวกนั้นมาจากทางไหน” และปิดท้ายว่า “รถขบวนของจักรวาลภาพยนตร์ดีซีได้ออกจากท่าอย่างเป็นทางการ แต่หวังว่าจะได้มีคนอื่นที่นอกจากสไนเดอร์แล้วมาเป็นผู้คุมพวงมาลัย ไม่งั้นมันอาจจะตกรางแล้วพุ่งเข้าชนอู่

หนังจะมีรอบสื่อในบ้านเราคืนนี้ครับ จะนำความเห็นมาเล่าอีกที

 

 

 

 

 

 

53 comments

  1. นักวิจารณ์ก็ส่วนนักวิจารณ์เนอะ ราคามันอยู่ที่คนดู เพราะราคาคนดูมักจะสวนทางกับราคานักวิจารณ์เสมอ (แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง)

  2. บอกเลยว่าเป็นคนนึงที่ไม่ชอบเรื่อง man of steel ผู้กำกับแซ๊คทำภาพออกมาเยี่ยมอย่างที่รู้กันจาก 300ม หรือ sin city แต่ต้องเป็นหนังที่ไม่เน้นบทเน้นเนื้อเรื่องนัก เลยเห็นแกจัดฉากต่อสู้กันตอนท้าย mos เยอะจนเลี่ยน แล้วจู่ๆซุปก็หักคอตัวร้ายเอาเลยง่ายๆตอนจบ แปลกดีสู้มาตั้งนาน เห็นก่อนหน้ามีคนโพสต์อวยกันว่า มีคะแนนออกมาจากสื่อไหนไม่รู้ 9.7/10 ว๊าว ยังคิดเลยว่าโม้แน่ๆ มาเห็นโพสต์นี้ ไม่ผิดจากที่คิดจริงๆ

    • +1

      ตอนแรกอ่าน1st wave review แล้วอวยกันเยอะมาก ทั้งๆที่ผมว่าหนังสไตล์แซ๊คมันไม่ขนาดนั้น
      แต่อันนี้จากนักวิจารณ์อาชีพที่ไม่ใช่แฟนคอมมิคส์ ผมว่าเชื่อถือได้นะ
      ที่เห็นอยู่บ่อยๆสำหรับฝั่งDC ก็มักมีปัญหาที่เนื้อเรื่องแหละครับ
      ยกเว้นผลงานของโนแลนที่โอเคหน่อย

  3. ไม่รู้สิครับ แค่บอกว่ามีฉาก นิมิต หรือความฝันของแบทแมนไรนั้น ผมก็ว่ามันยังไงๆ อยู่
    แต่ก็คงไปดูอยู่ดี

    • คำวิจารณ์ส่วนใหญ่บอกว่า ไอ้ที่คาดว่าน่าจะแย่ กลับทำได้ดี แต่ไอ้ส่วนที่มันควรจะดี กลับไม่ค่อยเนียน

  4. เรื่องรายได้ไม่น่ามีปัญหา ก็น่าจะได้ดู JLA ตามกำหนดการเดิมนะ

    เพียงแต่WB น่าจะเปลี่ยนแนวทาง Direction ของตัวเอง หาตัวแทนที่เป็นคนในฝั่งcomic DC มาจัดการบริหารหนังแบบ Kevin fiege ได้ซะที…..

  5. เอาแล้วไง ตอนนี้คนดูคงเริ่มขมวดคิ้ว ภาพ Suker Punchของเฮียแซคค่อยๆตามมาจิ้กหัวผมละฮับ อึ๋ยยยย

  6. เห็นบอกว่าชอบ ทำไมผมไม่ชอบผู้กำกับอย่างสไนเดอร์เอาซะเลย

    แสงอะไรไม่รู้ ปวดตา ไม่สมจริง ดูไม่รู้เรื่อง

  7. “แซ็ค สไนเดอร์ รู้ว่าจะเปิดหนังยังไงให้ปัง ส่วนใหญ่ด้วยการตัดต่อภาพที่เท่เหลือร้าย Batman v Superman ก็ไม่ต่างกันกับงานก่อนๆ ของสไนเดอร์ ในการให้เราได้ตื่นตากับฉากเทคนิคพิเศษก่อน” แต่เมื่อหนังดำเนินไป………. “

