จากมุมมองของร็อบ ฟรีดแมน ประธานร่วมของไลออนส์เกตบอกว่า การที่หนังภาคสุดท้ายของ The Hunger Games ทำรายได้ต่ำขนาดนี้ มีเหตุผลมาจากการก่อการร้ายในยุโรป และการทำเงินแบบเกินคาดของ Star Wars: The Force Awakens ซึ่งสาเหตุอย่างหลังนี้ “ทำให้ดึงรายได้หนังของเราไปราว 50-100 ล้านเหรียญ” ซึ่งการอ้างเช่นนี้น่าจะทำให้คนในฮอลลีวู้ดตกใจหรือแปลกใจพอสมควร
รายได้ของหนังเรื่องนี้ในจีนยังสร้างความผิดหวังให้แก่ไลออนส์เกตด้วย เพราะทำรายได้จากการฉายในจีนไปเพียง 21 ล้านเหรียญ ต่ำกว่า The Last Witch Hunter ที่ทำเงินในจีนไปราว 25 ล้านเหรียญ และผู้บริหารของไลออนส์เกตก็โทษว่าเป็นเพราะให้หนังฉายโดยมี Spectre กับ The Martian มาขนาบ ทำให้โดนแย่งโรงฉาย
เมื่อรวมกับความล้มเหลวทางรายได้ของ Mortdecai และ Point Break แล้ว จึงไม่แปลกที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นของไลออนส์เกตตกลงไปถึงราว 32%
ผู้บริหารของไลออนส์เกตบอกด้วยว่า ปี 2016 จะเป็นปีที่มีหนังของค่ายออกมาน้อยเพราะทุ่มไปกับการสร้างและประชาสัมพันธ์ The Hunger Games: Mockingjay Part 2 แต่คาดว่า La La Land ที่นำแสดงโดยไรอัน กอสลิ่ง กับ เอ็มมา สโตน จะเป็นหนังที่เปรี้ยงปร้างในปีนี้ของค่าย และเชื่อว่า Gods of Egypt ก็น่าจะสร้างรายได้ที่มากให้ได้ด้วย และในปี 2017 ก็จะมีหนังของค่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งในบรรดาหนังเหล่านั้นก็จะได้แก่ The Odyssey, Power Rangers, Now You See Me 3 และ Hood
ที่มา: deadline