    “มีบางช่วงเวลาที่ทำให้หนังทั้งเรื่องคุ้มค่า และยังได้แนะนำแบทแมนคนใหม่ที่น่าสนใจ แต่มันยังมีการเล่าเรื่องระเกะระกะและโงนเงน และก็มีบางมุขตลกที่ไม่เข้าท่าด้วย”

    ไม่ชอบเล็กซ์ ลูธอร์คนใหม่

    “สไนเดอร์ทำฉากบู๊ให้มาอยู่ในระดับเดียวกับงานที่เทคนิคพิเศษที่อีรุงตุงนังแบบไมเคิล เบย์ ที่ไม่มีใครแน่ใจว่าใครทำอะไรกับใคร แล้วแสงเลเซอร์พวกนั้นมาจากทางไหน” และปิดท้ายว่า “รถขบวนของจักรวาลภาพยนตร์ดีซีได้ออกจากท่าอย่างเป็นทางการ แต่หวังว่าจะได้มีคนอื่นที่นอกจากสไนเดอร์แล้วมาเป็นผู้คุมพวงมาลัย ไม่งั้นมันอาจจะตกรางแล้วพุ่งเข้าชนอู่”

    พึ่งไปดูรอบสื่อมา
    ผมคัดเอาคำวิจารณ์จากสื่อเมืองนอกข้างบนที่ตรงกับความรู้สึกตัวเองมาแปะละกัน จะได้ไม่เป็นการ spiol

    จริงๆหนังมีส่วนดีพอสมควรนะครับ
    แต่รวมๆผมว่ามันไม่ว้าว

    หนังเสียเวลาไปกับบางอย่างมากเกินไป ในขณะที่ให้เวลากับบางอย่างน้อยเกินไป
    หรือจะบอกว่า ครึ่งแรกดีครึ่งหลังเลอะๆก็ได้

  8. บางครั้งผมว่า คนที่ทำหนัง ได้สมบรูณนี่หายากนะ แซคไม่ใช่คนที่ เก่งซะทุกอย่าง จุดเด่นของแซคคือ
    การกำกับภาพ และเทคนิคพิเศษที่ออกแนว ดารคๆการต่อสู้ที่แบบ หนักหน่วง แต่แค่นี้ก้ถือว่า เกือบครบเครื่องแล้ว การทำให้หนังซุปเปอรแมนกลายมา ทึมๆดิบๆตั้งแต่ man of steel คือมันโดนใจ คนทั่วโลก แต่ในเรื่องของ บท ที่ออก ดุดัน มากๆ ไม่ค่อยละมุลเท่าไหร่ เหมือนชายผู้แข็งแกร่ง แต่ไม่มีหญิงข้างกาย จึงขาดสมดุล
    ตั้งแต่แมนออฟสตีล ภาคแรกเป้นภาคดิบๆ และดุดันมาก ผมดูภาคแรก คือมันได้ความสะใจ ดิบ เถื่อน กร้าว
    แต่ขาดความนุ่มนวล ความตลก ขอดูภาคนี้ก่อนแล้วกัน

  9. อีกนิด ผมเข้าใจนะว่าทำไม นักวิจารณืถึงให้ วันเดอรเกิล เป็นตัวชูโรง
    เพราะหนังแซค มันออก ดิบเถื่อน แมนๆ ตรีม หม่นๆ ขาดความเซ็กซี่ นุ่นนวล เพราะถ้ามีคน สวยๆ
    น่ารัก เซ้กซี่ เข้ามา จะทำให้แย่งซีนไปได้เลย ผมอยากเห้นแซค ถ่ายทำแบบไม่ใช่ตรีม หม่นๆบ้าง
    ให้ออก ภาพสว่างๆ แบบ ฝั่งมาเวลบ้าง แต่คงไม่ใช่ทาง ของแกอีกอะแหละ

  10. อ่านในทวิตเตอร์มีท่านหนึ่งบอกว่าเรตติ้ง Rottentomatoes ของหนังเรื่องนี้อาจส่งผลต่อรายได้

    คือ Transformers 4 %ในเว็บมะเขือเน่าน้อยกว่า BvS เกือบครึ่ง แต่ก็ยังกวดรายได้ถล่มทลาย

    อีกอย่างนักวิจารณ์เว็บวิจารณ์หนังนี้ก็ค่อนข้าง Bias กับหนังสนีเดอร์พอสมควร (แต่ก็ใช่ว่าเว็บอื่นจะไม่เป็น)

    ดังนั้น อย่าไปเชื่อเว็บพวกนี้มาก อยากดูก็ไปดูเถอะครับ

  11. ไม่รู้แหละครับ ไม่แคร์คำวิจารณ์ 555 จองบัตรเรียบร้อย ถอยbatmanน้อยมาแล้ว ยังไงก็คง2รอบก่อนครับ ^__^

  12. Man of steel !!!!!! สุดยอด ส์….. คับ ฉากต่อสู้อลังการมากที่สุด ที่เคยมีมา… แล้ว BvS จะทำได้ขนาดไหนน้าาาาา 😜😋😉

  13. ดูมาแล้วชอบมากครับ แม้ตอนเล่าเรื่องภูมิหลังของบรูซ เวย์น ทำได้ไม่ดีนักแต่ก็ไม่ได้มีผลกับตัวหนังทั้งเรื่อง
    โดยรวมว่าดีกว่า Man of Steel สำหรับผมแล้วคุ้มค่ากับตั่วที่ต้องจ่ายทุกบาทแล้วครับ

  14. ทีแรก กะจะตี Imax พอเห็นคำวิจารณ์ ก็ขอตีแค่ Major ทั่วไปละกาน #มันมีผลต่อรายได้หนังแบบนี้ไง

  15. BvS สเกลของหนังค่อนข้างใหญ่พูดถึงความขาวและดำของจิตใจแบบไม่ต้องมีใครมาคอยบ่งการหรืออยู่เบื้องหลัง สำคัญสุดคือเป็นการเดินเรือออกจากท่าครั้งสำคัญของDC ถ้าฺBvSมันจะมีจังหวะหลวมบางฉาก ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ยังไงเสียถ้ารายได้ดีเหมือนทรานฟอร์เมอร์ เฉพาะในอเมริกา ภาคละ 300-400 ล้าน สไนเดอร์ก็ยังคงอยู่ ถ้าคุณสนใจคำวิจารณ์ คุณจะดูหนังไม่สนุก เชื่อดิ

  16. คำวิจารณ์มีไว้สำหรับ “คนที่ยังไม่ตัดสินใจ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไปดูหนัง หรือซื้อสินค้าสักชิ้น แต่ถ้าคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว คำวิจารณ์ไม่มีผลหรอก
    ส่วนตัวแล้วเป็น “คนที่ยังไม่ตัดสินใจ” ค่ะ 555

  17. มันคือDC จริงๆมันต้องงี้แหละครับมันใช่เลย สืบสวนช่วงต้นๆ ดราม่ากลางๆ จัดเต็มปลายๆ
    ส่วนตัวคิดว่าจริงๆมันทำให้ดาร์ทสุดๆอย่างที่ทุกคนต้องการได้ครับ แต่ทางทีมงานผู้สร้างเลือกที่จะปรับโทนหนัง ให้กลุ่มคนดูสามารถดูได้หลายกลุ่มกว่า ข้อดีคือเด็ก/วัยรุ่น/ผู้หญิง/กลุ่มคนดูเน้นมันส์อย่างเดียวในตอนท้ายไม่เน้นบทก็ดูกันได้หมดครับ กลุ่มชาวDCแบบต้องการดาร์ทม๊ากมากอย่างที่ควรจะเป็นเลยผิดหวังหน่อย บางอย่างดูง่ายไปหน่อย (ส่วนเวอร์ชั่นดาร์ทม๊ากมากไปใส่เป็นบูลเรย์เรทRแทน)

  18. ถ้าจะให้วิเคราะห์แล้ว ที่ BvS ออกมาแปร่งๆ บทดูแปลกๆ กลายเป็นเละไป ทั้งหมดทั้งมวลน่าจะเกิดจากความเร่งรีบของฝั่ง DC เอง

    เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ Avenger ภาคแรกออกมาแล้วปังระเบิดระเบ้อ ซึ่งความสำเร็จนั้นเกิดจากการค่อยๆปูพื้นและทิ้งขนมปังชิ้นเล็กๆไว้ตามทางของมาร์เวล เริ่มมาตั้งแต่ ปี 2008 Ironman มา Thor มา Cap แล้วมาขมวดปมสรุปรวบยอดที่ AVG 1 ตอนปี 2012

    ในขณะนั้น DC ยังมัวแต่ปลื้มปริ่มกับสุดยอดผลงานของ โนแลนอยู่ มารู้ตัวอีกทีว่าเป็นแค่ความภูมิใจระยะสั้น แต่ของ Marvel เค้าวางแผนมาไกลกว่านั้น พอ AVG ภาคแรกประสบความสำเร็จ DC ถึงจะเริ่มขยับตัวและรู้ตัวว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ Marvel จะไปไกลแน่ๆ จึงเกิด Man of Steel ของแช็คขึ้นมาในปี 2013 เพื่อโยนหินถามทาง (แถมยังรีบูทใหม่อีกทั้งๆที่ภาคที่แล้วก็พึ่งจะรีมา)

    จากปี 2012 เป็นต้นมา Marvel ไม่รอช้ากระหน่ำ ทั้ง Ironman3 , Thor2 , Cap:WinterSoldier และยังแถม Gardianฯ มาใหัอีก แล้วตบท้ายด้วย AVG : Age of Ultron อย่างงดงามอีกครั้ง ในปี 2015

    ในขณะที่ช่วงเวลานี้ DC มีทั้งหมด
    … 0 เรื่อง เท่านั้น ตั้งแต่ Man of Steel เป็นต้นมา 3 ปี DC ไม่ออกอะไรเลย ในขณะที่ Marvel เข้า Phase 3 ไปแล้ว

    มาถึว BvS ที่ DC ไม่ปูอะไรมาเลยไปวางแผนอยู่ตั้ง 3 ปี ตอนนี้สถานการณ์บีบบังคับให้ DC ต้องเกาะขบวนรถไฟให้ทันก่อนที่ตลาดจะอิ่มตัวกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่เสียก่อน ไหนจะต้องพยายามเข็นทีม JLA ของตัวเองออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อีก

    ตอนนี้ DC เลยต้องพยายามจับทุกอย่างมามัดรวม ทั้งเปิดตัว Bat ขยายเรื่องให้ Sup ปูพื้นให้ JLA สร้างตัวร้ายเจ๋งๆเพื่อเอาไปใช้ต่อ โดยที่ต้นทุนตั้งแต่เริ่มเฟสมา มีแค่ Man of Steel เรื่องเดียวเท่านั้น เมื่อต้องยำทุกอย่างรวมกันขนาดนี้ ทั้งต้องเล่าเรื่องปูพื้น ฉากบู๋ก็จะเอา ประเด็นต่อเนื่องก็ต้องมา มันเลยเป็นแบบนี้แล

    DC เหมือนจะทำหนังออกมาโดยพยามยามจะสู้ Marvel จนเกินไป แต่ตัวเองถ้าเทียบแล้วเป็นมวยที่ขึ้นชกมาน้อยกว่าคู่ต่อสู้ แล้วยังอยู่ในช่วงจะจบยกที่คู่ต่อสู้คะแนนนำอีก เลยรวนไปหมด

    ถ้า DC ยังพยายามเดินตามสูตรของ Marvel (แล้วก็ดูเหมือนจะใช่ด้วยเพราะทำแบบเดียวกันเด๊ะ ประกาศจะออกฮีโร่ภาคแยกอีกหลายตัว แล้วก็จะเอามารวมทีม) แล้วเร่งจะเอาให้ทัน ก็จะมีเสียวแบบนี้ไปตลอด

    ปล. ของ Marvel เค้าตอนนี้มีทรัพยากรพร้อมสรรพ การปูตัวละครไม่ต้องพูดถึง คนดูรู้จักตัวละครหลักมาจนทะลุแล้ว การจะให้ตัวละครมาสู้กันเองก็ไม่ยาก การจะปูไปถุงมือเกรียนก็ไม่ยาก เพราะทิ้งประเด็นไว้ยาวมาตั้งแต่เฟสสอง

    ปล.2 ไม่ใช่ติ่ง Marvel หรือเกลียด DC แต่ใจผมคิดว่า DC ทำตามแนว Marvel มากไปถ้าใจกล้าๆ ทำฉีกไปเลยแล้วทำออกมาชัดๆแบบโนแลน ก็น่าลุ้น

  19. ผมให้หนังเรื่องนี้ในเกณฑ์บวก 4/5
    สนุกพอๆกับภาค แมนออฟสติล

    สปอยล์
    ดูสนุกหน้าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ มีบางอย่างที่เสียดายคือ น่าจะเก็บดูมส์เดย์ไว้เซอร์ไพรส์คนดูแทนที่ไปเฉลยไว้แล้วในหนังตัวอย่าง
    ขายาวๆของนักแสดงที่รับบทเป็นเลขาของลูเธ่อทำให้เราไขว้เขวเล็กน้อยว่าเธอนั้นจะมีบทบาทอะไรมากกว่านั้น
    วันเด่อร์วูแม่นล้มหงายหลังได้น่ามองมาก แผ่นเรทRมาเมื่อไหร่พี่จะสคีปมาดูตรงนี้เป็นอันดับแรกเลย (ประเด็นนี้ล้อเล่นนะ)
    สำหรับบางคนที่ไม่ใช่แฟนการ์ตูนฮีโร่ อาจจะงงเล็กน้อยเกี่ยวกับ เฟลช สตีล และ อควาแมน เพราะดีซียังไม่ได้เปิดตัวตัวละครพวกนี้เลย
    การใช้ความฝันของบรุซช่วยทำให้การเล่าเรื่องดูง่าย และไปได้เร็ว แม้จะไร้เหตุผล แต่นั้นก็คือฝันของบรุซ และมันสามารถขับเคลื่อนเนื้อเรื่องได้
    มีหนึ่งฉากที่หนังทำให้ผม รู้สึกสงสารซูเปอร์แมนได้ คือฉากที่โลอิสกำลังจะขึ้นแท๊กซี่และซูเปอร์แมนลงมาคุยด้วยก่อนเหาะไปปะทะกับแบทแมน ซุปเปอร์แทนพูดมาหนึ่งประโยคจบท้ายได้แทงใจ
    สรุป ก็คือหนังที่น่าดูครับ ออกแผ่นเมื่อไหร่ก็ซื้อมาดูซ้ำอีก

  20. Wonder woman ออกมา ฉาก300 นี่ลอยมาในหัว!! ว่าล่ะเห็น Teaser แล้วไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ดูมันแหม่งๆไงไม่รู้ ดูเสร็จตามคาดเลย ผมว่าบทอ่อนไป ยังกะละครไทย ซ้ายที ขวาที ไม่สุดไปสักทาง แต่ก็พอจะทำให้คนดูอยากติดตามเรื่องต่อไปของDCได้นะครัช
    ปล. Superman อยู่ในหนังทีไรยังไม่สุดสักที ปีนี้รอ suicide squad ของ DC มาแก้ตัวถ้าทางจะจะมันเอาเรื่อง

  21. Wonder Woman ออกมา ฉาก 300 วิ่งเข้ามาเลยทีเดียว..มีใครเป็นบ้าง?
    หนังไม่ต่างจาก Trailer ดูไม่หน้ามีไรแปลกจากที่คิด ทะเลาะกันดีกันรวมสู้ แต่ที่ผิดหวังคือบทที่ดำเนินเรื่องไปตามที่ว่ามาจะอ่อนไป ผมว่าหนังทำมาเพื่อเปิดทางให้ DC เดินสะดวกเท่านั้น ไม่ต้องไล่ตาม Marvel ไกลนัก ถึงได้รวบ แบบไม่ปะติดปะต่อแบบนี้ เพื่อเปิดทางให้ตัวละครอื่นมากกว่า จึงทำ BvS มาเรียกคนเข้าไปดูแล้ว ค่อยขายของแยก
    ปล.SuperMan movie ยังไม่สุดสักที

  22. ไปดูเถอะครับ ผมดูมาแล้ว ไม่ถึงกับ ว้าว แต่สนุกสมการรอคอย เนื่อเรื่องก้อไม่ขี้เหร่
    ถ้าจะผิด คงผิดที่หนังตัวอย่าง ออกมาสปอย จนคนดูหนังจับทางหนังได้หมด
    วันหน้า ว่าจะดูหนังตัวอย่างแค่ผ่าน ๆ พอแระ

  23. ดูมาแล้วคับ…หนังดีมากคับ การดำเนินเรื่องดี ฉากต่อสู้ก็สุดยอด… อย่าไปเชื่อคำวิจารมากคับ โดยมากเขาจ้องจับผิดน่ะคับ… ถ้ามัวจะจับผิดหนังยุ มันจะดูหนังสนุกอะไรล่ะคับ
    ขอบบอกว่าหนังสุดยอด คุ้มค่าเงินค่าตั๋วคับ

  24. ขอโทษด้วยครับ
    ไปอ่านในกระดานกระทู้pantipมา รู้สึกหุนหวย กับบางท่านในนั้นที่ดูหนังไม่รู้เรื่องตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ผมนี่ออกอาการแน่นอกอยากจะไปอธิบายให้จังแต่ไม่ได้เป็นสมาชิก
    เฮ้อ….

  25. พยายามไม่มีอคติตอนชมหนังอย่างที่สุดแล้ว
    แต่BvS เป็นหนังที่ดูแล้วเสียเวลาสุดๆ

    no offense นะครับ แต่ที่บอกว่าอย่าเชื่อคำวิจารณ์น่ะ พอดูแล้วผมว่าคำวิจารณ์ที่ได้ต่ำๆนั่นเค้าอ่อนโยนสุดๆ ผมว่าแย่กว่านั้นเยอะ ไม่ได้จ้องจับผิดแต่ พอดูแล้วมันไม่สมเหตุสมผลในทุกประเด็น
    แล้วที่ว่ามีเยอะกว่าในตัวอย่าง พอดูก็ไม่เยอะเลย แอคชั่นก็ไม่หนัก สู้กันไม่สมศักดิ์ศรีจริงๆ

    (อาจมีสปอยล์ เพราะต้องการจะบอกเจาะจงว่าส่วนไหนที่แย่)

    หนังเต็มไปด้วยสิ่งไร้ค่า มีหลายฉากที่ไม่ได้ทำให้เรื่องเดินหน้าซึ่งมันไม่เกิดอารมณ์ร่วมอะไรเลย
    ทางDCควรพิจารณาการเขียนบทจริงจัง เพราะมีบทที่ดูnon sense และงี่เง่าเยอะมาก ขาดเหตุผลในทุกประเด็น เช่น ฉากตึกเวย์นถล่ม(คนในตึกควรจะออกมาตั้งแต่เห็นยานมาทำลายเมืองแล้ว ไมใช่รอบรู๊ซโทรมาบอก) ฉากที่บรู๊ซฝัน ฉากนิมิต ฯลฯ
    ในส่วนตอนเปิดเรื่องน่าเบื่อมาก น่าตลกที่หนังสไปดี้จะรีเมคครั้งที่สาม แล้วมีคนบ่นเรื่องลุงเบนตาย แต่แบทแมนเล่าเรื่องซ้ำแทบทุกภาค กลับไม่มีคนบ่น แล้วในหนังก็มักจะเอาเหตุการณ์เดิมมาฉายซ้ำเพื่อเพิ่มเวลาให้หนังยาวขึ้นอย่างไร้ค่า
    ฉากแบทแมนที่โลกอนาคตและโดนถอดหน้ากากที่เห็นตัวอย่างก็ไร้ความหมายมาก เหมือนแค่จะทำเป็น trailer ให้น่าดูเท่านั้น

    ประเด็นสำคัญที่ฮีโร่สองตัวสู้กันก็อ่อนและโง่เกินไป ซุปเปอร์แมนพูดตั้งแต่แรกได้ แต่กลับเลือกที่จะต่อย
    แล้วมาทำให้แบทแมนดูโง่ตามทันทีที่เริ่มสู้กัน สำหรับwwไม่มีอะไรน่าตื่นตา เฉยๆและบทน้อย
    มีที่นักวิจารณ์ได้ดูปีที่แล้วๆกล่าวว่าหนังมีมากกว่าdoomsdayที่เห็นในตัวอย่าง แต่เมื่อพิสูจน์ด้วยตัวเองกลับไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย แถมพอตัวร้ายออกมา สงสารแบทแมนมากกก T_T
    สุดท้ายที่นึกออกบทเล็กซ์ ลูเธอร์ จงใจจะสร้างcharacterเกินไป เลยออกมาดูเฉยๆ และดูไม่เป็นลูเธอร์เลย
    แล้วหนังก็ใช้มุขเดิม เล็กซ์ เป็นคนที่รู้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องคริปตันไนท์ที่มันมาจากโลกอื่น แต่กลับเป็นคนเดียวบนโลกมนุษย์ที่รู้ว่าอยู่ไหน ใช้ทำอะไรได้ แถมยังรู้จักฮี่โร่ตัวอื่นๆ พร้อมทำโลโก้ให้เสร็จเรียบร้อยเลย

    ทิ้งท้าย ฉากอควาแมน…โคตรลิเก

    เห้อออออออ

    0.1/100
    ให้คะแนนเบนแสดงดี แต่ก็ชอบเบลมากกว่า

    • นี่ขนาดไม่อัคตินะครับเนี่ย 0.1/10 อยากจะถามว่า คะแนน 0.1 นี่มันคะแนนเท่ากับหนังเรื่องไหนก่อนหน้านี้ที่คุณเคยดูมามั้ยครับ หรือว่า 0.1 นี่คือคะแนนหนังที่แย่ที่สุดในชีวิตคุณ

      • ผมว่า ถ้าเค้า ไม่ชอบหนังแบบ wacthmen ก็คงยากจะชอบเรื่องนี้ครับ หนังของแซค ถ้าคนไม่รัก ก็จะเกลียดเข้าไส้เลย หรืออาจเพราะ the dark khight คงทำมาตรฐานไว้สูงมากเกินไป

      • 555 ผมคงให้คะแนนโหดไป คงเป็นเพราะปกติเจอแต่หนังที่คาดหวังแล้วแป็ก แต่เรื่องนี้ไม่ได้คาดหวัง ยอมไปพิสูจน์เอง แต่ดันเฟลล่ะมั้งครับ
        ตอนหลังไปนั่งอ่านความเห็นอื่นๆในเว็บอื่น ก็มีจุดที่คลายได้เรื่องเดียว แต่การนำเสนอของผกกมันไม่เวิร์คอยู่ดี …ถ้าผมจะเปลี่ยนใหม่ ติให้อ่อนลง ก็man of steel ทำได้ดีกว่า

        เอ๊ะ…มันดีขึ้นหรือแย่ลงนะ 5555
        (แฟนๆดีซีอย่าสนใจเม้นท์นี้มากละกัน ไม่อยากทำร้ายจิตใจ คนเรามีความชอบไม่เหมือนกันเนอะ)

    • เห็นด้วยกับคุณมากๆครับ คิดเหมือนกันเป๊ะๆ จริงๆแล้วผมชอบ man of steel กับ watchmen นะ สำกรับผมผมดูได้สนุก หยิบเอาขึ้นมาดูหลายรอบ.แต่สำหรับ BvS นี่ ไม่ไหวอ่ะ ผิดหวังมาก บทอ่อน น่าเบื่อ ฉากประทะกันระหว่าง B กับ S ก็ไม่สมการรอคอย มันไม่สุดสักทาง แอคชั่นก็ธรรมดา เล่าเรื่องโดดไปโดดมา เละมาก น่าเสียดายองค์ประกอบหลายๆอย่าง

      ตอนนี้ผมคิดว่าใครเป็นแฟนหนัง DC ควรจะส่ง email ถึงวอร์เนอร์ ให้คัดเลือกคนเขียนบทเก่งๆ และหาผู้กำกับคนใหม่ได้แล้ว…

      BvS ผมให้ 4/10

  26. “เมื่อคุณจับแซคชไนเดอร์มาแตะแบทแมน นี่แหละคือสิ่งคุณจะได้”
    บทหนัง-
    แม้ไม่ดีเท่าฉบับพี่น้องโนแลน แต่ก็นับว่าฉลาดว่าควรขยี้ประเด็น สถานะพร้อมด้วยภาวะจิตใจของS ซึ่งทำให้เขาดูเป็นคนที่คนดูแตะต้องและเข้าถึงได้ พร้อมกันนั้นก็ยังแอบแนะนำ F A C ได้โดยไม่ทำลายบรรยากาศหนังโดยรวม ซ้ำยังกล้าทำฉากช๊อกโลกคือระเบิดทำเนียบอีก ต้องขอปรบมือให้เลย 7/10
    ตัวละคร-
    ทั้งS B W ต่างมาพร้อมพละกำลัง ตรงข้ามกับวายร้ายร่างเล็กๆแบบไร้ทางสู้ของเจสซี่ ที่เป็นLex แต่มันก็ถูกทดแทนด้วยมันสมอง ค.บ้าบิ่น และปมเกลียด พระเจ้า ซึ่งคือพวกซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายนั่นเอง ขณะที่ตัวประกอยอื่นๆ ทั้งไม่ช่วยขับเคลื่อนอะไร แต่กลับกลายเปนความบกพร่องของหนังเสียด้วยซ้ำ ที่ไม่อาจกระจายบทไปทั่วถึงกัน ซึ่งปัญหานี้ก็อาจแก้ได้ หากใส่นักแสดงระดับออสก้าดังเช่นไมเคิล เคน หรือมอแกน ฟรีแมนเช่นฉบับโนแลน ที่แม้บทน้อย แต่ก็สามารถหนุนตัวละครหลักได้ดี 6/10
    การกำกับ-
    องค์แรก นับว่าอึดอาดมากจนง่วง มันควรเข้มข้นกว่านี้ได้ถ้าเน้นการสืบสวนของ B หรือการจัดฉากใส่ร้ายS ไปเลยสักอย่าง หรือจะให้ B ตามสืบการจัดฉากป้ายสีS จะดีกว่า เพราะBมักชอบเล่นถ้ำมองผู้เล่นตัวอื่นๆอยู่แล้ว ฉากการปะทะระหว่างทั้งสองก็ทำได้ดี ที่สำคัญกว่านั้นมันยังสมเหตุสมผล โดยไม่ทำให้B เป็นไอออนแมนไปซะ ขณะที่การมาถึงของdoomsday ในองค์สุดท้าย ก็จัดเต็มให้ขาบู๊ได้สะใจ แม้ไม่สมการรอคอย แต่ก็ไม่นับว่าผิดหวังแต่อย่างใด เพราะแซคมักทำฉากแอคชั่นได้ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่300 ถึงwacthmen เป็นเครื่องการันตี แม้ในส่วนดราม่าจะยังไม่ค่อยพัฒนาก็ตาม แต่มาตรฐานก็ ยังอยู่ระดับ wacthmenซึ่งดีกว่า Man of steel พอสมควรซึ่งดูไม่ค่อยเป็นแซคเลย 7.5/10
    โดยภาพรวม 7 .8/10
    นี่แหละคือ หนังของแซค ชไนเดอร์ที่เราอยากดู และปลื้มครับ

  27. ผมว่าหนังเรื่องนี้เสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ถึงกับเลวร้ายอะไร ดูได้เพลินๆ เพียงแต่อารมณ์หนังยังพาไปไม่ถึงที่สุดเท่านั้น(ผมว่าเพราะเทคโนโลยี่สมัยใหม่ทำให้หนังactionสมัยนี้เร่งรีบกันเกินไป เน้นแต่ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอและเสียงกระหึ่มรอบทิศทาง ทำให้หนังขาดอารมณ์ร่วม ไม่เหมือนสมัยดูT2 ยังประทับใจไม่ลืม) ถ้าใครเคยดูหนัง Batman & Robin ในโรงถึง 3 รอบเหมือนผม(ไปเอง 1 รอบ, พาแฟนไปดู 1 รอบและพาหลานอีก 1 รอบ)คงจะเข้าใจเหมือนผมว่าเรื่องนี้ยังไงก็รับได้ (ให้ 7/10) แต่สมัยนี้ค่าตั๋วหนังค่อนข้างแพง(โดยเฉพาะIMAX)ต่อให้วิเศษเลิศเลอแค่ไหน ก็ดูแค่รอบเดียวพอ กลับเข้าเรื่องส่วนWWดูทีไร ผมกลับนึกถึงแต่lynda carterอยากให้เธอย้อนยุคมาอยู่ในสมัยนี้จัง เพราะสมัยผมเธอคือสาวน้อยมหัศจรรย์ตัวจริงที่คนดูร้องwow

  28. เสียดายแทนคนที่ดูแล้วไม่รู้สึกสนุกนะ
    ผมนี่อินมาก ลุ้นมาก บทหนัง เป็นบทที่ละเอียดและมีเงื่อนงำเยอะมาก คนที่ตามทัน จะฟินแบบสุดๆไปเลย
    ตอนสู้กันก็เหมาะสม วัดกำลังกันแบบไวๆ ไม่ต้องยัดทะนาน มาเยอะแยะ ซ้ำไปมา น่าเบื่อ ดูมเดส์ ก็เก่งยิ่งใหญ่ โหดฟัด ไม่ง่อย ชอบมาก
    ความยิ่งใหญ่ของการสู่กันด้วยพลังซุปเปอฮีโร นั้นทำได้น่าขนลุก ผมนี่กำมือแน่นเลย
    อย่าบที่บอก เสียดายแทนคนที่บอกว่าดูแล้วไม่สนุกจริงๆ
    10/10 จ้า

Leave a Reply to Vp.VCancel reply